โทษประหารชีวิต เป็นโทษที่มีการนำมาใ

โทษประหารชีวิต เป็นโทษที่มีการนำมาใช้ปฏิบัติในสังคมไทยมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่ก่อนสมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน โดยกล่าวกันว่าเป็นการลงโทษที่มุ่งลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทน ให้สาสมกับความผิดที่ได้กระทำไป อีกทั้งยังเป็นการลงโทษที่มุ่งสร้างความหวาดกลัวต่อผู้ที่คิดจะทำผิด เพื่อให้เกิดการยับยั้งอันจะนำมาซึ่งความสงบเรียบร้อยในสังคม โทษประหารชีวิตจึงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในยุคที่มีการใช้อำนาจตามประกาศคณะปฏิวัติจะมีการนำโทษประหารชีวิตมาใช้บ่อยครั้ง รวมทั้งมีการประหารชีวิตในที่เกิดเหตุในทันทีที่มีการจับกุมผู้กระทำผิดได้ ในปัจจุบัน แนวคิดในการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดเปลี่ยนไป สังคมเริ่มมองถึงปัจจัยต่างๆในสังคม หล่อหลอมขัดเกลาผู้กระทำผิด ประกอบกับกระแสสิทธิมนุษยชนที่เป็นกระแสสากลและแรงผลักดันจากนานาชาติตลอดจนองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ทำให้เกิดการผลักดันให้มีการยกเลิกโทษประหารชีวิต แม้จะยังไม่ถือว่าเป็นเสียงข้างมากในสังคมไทยแต่ก็ได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีกระแสคัดค้านจากภายในประเทศ โดยเฉพาะจากสาธารณชนที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกโทษประหารชีวิต ดังนั้น เรื่องการยกเลิกโทษประหารชีวิตจึงเริ่มเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันในสังคมไทยมากขึ้น ฝ่ายที่เห็นว่าควรยกเลิกโทษประหารชีวิตมีความเห็นว่าโทษประหารชีวิตมีผลเสียดังนี้
โทษประหารชีวิตจะเกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรม แต่ไม่มีหลักประกันยืนยันโดยปราศจากข้อสงสัยว่า ผู้ถูกฆ่าตายเป็นผู้ทำความผิดตามข้อกล่าวหา ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงความผิดดังกล่าวสมควรแก่โทษดังกล่าวหรือไม่ แม้ผู้ต้องหากระทำผิดจริงก็ตาม มีหลายกรณีมากที่ผู้บริสุทธิ์ต้องโทษประหารชีวิต หรือถูกประหารชีวิตไปแล้ว แม้กระทั่งในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี ๒๕๑๙ มีผู้ต้องโทษประหารชีวิตที่ได้รับการปล่อยตัวไม่น้อยกว่า ๑๑๓ คนหลังจากศาลพบว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังมีอีกหลายร้อยคนที่ต้องโทษเบากว่าแต่ได้รับอิสรภาพด้วยเหตุผลเดียวกัน คนเหล่านี้รอดชีวิตเพราะมีการรื้อฟื้นคดีโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เช่น ดีเอ็นเอ ตัวเลขดังกล่าวทำให้เชื่อได้ว่าก่อนหน้านั้นมีคนบริสุทธิ์ถูกประหารชีวิตไปแล้วไม่น้อย ความผิดพลาดในกระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การตัดสินให้ผู้บริสุทธิ์ต้องรับโทษในความผิดที่ตนไม่ได้ทำเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพราะบุคคลากรในกระบวนการยุติธรรมนั้นล้วนเป็นมนุษย์ที่ผิดพลาดได้เพราะนอกจากจะมีข้อจำกัดในการรับรู้แล้ว ยังตกอยู่ภายใต้อคติ อีกทั้งยังมีความโลภที่ทำให้พ่ายแพ้ต่อผลประโยชน์ที่แทรกแซงการตัดสินคดี แม้แต่สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ชื่อว่ามีมาตรฐานสูงทางด้านสิทธิเสรีภาพ ก็ยังถูกตั้งคำถามว่ามีการเลือกปฏิบัติ ในการจับกุม คุมขัง และการลงโทษประหารชีวิต เนื่องจากอคติด้านเชื้อชาติ อย่างไรก็ตามหากความผิดพลาดในการตัดสินนั้นมีโอกาสแก้ไขได้ ก็ยังเป็นเรื่องที่รับได้ หากเขาถูกจับกุมคุมขังก็ยังมีหวังว่าจะเป็นอิสระได้ แต่หากเขาถูกประหารชีวิตไปแล้ว หากมีข้อพิสูจน์ในเวลาต่อมาว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์จะไม่สามารถ คืนชีวิตให้เขาได้ด้วยเหตุนี้โทษประหารชีวิตจึงทำให้กระบวนการยุติธรรมไม่อาจเป็นหลักประกันแห่งความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง ยิ่งกระบวนการยุติธรรมดังกล่าวนั้นเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ คนยากจนเข้าถึงยากเพราะมีค่าใช้จ่ายสูง ใช้เวลานาน)ฃ อีกทั้งยังเอื้อประโยชน์ต่อคนรวยมากกว่า ไม่ว่าคนรวยที่ใช้ประโยชน์จากกฎหมายที่มีอยู่หรือคนรวยที่ใช้อิทธิพลอย่างไม่ถูกกฎหมาย อย่างที่เกิดขึ้นในเมืองไทยทุกวันนี้ จะแน่ใจได้อย่างไรว่าผู้ต้องโทษประหารชีวิตทั้งหลายสมควรได้รับโทษดังกล่าว
จากการวิเคราะห์ข้อค้นพบในงานวิจัยเกี่ยวกับโทษประหารและอัตราการฆ่าคนตาย ซึ่งเป็นการสำรวจขององค์การสหประชาชาติเมื่อปี 2531 และมีการปรับปรุงข้อมูลในปี 2539 และ 2545 สรุปว่า “...งานวิจัยที่มีอยู่ไม่สามารถให้หลักฐานอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แสดงให้เห็นว่าการประหารชีวิตมีผลยับยั้งการก่ออาชญากรรมมากกว่าการจำคุกตลอดชีวิต และไม่มีแนวโน้มว่าจะมีหลักฐานสนับสนุนได้ในเวลาอันใกล้หลักฐานที่เราค้นพบส่วนใหญ่ ไม่สนับสนุนสมมติฐานในเชิงป้องกันอาชญากรรมเลย”
ตัวเลขอาชญากรรมล่าสุดในประเทศที่ยกเลิกโทษประหาร ไม่บ่งบอกว่าการยกเลิกโทษประหารส่งผลในทางลบแต่อย่างใด อย่างเช่นในแคนาดา อัตราการฆาตกรรมต่อประชากร 100,000 คนลดจากตัวเลขสูงสุดที่ 3.09 ในปี 2518ก่อนที่จะมีการยกเลิกโทษประหาร ลงมาเหลือ 2.41 ในปี 2523 และจากนั้นมาก็มีอัตราลดลงเรื่อยๆ และในปี 2546 ยี่สิบเจ็ดปีหลังจากยกเลิกโทษประหาร อัตราการฆาตกรรมอยู่ที่ 1.73 ต่อประชากร 100,000 คน ตํ่ากว่าปี 2518 ถึง 44% และถือว่าตํ่าสุดในรอบสามทศวรรษ แม้ว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.0 ในปี 2548 จะเห็นได้ว่าโทษประหารไม่ได้มีผลในลักษณะที่ทำให้คนยับยั้งชั่งใจ
มองในแง่ของชาวพุทธ การฆ่าเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนา ศีลข้อที่ ๑ นั้นไม่ได้อนุญาตให้ฆ่าคนหรือสัตว์บางประเภทได้ แม้แต่การสั่งหรือตัดสินให้ประหารชีวิต ก็ถือเป็นบาปชาวพุทธนั้นไม่พึงเป็นผู้ฆ่าหรือสนับสนุนการฆ่า ไม่ว่าในกรณีใด ๆ เพราะเชื่อว่ามีวิธีการที่แก้ปัญหาได้ดีกว่าการฆ่า การสนับสนุนให้รัฐทำกาประหารผู้ใด
การเพิ่มโทษให้หนักขึ้นนั้นไม่ใช่เป็นสาเหตุให้คนทำผิดกฎหมายน้อยลง การมีมาตรการต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้กระทำผิดมีโอกาสมากขึ้นในการถูกจับกุมและถูกตัดสินลงโทษต่างหากที่ทำให้อาชญากรรมลดลง ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่ไทยควรยกเลิกโทษประหารชีวิต และหันมาเสริมสร้างกระบวนการยุติธรรมให้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งปรับปรุงสภาพเศรษฐกิจสังคมเพื่อส่งเสริมให้คนทำความดีและลดแรงจูงใจที่จะทำความชั่ว วิธีนี้ไม่เพียงลดจำนวนอาชญากรเท่านั้น หากยังทำให้ผู้คนมีชีวิตที่ผาสุกและบ้านเมืองสุขสงบอย่างแท้จริง

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

