ในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ.1860 หลุยส์ ปา

ในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ.1860 หลุยส์ ปาสเตอร์ นักเคมีชาวฝรั่งเศส เดินทางไปไต่ภูเขาแอลป์ บริเวณใกล้ชาโมนีซ์ เขานำขวดปิดผนึกไปด้วยกว่า 30 ใบ ในขวดมีน้ำส่าสกัด กับน้ำตาล ก่อนหน้านี้ ปาสเตอร์ เคยทดลองให้เห็นมาแล้วว่า ถ้าเปิดขวดทิ้งไว้กลางอากาศ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง สิ่งที่บรรจุไว้ในขวด จะมีเชื้อโรคปนเปื้อน ครั้งนี้ ปาสเตอร์ขึ้นไปบนภูเขาสูง 1,500 เมตร ซึ่งมีอากาศบริสุทธิ์ปราศจากเชื้อโรค แล้วเปิดขวดให้อากาศเข้าไป จากนั้นจึงปิดผนึกอีกครั้ง เมื่อกลับมาถึงห้องทดลอง เขาก็แสดงให้เห็นว่า น้ำส่านั้นไม่บูดหรือเสีย



การค้นพบครั้งนี้ได้นำไปใช้กำจัดเชื้อโรค ในน้ำนม เหล้าองุ่น และเบียร์ ทำให้เครื่องดื่มเหล่านี้ ปลอดภัยและน่าดื่ม จากผลของการศึกษานานแรมปีนี้เอง ปาสเตอร์ยืนยันว่า " โรค " ที่เกิดในของเหลวชนิดต่างๆ มาจากเชื้อแบคทีเรีย ในบรรยากาศชั้นล่างๆ ซึ่งเป็นภัยต่อสุขภาพของสิ่งมีชีวิต เขายังเขียนไว้ในเวลาต่อมาว่า " ในโลกของการทดลอง โชคจะเข้าข้าง แต่จิตใจที่เตรียมพร้อมแล้วเท่านั้น "
ตัวของเขาก็ได้เตรียมใจไว้พร้อมแล้ว ตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ วิชาเคมีในปลายทศวรรษ 1840 ที่สถาบันวิทยาศาสตร์ เมืองสตราสบูร์ก ซึ่งอยู่ทางตะวันออก ของฝรั่งเศส เขาเขียนจดหมายถึงเพื่อนคนหนึ่งในปี ค.ศ.1851 ว่า " ผมจวนไขความลับได้แล้ว หมอกที่บดบังจางลงทุกทีแล้ว " อีก 6 ปีต่อมา เขาก็วิเคราะห์ถึงกระบวนการหมักเชื้อ ในแอลกฮอล์ และสรุปว่าสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋ว ซึ่งต่อมาเขาเรียกว่า " จุลินทรีย์ " นั้น เป็นสาเหตุให้ของเหลวบางอย่าง เช่น น้ำส้มสายชู และเหล้าองุ่น เน่าบูด
พระเจ้านโปเลียนที่ 3 ทรงมีรับสั่งให้ ปาสเตอร์แก้ปัญหาเรื่องเชื้อโรค ที่ทำให้เหล้าองุ่นเสื่อมคุณภาพ เหล้าองุ่นเป็นผลิตผลสำคัญอย่างหนึ่ง ของฝรั่งเศส ปาสเตอร์ได้ไปเยือนไร่องุ่นนับสิบๆ แห่ง เขาซักถามคนงาน ทดลองชิม แนะนำตัวอย่างเหล้าองุ่นต่างๆ กลับมาตรวจดู ทั้งขั้นที่ยังบ่มไม่ได้ที่ บ่มได้ที่แล้ว และขั้นที่เสื่อมคุณภาพแล้ว
ผลการทดสอบแสดงว่า เราอาจทำลายเชื้อโรคที่อุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียส โดยไม่มีผลต่อรสชาติของเหล้า กรรมวิธีนี้ต่อมาเรียกว่า " การฆ่าเชื้อแบบปาสเตอร์ " หรือ " การพาสเจอไรซ์ " (pasteurisation) ซึ่งปาสเตอร์นำไปใช้ทำให้นมปลอดเชื้อด้วย
อันที่จริง เคยมีผู้เห็นแบคทีเรีย ด้วยกล้องจุลทรรศน์เป็นครั้งแรก เมื่อประมาณ 200 ปีหน้านั้น แต่ในครั้งนั้นเข้าใจผิดไปว่าจุลินทรีย์ ผลที่เกิดจากการเน่าเสีย มิใช่สาเหตุ ปาสเตอร์เป็นบุคคลแรก ที่แก้ไขให้เข้าใจกันอย่างถูกต้อง
ไม่นานนัก ปาสเตอร์ก็เสาะหาวิธีรักษาโรคห่า ชนิดทั้งในคน และสัตว์ และเสนอแนวคิด ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อย่างใหญ่หลวงว่า เชื้อโรคได้ " ปรากฎตัวขึ้นอย่างลึกลับจากที่ไหนก็ไม่รู้ " แหล่งที่มาแน่ชัดที่สืบสาวไปได้ถึง คือจากความสกปรก และฝุ่นละออง



หลุยส์ ปาสเตอร์ เกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ.1822 เป็นบุตรเจ้าของโรงฟอกหนัง ในเมืองซึ่งอยู่ใกล้กับดิจอง เขาไปยอมเจริญรอยตามบิดา ปาสเตอร์ไต่เต้าจากฐานะครูสอนวิชาเคมี จนได้เป็นผู้อำนวยการสาขาวิทยาศาสตร์ ในวิทยาลัยครูที่มีชื่อเสียงของปารีส คือ Ecole Normale Superieu
