ROI et province.Provincial emblem et par province et Scout scarfProvincial emblem badge Scout Neckwear Eleven city gate of large glowing beauty silk saree. Chris doprapheni it merit. Maha Chedi Chai mongkol bung phlan Chai wider fields in real-time and remote grassland, Tiger.The world Hom Mali rice in learning it. General informationROI et Thailand font name.Roman name Roi EtGovernor Mr. Phongsiri Kusum(Since 2551)ISO 3166-2 TH-45Provincial tree irvingia malayanaProvincial flower inotninbokStatistical data.Area 8299.46 sq. km.(# 23)[2] the population of 1,307,212 people (2551)(# 12)157.51 density persons/sq. km.(# 24)Government CenterArea ROI et Town Hall Road Angels & governance Muang ROI et province 45000.Phone: (+ 66) 00 4351 916500 4351 1353 fax (+ 66)ROI et province in Chi River basin area in the northeast of Thailand. The former was used as the town that has thrived by prehistoric appear before the name in the legend that khathatu can nest UM Gate City their branch or hundred et gate. Due to the town is a prosperous city with a size of up to eleven eleven, but the number of cities in ancient times, it consists of ten and number one (101), the name of the city came to be known as the city, et al. until today.11 issues there are also towns called independent research Mr. Suwat Likchon dispute that belief that et is 10 + 1 seems to be the assumption that because of inaccurate monitoring text messages in an original story appears that khathatu's nest UM yard does not have written the name of the city where the dots are even numbers, et al. single point and found that there is a letter written to every point of ROI-et (there are a total of 59 points), so it is expected that the name of the city means linear probability et metaphor more than upmai. By the media as a big city means there are countless more organization.HistoryPrehistoric times.Have found evidence of prehistoric times, scattered throughout the province ROI et? Archaeological sites have been discovered which assumes that the home city. The ancient prehistoric community found the age of approximately 1800-2500 years ago, and often have a living area with a basin near sinthao salt. The influence of Buddhism under the dvaravati culture has come at the end of the century there is evidence 12-15 major races such as the moat-et. City of Swan districts and pagodas chaturaphak phiman The group leaves, semapriwen Nong district phanom phrai figures in stone and terracotta type doors that Pang city in Amphoe senphumi phrai.Culture from the Kingdom of Cambodia, has been spreading into the 16 century evidence exists in the form of architecture, such as the Castle Rock, such as Ku Ka sing, prang Ku district in the agriculture vision in the Ku Phra thawatchai buri district in Kochi district, suvarnabhumi, and religious sculptures are as used in everyday life are made from sandstone and a large amount of metal.Dvaravatiการตั้งถิ่นฐานของชุมชนก่อนประวัติศาสตร์ได้ต่อเนื่องมาถึงสมัยทวารวดีซึ่งเป็นวัฒนธรรมในพระพุทธศาสนา