The short story. Technicians divertกำพลเป็นเด็กชายกำพร้าวัย 6 ขวบ พ่อและแม่ของเขาทิ้งเขาไว้ให้อยู่ในความดูแลของคนในหมู่บ้าน บ่อยครั้งกำพลมีอารมณ์เศร้าและหดหู่เนื่องจากขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่ เด็กในช่วงอายุ 6 - 11 ปี เป็นช่วงที่เด็กใช้การกลั่นกรองอารมณ์ที่ฟรอยด์เรียกว่า การป้องกันตัวเอง (Defense Mechanisms) เมื่อเด็กมีความคับข้องใจ โกรธ หรือผิดหวัง เด็กจะเกิดความกังวลใจ (Anxiety) และจะเรียนรู้ที่จะได้ความพอใจและหลีกเลี่ยงความไม่สบายใจนั้น สิ่งที่เห็นได้ชัดในตัวกำพลคือการทดแทน (Displacement) ซึ่งโดยปกติเกิดขึ้นเมื่อสิ่งที่เลือกหรือสนองความปรารถนาดั้งเดิมเป็นสิ่งที่เด็กไม่สามารถได้รับการตอบสนองเนื่องจากมีอุปสรรคขัดขวาง จึงเกิดกระบวนการส่งพลังปรารถนาไปสู่สิ่งใหม่ ในตอน "ต้นสน" แม่ของกำพลกลับมาหาเขา และพาเขาไปนอนที่บังกะโลแห่งหนึ่งที่ "มีต้นสนขนาดใหญ่ยืนเรียงเป็นปราการอยู่สิบต้น ยอดแหลมของสนนั้นสูงเทียมฟ้า แม้มองจากถนนหลวงในระยะไกลก็เห็นถนัดชัดเจน” ในวันรุ่งขึ้นกำพลพบว่าตัวเองนอนอยู่ในอีกสถานที่หนึ่ง และแม่ของเขาได้หายไป กำพลกลับไปตามหาแม่และหวังที่จะได้พบแม่อีกครั้ง ระหว่างที่เค้าเฝ้าคอยแม่อยู่หน้าบังกะโลแห่งนั้น เวลาผ่านไป ในที่สุดเขาก็ยังไม่ได้พบแม่ ระหว่างนั้น กำพลได้แทนที่แม่ของเขากับต้นสนโดยไม่รู้ตัว เมื่อต้นสนถูกโค่น "หายไปทีละยอด ทีละต้น…กำพลยืนข้างนายชง แหงนมองอยู่จนกระทั่งฟ้าว่างเปล่า ความคิดคำนึงถึงแม่ก็ว่างเปล่า" ความคิดปรารถนาในตัวแม่ได้หายไปจากความรู้สึกของกำพลพร้อมกับต้นสนความผิดหวังที่สะสมในจิตใจของกำพล มีผลต่อพฤติกรรมและความคิดของเขาไม่น้อย ในตอน "กำพลได้ขึ้น…สวรรค์" เขารู้สึกเศร้าเมื่อคิดว่าตนเองได้ตายไปแล้ว แต่ก็คิดว่า "ดีแล้วที่เขาตายเสียได้" รวมทั้งเมื่อเขาฝันว่ามีน้ำทะเลท่วมตัว เขาจึง "หลับตา รอให้ตัวเองจมน้ำตาย" แทนที่จะดิ้นรนเอาตัวรอด แสดงให้เห็นว่ากำพลอยากหลีกหนีจากโลกปัจจุบัน และไปสู่ความตายซึ่งเป็นสภาพไร้สภาวะ ตามทฤษฎีของฟรอยด์ ลักษณะเช่นนี้แสดงสัญชาตญาณมุ่งตาย (Death Instinct) ในตัวกำพล เป็นความอยากมุ่งไปสู่ความไร้สภาวะ หรือความเป็น อนินทรีย์ (constancy of Inorganic matters) ฟรอยด์กล่าวว่า ถึงแม้มนุษย์ถูกสร้างให้มีชีวิต แต่ก็มีสัญชาตญาณความต้องการที่จะตายและสลายตัวไป ในตอน "ยาคุมหมดอายุ" กำพลกล่าวด้วยความเสียใจว่า "ไม่ต้องเอายามาคุมหรอก ไม่ได้อยากเกิดสักหน่อย" เนื่องจากความเจ็บปวดที่สำนึกว่าตนเองเกิดมาจากความไม่ตั้งใจของพ่อและแม่ ความผิดหวังเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้สัญชาตญาณมุ่งตายของกำพลสะสมขึ้นจนกระทั่งมากกว่าสัญชาตญาณมุ่งเป็น (Life Instinct) ทฤษฎีของฟรอยด์กล่าวว่าบุคคลที่มีสัญชาตญาณมุ่งเป็นมากกว่าจะเบี่ยงเบนสัญชาตญาณมุ่งตายให้ออกมาเป็นความก้าวร้าว มุ่งทำร้ายผู้อื่น กำพลมีพฤติกรรมที่แสดงถึงลักษณะความก้าวร้าวน้อยมาก ในทางตรงกันข้าม กำพลมีลักษณะอ่อนแอ ร้องไห้ง่าย ช่างน้อยใจ ในตอน "สงครามและสันติภาพ" กำพลฮึดสู้ป้องกันตัว แต่ "กำพลทำอะไรไอ้น้อยไม่ได้เลย แถมโดนซ้ำอีกหลายรอบ" กำพลเพียงป้องกันตัวและกลับเป็นฝ่ายถูกกระทำ แทนที่จะเป็นฝ่ายกระทำและก่อพฤติกรรมก้าวร้าวนั้นเสียเองIf the theory of this behavior is that Jung he can explain that he