4 ปีต่อมา คือเมื่อปี ค.ศ.1864 ปาสเตอร์ได้กล่าวปาฐกถา เรื่องงานของเขาที่ซอร์บอนน์ ซึ่งเป็นที่ของคณะวิทยาศาสตร์ และอักษรศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยปารีส เขาชี้ให้ที่ประชุมดูของเหลว ที่เป็นสารอินทรีย์บางอย่างในภาชนะปิดผนึก และกล่าว " (สารนี้) บริสุทธิ์มาตั้งแต่ข้าพเจ้าเริ่มการทดลอง เมื่อหลายปีมาแล้ว บริสุทธิ์เพราะข้าพเจ้าเก็บไว้ให้ จากเชื้อโรคที่ลอยอยู่ในอากาศ "
ตลอดระยะเวลา 17 ปีต่อมา ปาสเตอร์ใช้เวลาส่วนใหญ่ หายาป้องกัน (วัคซีน) โรคอหิวาต์สำหรับไก่ และโรคแอนแทร็ก อันเป็นโรคฝีร้ายซึ่งมักเกิดกับแกะ และวัว ควาย ทำให้ถึงตายได้ และติดต่อถึงคนได้ เขาสังเกตว่าเมื่อปศุสัตว์เป็นโรคนี้ และหายจากโรคได้ครั้งหนึ่งแล้ว ก็มักไม่เป็นโรคนี้อีกต่อไป เขาจึงฉีดเชื้อโรคที่อ่อนแรง เข้าไปในตัวสัตว์เหล่านี้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคตลอดชีพ เขากล่าวว่า " ขั้นตอนก็ง่าย วิธีของข้าพเจ้า คือ ทำให้จุลินทรีย์ต่อสู้ และทำลายกันเองจนหมดสิ้นในที่สุด "
ต่อมาเขาหันมาสนใจหาทางรักษา และป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ในเดือนธันวาคม ค.ศ.1880 เพื่อผู้หนึ่งซึ่งเป็นสัตวแพทย์ ให้สุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าแก่เขา 2 ตัว เพื่อใช้ทดลอง ผู้ที่ถูกสุนัขบ้ากัดจะไม่แสดงอาการในช่วง 3 - 12 สัปดาห์ จากนั้นจึงเริ่มชักกระตุก เพ้อคลั่ง กลัวการกลืนน้ำอย่างยิ่ง และตายภายใน 2 - 3 วัน
วิธีรักษา คือ ใช้กรดคาร์บอลิก หรือเหล็กเขี่ยไฟที่ร้อนแดง จี้แผลที่ถูกกัด แต่ " การรักษาแบบนี้มักเป็นเหตุให้คนไข้ตาย ปาสเตอร์ต้องการหาวิธีที่ไม่โหดร้ายทารุณ เขาไปเก็บตัวอยู่ในป่าเมอดง ใกล้ปารีส เขาขังสุนัขที่เป็นโรคกลัวน้ำไว้ที่นี่ 50 ตัว และพบเชื้ออยู่ในน้ำลาย และระบบประสาทของสุนัข ในฤดูใบไม้ผลิปี ค.ศ.1884 หลังจากทดลองกับสุนัข และกระต่ายนับสิบๆ ครั้ง เขาก็เพาะวัคซีนไวรัสพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นเชื้อที่อ่อนแรงแล้วได้สำเร็จ
นอกจากจะช่วยต่อสู้โรคพิษสุนัขบ้าแล้ว ผลงานด้านวัคซีนของปาสเตอร์ ยังช่วยเบิกทางสู่วิชาแพทย์แขนง " วิทยาภูมิคุ้มกัน " (immunology) ทุกวันนี้มีโรคที่ให้พิการ หรือถึงแก่ชีวิตประมาณ 30 ชนิด รวมทั้งโรคหัด โรคโปลิโอ และโรคคอตีบ ซึ่งป้องกันได้ ด้วยการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกัน
ในปี ค.ศ.1888 ได้มีการเปิดสถาบันปาสเตอร์ ในกรุงปารีส งานส่วนหนึ่ง คือเพื่อค้นคว้าวิจัย เรื่องโรคพิษสุนัขบ้าต่อไป ต่อมาแม้อาการเส้นโลหิตแตก จะทำให้ปาสเตอร์มีสภาพกึ่งอัมพาต แต่กระนั้นเขาก็ยังดำรงตำแหน่งผู้นำของสถาบันแห่งนี้ จวบจนกระทั่งถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 28 กันยายน ค.ศ.1894 ศพของเขาฝังไว้ในสุสานหินอ่อน อันสง่างามในสถาบันแห่งนั้น คำจารึกที่สุสานของตนเอง ซึ่งเขาได้ประพันธ์เตรียมเอาไว้ มีความว่า
" กฎที่มีตัวเราเป็นเครื่องมือ คือกฎแห่งสันติภาพ การงาน และสุขภาพนั้น ย่อมเสาะหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อช่วยให้มนุษย์ พ้นจากความหายนะที่ตามล้างผลาญ

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