เมืองที่สร้างขึ้นมีรูปร่างและที่ตั้งไม่แน่นอน แต่มีลักษณะที่สำคัญคือ มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบชุมชน ร่องรอยที่ยังเห็นอยู่ของคูเมืองและคันดินได้แก่บริเวณด้านตะวันออกของวัดบูรพาภิราม ด้านใต้ของเมืองบริเวณโรงเรียนสตรีศึกษา นอกจากนี้ยังพบอยู่ในอำเภอต่าง ๆ ของร้อยเอ็ด ได้แก่ บ้านเมืองไพร (เขตอำเภอเสลภูมิ) บ้านเมืองหงส์ (เขตอำเภอจตุรพักตรพิมาน) บ้านสีแก้ว (เขตอำเภอเมืองร้อยเอ็ด) หนองศิลาเลข บ้านชะโด (เขตอำเภอพนมไพร) และบ้านดงสิงห์ (เขตอำเภอจังหาร) สมัยลพบุรได้พบโบราณสถานและโบราณวัตถุสมัยลพบุรีหรือละโว้ที่เป็นที่รู้จักดี ได้แก่ ปราสาทหินกู่กาสิงห์ในเขตอำเภอเกษตรวิสัย กู่พระโกนาในเขตอำเภอสุวรรณภูมิ ปรางค์กู่ในเขตอำเภอธวัชบุรี กู่โพนระฆัง กู่โพนวิท กู่บ้านเมืองบัวในเขตอำเภอเกษตรวิสัย กู่คันทนามในเขตอำเภอโพนทราย สำหรับโบราณวัตถุ ได้แก่ รูปเคารพและเครื่องมือเครื่องใช้ในศาสนา เช่นพระพุทธรูป เทวรูป ศิวลึงค์ ภาชนะดินเผา คันฉ่องสำริด กำไลสำริด เป็นต้น สมัยอาณาจักรล้านช้างได้ปรากฏชื่อเมืองร้อยเอ็ดในเอกสารของลาวว่า พระเจ้าฟ้างุ้มเมื่อดำรงตำแหน่งเป็นบุตรเขยเมืองขอม ได้นำไพร่พลมารวมกำลังกันอยู่ที่เมืองร้อยเอ็ด ก่อนยกกำลังไปยึดเมืองเชียงทอง (หลวงพระบาง) ได้สำเร็จแล้วจึงได้สถาปนาอาณาจักรล้านช้างหลักฐานเกี่ยวกับเมืองร้อยเอ็ดขาดหายไปประมาณ 400 ปี จนถึงประมาณปี พ.ศ. 2231 เมืองเวียงจันทน์เกิดความไม่สงบ พระครูโพนสะเม็ดพร้อมผู้คนประมาณ 3,000 คนได้เชิญเจ้าหน่อกษัตริย์อพยพลงมาตามแม่น้ำโขง แล้วมาตั้งมั่นอยู่ที่บริเวณเมืองจำปาศักดิ์ ผู้ปกครองเมืองจำปาศักดิ์มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระครูโพนสะเม็ด จึงได้นิมนต์ให้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและปกครองเมืองจำปาศักดิ์ ต่อมาเจ้าหน่อกษัตริย์ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์พระนามว่า เจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร ได้ขยายอิทธิพลไปในดินแดนต่าง ๆ เหนือสองฝั่งแม่น้ำโขง ได้ตั้งเมืองใหม่ขึ้นหลายแห่งและส่งบริวารไปปกครอง เช่น เมืองเชียงแตง เมืองสีทันดร เมืองรัตนบุรี เมืองคำทอง เมืองสาละวัน และเมืองอัตตะปือ เป็นต้นต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2256 เจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูรได้มอบหมายให้อาจารย์แก้วควบคุมไพร่พลประมาณ 3,000 คน มาสร้างเมืองขึ้นใหม่ในดินแดนอีสานตอนล่าง เรียกว่า เมืองท่ง ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอสุวรรณภูมิ มีเจ้าเมืองต่อมาคือ ท้าวมืด ท้าวทน ท้าวเชียง และท้าวสูน สมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ปี พ.ศ. 2256 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้โปรดเกล้าฯ ให้พระยากรมท่าและพระยาพรหมเดินทางมาดูแลหัวเมืองในภาคอีสาน ท้าวทนจึงได้เข้ามาขออ่อนน้อม พระยาทั้งสองจึงมีใบบอกไปยังกรุงธนบุรีขอตั้งท้าวทนเป็นเจ้าเมือง โดยยกบ้านกุ่มฮ้างขึ้นเป็น เมืองร้อยเอ็ด ตามนามเดิม ท้าวทนได้รับแต่งตั้งเป็นพระขัติยะวงษา นับว่าเป็นเจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนแรก ส่วนเมืองท่งนั้นบรรดากรมการเมืองเห็นว่าเป็นชัยภูมิที่ไม่เหมาะสม จึงได้ย้ายไปตั้งบริเวณดงท้าวสาร และให้ชื่อว่า เมืองสุวรรณภูมิ นับแต่นั้นมาทั้งเมืองร้อยเอ็ดและเมืองสุวรรณภูมิต่างมีฐานะขึ้นตรงต่อกรุงธนบุรีเช่นเดียวกัน
พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหา
การแปล กรุณารอสักครู่..