has a look of girls in boys (Anima), had a capacity of human nature, said all of the shows are girls. Baby male is packed with images of women that occurs (Archetypes) from a close relationship from the parent's. Capacity of customers that this behavior is the result of experience racial religion of humans, both men and women who live together, but ancient. In the past of humanity that man lives together with women make men come Lady service in the. He was as well. He is the Anima, and reflected in the personality of the woman said.ทฤษฎีของจุงในเรื่องจิตไร้สำนึกร่วม (collective unconscious) สามารถนำมาอธิบายสัญลักษณ์บางประการในเรื่องที่มีลักษณะร่วมกันของมนุษยชาติ เช่น ในตอน "กำพลได้ขึ้น…สวรรค์" กำพลฝันว่า "น้ำทะเลกำลังเอ่อขึ้น ไหลทะลักเข้ามาในวัด เสียงคนร้องวี๊ดว้ายแล้วกลับหัวเราะ" ตามทฤษฎีของดาร์วิน (Charles Darwin) วิวัฒนาการของมนุษย์เริ่มแรกเกิดขึ้นในทะเล แล้ววิวัฒนาการเป็นตัวสัตว์ พืช จนกระทั่งเป็นมนุษย์ สิ่งมีชีวิตล้วนมีกำเนิดมาจากน้ำทะเล มนุษย์เมื่อเป็นทารกในครรภ์ก็ต้องดิ้นรนอยู่ในถุงน้ำคร่ำของมารดา ทะเลจึงหมายถึงการเกิดใหม่ โดยอาจปรากฏในรูปการเข้าไปสู่ชีวิตใหม่ หรือก้าวเข้าสู่ความเปลี่ยนแปลงที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไป การตีความเช่นนี้เป็นรูปของ Collective Unconscious โดยอาศัยจิตไร้สำนึกร่วมกันของมนุษยชาตินอกจากการทดแทนซึ่งกำพลใช้ในการลดความกังวลในจิตใจแล้ว วิธีอีกอย่างที่เขาใช้คือการเลียนแบบ (Identification) คือ การนำลักษณะทางบุคลิกภาพของบุคคลอื่นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพของตน โดยปกติ เด็กเรียนรู้ที่จะลดความตึงเครียดโดยหล่อหลอมพฤติกรรมของตนเองให้เหมือนพฤติกรรมของบุคคลอื่นที่มีอำนาจมากกว่าตน สำหรับเด็กแล้วบุคคลต้นแบบก็คือพ่อและแม่ กำพลชื่นชมพ่อของเขา เขาดีใจทุกครั้งที่พ่อมารับไปเที่ยว (เช่นในตอน "กระแส") ในตอน ”เรือใหญ่กว่ารถบรรทุก” กำพลวาดรูป "รถบรรทุกน้ำสีขาวคันใหญ่" และหันไปโอ้อวดอย่างภูมิใจกับเพื่อนว่ารถ "เบ้อเริ่มเลย" (หน้า 221) แทนการแสดงความชื่นชมความยิ่งใหญ่ในอำนาจของพ่อ ในทางตรงกันข้าม กำพลกลับมีความเฉยเมยต่อแม่ ไม่ดีใจและไม่วิ่งเข้าไปหา ในตอน "แม่มาแล้ว" แม่กลับมาหากำพล “เหมือนที่เขาฝัน ทว่า มีบางสิ่งบางอย่างแปรเปลี่ยนไป กำพลยังไม่เข้าใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร ได้แต่นึกเปรียบเทียบและบอกตัวเองเพียงว่า สิ่งเดียวกันนี้ยังมีอยู่ในระหว่างเขากับพ่อ แต่ระหว่างเขากับแม่ มันหายไปเสียแล้ว เพราะเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงไม่รู้ว่าจะเรียกคืนได้อย่างไร" สิ่งที่หายไป แท้จริงแล้วคือสิ่งที่ถูกกดไว้ในจิตไร้สำนึกของกำพลเอง ซึ่ง ฟรอยด์เรียกว่า Oedipus Complex ที่เด็กชายอายุ 6 ขวบ อย่างกำพลได้ซ่อนความปรารถนาของเขาที่มีต่อแม่นี้เอาไว้ในส่านลึกของจิตใจTheoretical development of froi says boys in this age, sex-role portrayal which he wants to do when they grow up and mature as a hero, and his imagination, creation and inclusion. This teenage boy with a passion for learning, and parents.
การแปล กรุณารอสักครู่..