In autumn last year 1860 Louis Pascal, a The people of France travel to chemists to climb Mount Alps. At chamo ni He brought the bottles sealed with over 30 water bottle in order to extract sugar from previous cold sores. Pascal, a Ever try to see, that if leave central air conditioner bottles filled with dust. What's in the bottle, it is the disease contamination. This time. Pascal, a high mountain on the 1500 m, where there is fresh air, open a bottle of germ-free air into the sealed again. When it comes to lab He suggests that it is not spoiled or damaged spore water. This discovery has led to infection. In milk Wine and beer making these drinks and drinking as a result of long years of studying hotel. Pascal, a confirmation that "disease", resulting in different types of fluids derived from bacteria. In the atmosphere, which are the leading health hazards of the lang life. He has also written at a later time, "in a world of temptation to sympathize, but thankfully mentally ready." He also prepared. ready since has been appointed as a professor in the Graduate Institute of urban science 1840 Strasbourg, which lies east of France. He wrote a letter to a friend in 1851, "I practically solve the secret, and then the fog obscured fade me" again six years later. He analyzed racial ferment process Kaho, and concluded that in the l-life miniature, which he called a "microorganism" it causes some liquid such as vinegar and wine. Spoiled rotten God, Napoleon III has been ordered, a Pascal troubleshooting germs that cause degeneration of quality wine. Wine is one of the important marketing France. A Pascal is visiting countless vineyards, he asked the workers try to taste. Introduce the different wine samples come back to review the entire step to curing the curing step is done, the quality degrades. The test results show that we may destroy germs that temperature 55° c. Without affecting the taste of the liquor. This process later called a "sterile" or "Pascal style phatchoerai" (pasteurisation) in which a Pascal implementation of aseptic milk. อันที่จริง เคยมีผู้เห็นแบคทีเรีย ด้วยกล้องจุลทรรศน์เป็นครั้งแรก เมื่อประมาณ 200 ปีหน้านั้น แต่ในครั้งนั้นเข้าใจผิดไปว่าจุลินทรีย์ ผลที่เกิดจากการเน่าเสีย มิใช่สาเหตุ ปาสเตอร์เป็นบุคคลแรก ที่แก้ไขให้เข้าใจกันอย่างถูกต้อง ไม่นานนัก ปาสเตอร์ก็เสาะหาวิธีรักษาโรคห่า ชนิดทั้งในคน และสัตว์ และเสนอแนวคิด ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อย่างใหญ่หลวงว่า เชื้อโรคได้ " ปรากฎตัวขึ้นอย่างลึกลับจากที่ไหนก็ไม่รู้ " แหล่งที่มาแน่ชัดที่สืบสาวไปได้ถึง คือจากความสกปรก และฝุ่นละออง หลุยส์ ปาสเตอร์ เกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ.1822 เป็นบุตรเจ้าของโรงฟอกหนัง ในเมืองซึ่งอยู่ใกล้กับดิจอง เขาไปยอมเจริญรอยตามบิดา ปาสเตอร์ไต่เต้าจากฐานะครูสอนวิชาเคมี จนได้เป็นผู้อำนวยการสาขาวิทยาศาสตร์ ในวิทยาลัยครูที่มีชื่อเสียงของปารีส คือ Ecole Normale Superieu 4 ปีต่อมา คือเมื่อปี ค.ศ.1864 ปาสเตอร์ได้กล่าวปาฐกถา เรื่องงานของเขาที่ซอร์บอนน์ ซึ่งเป็นที่ของคณะวิทยาศาสตร์ และอักษรศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยปารีส เขาชี้ให้ที่ประชุมดูของเหลว ที่เป็นสารอินทรีย์บางอย่างในภาชนะปิดผนึก และกล่าว " (สารนี้) บริสุทธิ์มาตั้งแต่ข้าพเจ้าเริ่มการทดลอง เมื่อหลายปีมาแล้ว บริสุทธิ์เพราะข้าพเจ้าเก็บไว้ให้ จากเชื้อโรคที่ลอยอยู่ในอากาศ " ตลอดระยะเวลา 17 ปีต่อมา ปาสเตอร์ใช้เวลาส่วนใหญ่ หายาป้องกัน (วัคซีน) โรคอหิวาต์สำหรับไก่ และโรคแอนแทร็ก อันเป็นโรคฝีร้ายซึ่งมักเกิดกับแกะ และวัว ควาย ทำให้ถึงตายได้ และติดต่อถึงคนได้ เขาสังเกตว่าเมื่อปศุสัตว์เป็นโรคนี้ และหายจากโรคได้ครั้งหนึ่งแล้ว ก็มักไม่เป็นโรคนี้อีกต่อไป เขาจึงฉีดเชื้อโรคที่อ่อนแรง เข้าไปในตัวสัตว์เหล่านี้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคตลอดชีพ เขากล่าวว่า " ขั้นตอนก็ง่าย วิธีของข้าพเจ้า คือ ทำให้จุลินทรีย์ต่อสู้ และทำลายกันเองจนหมดสิ้นในที่สุด " ต่อมาเขาหันมาสนใจหาทางรักษา และป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ในเดือนธันวาคม ค.ศ.1880 เพื่อผู้หนึ่งซึ่งเป็นสัตวแพทย์ ให้สุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าแก่เขา 2 ตัว เพื่อใช้ทดลอง ผู้ที่ถูกสุนัขบ้ากัดจะไม่แสดงอาการในช่วง 3 - 12 สัปดาห์ จากนั้นจึงเริ่มชักกระตุก เพ้อคลั่ง กลัวการกลืนน้ำอย่างยิ่ง และตายภายใน 2 - 3 วัน วิธีรักษา คือ ใช้กรดคาร์บอลิก หรือเหล็กเขี่ยไฟที่ร้อนแดง จี้แผลที่ถูกกัด แต่ " การรักษาแบบนี้มักเป็นเหตุให้คนไข้ตาย ปาสเตอร์ต้องการหาวิธีที่ไม่โหดร้ายทารุณ เขาไปเก็บตัวอยู่ในป่าเมอดง ใกล้ปารีส เขาขังสุนัขที่เป็นโรคกลัวน้ำไว้ที่นี่ 50 ตัว และพบเชื้ออยู่ในน้ำลาย และระบบประสาทของสุนัข ในฤดูใบไม้ผลิปี ค.ศ.1884 หลังจากทดลองกับสุนัข และกระต่ายนับสิบๆ ครั้ง เขาก็เพาะวัคซีนไวรัสพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นเชื้อที่อ่อนแรงแล้วได้สำเร็จ
นอกจากจะช่วยต่อสู้โรคพิษสุนัขบ้าแล้ว ผลงานด้านวัคซีนของปาสเตอร์ ยังช่วยเบิกทางสู่วิชาแพทย์แขนง " วิทยาภูมิคุ้มกัน " (immunology) ทุกวันนี้มีโรคที่ให้พิการ หรือถึงแก่ชีวิตประมาณ 30 ชนิด รวมทั้งโรคหัด โรคโปลิโอ และโรคคอตีบ ซึ่งป้องกันได้ ด้วยการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกัน
ในปี ค.ศ.1888 ได้มีการเปิดสถาบันปาสเตอร์ ในกรุงปารีส งานส่วนหนึ่ง คือเพื่อค้นคว้าวิจัย เรื่องโรคพิษสุนัขบ้าต่อไป ต่อมาแม้อาการเส้นโลหิตแตก จะทำให้ปาสเตอร์มีสภาพกึ่งอัมพาต แต่กระนั้นเขาก็ยังดำรงตำแหน่งผู้นำของสถาบันแห่งนี้ จวบจนกระทั่งถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 28 กันยายน ค.ศ.1894 ศพของเขาฝังไว้ในสุสานหินอ่อน อันสง่างามในสถาบันแห่งนั้น คำจารึกที่สุสานของตนเอง ซึ่งเขาได้ประพันธ์เตรียมเอาไว้ มีความว่า
" กฎที่มีตัวเราเป็นเครื่องมือ คือกฎแห่งสันติภาพ การงาน และสุขภาพนั้น ย่อมเสาะหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อช่วยให้มนุษย์ พ้นจากความหายนะที่ตามล้างผลาญ

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

In Fall 1860, Louis Pasteur, French chemist. To climb the Alps. Around tea room Monie He put the bottle sealed with a water bottle in more than 30 Leaf extracts with sugar before Pasteur had tried to come to that. If you open the bottle and leave it in the air. Filled with dust The contents of the bottle This will be contaminated Pasteur to 1500 meters high mountain fresh air, free from germs. Then open air into the bottle Then sealed again. Upon returning to the lab He shows Sores that do not waste water, preservatives or discovery can be used to eliminate pathogens in the milk, wine and beer making these drinks. Safety and drink The results of this study several years. Pasteur's assertion that "disease" resulting in various liquids. From bacteria In the lower atmosphere Which is a threat to the health of an organism. He wrote later that "in a world of trial. Luck will favor But only mentally ready " He's ready to prepare. Since he was appointed as Professor Chemistry in late 1840 at the Academy of Sciences. Stravinsky city of Duisburg. Which lies to the east of France, he wrote to a friend in 1851: "I have already virtually secret. Fog obscured then fade me "again six years later he analyzes the fermentation process in an ethanol fermentation and concluded that the tiny creature. Which he called "micro-organisms" That's why some liquids such as vinegar and wine. Spoiled Rotten Napoleon the third, he had commanded. Pasteur's germ solution The vintage worn Vintage is the brainchild of one of France's Pasteur has visited dozens of vineyard workers, he asked various wine tasting sample introduction check back from the stage is not yet mature. Curing ago Worn out and the test results show that. We may destroy the bacteria at 55 ° C without affecting the taste of alcohol. This process was later called "disinfection Micha" or "pasteurization" (pasteurisation), which Pasteur to make aseptic milk with fact. The bacteria has seen With the microscope for the first time about 200 years, but in that time misunderstanding that microbes. The effects of pollution not caused Pasteur is the first person. The amendment correctly understood shortly. Pasteur is seeking a cure for those types in both animals and people and ideas. Causing Changes Great germs that have "mysteriously appeared out of nowhere," the source categorically the possibility to investigate. Is by dirt Dust and Louis Pasteur was born on December 27 1822, the son of the owner of the tannery. In town near Dijon. He refused to follow in the footsteps of his father Pasteur's way up from a chemistry teacher. As a Director of Science. The college is famous Ecole Normale of Paris Superieu 4 years later is the year 1864, Pasteur was noted. About his work at the Sorbonne. Which is at the Faculty of Science And Arts University of Paris He pointed out that meeting all the liquid. The organic material in a sealed container and some say "(substance) pure since I started experimenting. Several years ago, Keep it holy By germs that float in the air. " Throughout 17 years later Pasteur, mostly for drug prevention (vaccines) for chicken cholera. And anthracnose tracks. As pox, which usually attacks the sheep and cattle fatal. And contact people He observed that when livestock disease. And cured at once. It's usually not a disease anymore. He was so weak that germs injected. Into these animals To create a lifelong immunity, he said, "the process was easy. How is my fight microorganisms. And eventually destroy themselves until the end. " Later, he turned his attention to finding a cure. And rabies In December 1880, for the one who is a veterinarian. Give the dog a rabies him second to trial. Those who are mad dog bites do not show symptoms in the last 3-12 weeks, then began to convulse be morbid fear of swallowing water heavily and died within 2-3 days of treatment using carbolic acid. Or a red hot poker. Stoke inflicted the bite, but "this treatment often causes the patient's death. Pasteur looking for ways not cruelty. He sampled in Meudon Forest Grove, near Paris, he put the dog rabies virus here 50 and found in saliva. And nervous system of dogs In the spring of 1884, after experiments with dogs. Rabbit and ten times he cultivated rabies virus vaccine. The infection is weak then success will help to combat rabies ago. Pasteur's vaccine portfolio. It also helps to widen the fields of medicine, "Immunology" (immunology) Today, the disease is a disability. Or death by about 30 species, including measles, polio and diphtheria defensible. With Immunisation in 1888 has opened the Pasteur Institute in Paris part is to research. The next rabies Later, even a broken blood vessel. Pasteur will have a semi-paralyzed. But he was also appointed as the leader of this institution. Until his death on September 28, 1894. His body was buried in a marble tomb. The elegance of the institution. The inscriptions on their tombs He has authored prepared is that "we have a rule. The rule of peace and health. Will seek new ways. To help humans From the disaster as devastating.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

In the autumn.1860 Louis Pasteur, a French chemist, travel to climb Mount Alps near tea Monie. เขานำ sealed bottles with more than 30 leaves in the bottle water yeast extract. With sugar before Pasteur ever was seen.Full of dust, contained in a bottle, a germs. This ปาสเตอร์ขึ้นไป on high mountains, 1500 meters, where fresh air without the disease. Then open the bottle air in. Then sealed again. When she returned to the lab, they also show that water blisters that ไม่บูด or broken



.This discovery was used to get rid of germs in milk, wine and beer, beverages, these safe and drink from the effects of the long years to this. Pasteur confirmed that "disease", resulting in the fluid types.In the lower atmosphere, which threaten the health of living organisms. He also wrote later that "in the world of the experiment, luck, but the mind is prepared."
.His body was already prepared ready. Since the appointment as a professor of chemistry at the end of the decade 1840 Science Institute, city of Strassburg, which is to the East. In France, he wrote a letter to a friend in London1851. "I am virtually unsealed. The fog obscured lighter everywhere." 6 years later, he was ถึงกระบวนการ infections in alcohol fermentation And concluded that the tiny creatures, who later called "plaque".