The death penalty The penalty is implemented in the Thai society for a long time. Since the early Ayutthaya period until now by saying that as a aims to punish punishment to substitute revenge. To make the mistake that was made. Moreover, the sanctions aimed at creating terror against people who think they do wrong. To achieve a veto will bring tranquility in society. The death penalty has been applied extensively, especially in the era of power by the Council of the revolution has been frequently applied the death penalty, including a prisoner in that incident upon arrest offenders. In the present. The concepts in the treatment of offenders has changed. The society began to look at the various factors in a society cast & forged discipline offenders with global human rights trends and a strong push from various human rights organizations, as well as the international cause to push for abolition of the death penalty to life. Although it is not yet considered a majority in Thai society, but it has been increasingly accepted, but at the same time it has a stream of opposition from within the country. Especially from a public that does not agree with the abolition of the death penalty to life. Therefore, Re: cancel the death penalty is an issue that has started to debate in Thai society more. The parties agree that should cancel the death penalty have commented that the death penalty has become as follows:โทษประหารชีวิตจะเกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรม แต่ไม่มีหลักประกันยืนยันโดยปราศจากข้อสงสัยว่า ผู้ถูกฆ่าตายเป็นผู้ทำความผิดตามข้อกล่าวหา ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงความผิดดังกล่าวสมควรแก่โทษดังกล่าวหรือไม่ แม้ผู้ต้องหากระทำผิดจริงก็ตาม มีหลายกรณีมากที่ผู้บริสุทธิ์ต้องโทษประหารชีวิต หรือถูกประหารชีวิตไปแล้ว แม้กระทั่งในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี ๒๕๑๙ มีผู้ต้องโทษประหารชีวิตที่ได้รับการปล่อยตัวไม่น้อยกว่า ๑๑๓ คนหลังจากศาลพบว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังมีอีกหลายร้อยคนที่ต้องโทษเบากว่าแต่ได้รับอิสรภาพด้วยเหตุผลเดียวกัน คนเหล่านี้รอดชีวิตเพราะมีการรื้อฟื้นคดีโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เช่น ดีเอ็นเอ ตัวเลขดังกล่าวทำให้เชื่อได้ว่าก่อนหน้านั้นมีคนบริสุทธิ์ถูกประหารชีวิตไปแล้วไม่น้อย ความผิดพลาดในกระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การตัดสินให้ผู้บริสุทธิ์ต้องรับโทษในความผิดที่ตนไม่ได้ทำเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพราะบุคคลากรในกระบวนการยุติธรรมนั้นล้วนเป็นมนุษย์ที่ผิดพลาดได้เพราะนอกจากจะมีข้อจำกัดในการรับรู้แล้ว ยังตกอยู่ภายใต้อคติ อีกทั้งยังมีความโลภที่ทำให้พ่ายแพ้ต่อผลประโยชน์ที่แทรกแซงการตัดสินคดี แม้แต่สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ชื่อว่ามีมาตรฐานสูงทางด้านสิทธิเสรีภาพ ก็ยังถูกตั้งคำถามว่ามีการเลือกปฏิบัติ ในการจับกุม คุมขัง และการลงโทษประหารชีวิต เนื่องจากอคติด้านเชื้อชาติ อย่างไรก็ตามหากความผิดพลาดในการตัดสินนั้นมีโอกาสแก้ไขได้ ก็ยังเป็นเรื่องที่รับได้ หากเขาถูกจับกุมคุมขังก็ยังมีหวังว่าจะเป็นอิสระได้ แต่หากเขาถูกประหารชีวิตไปแล้ว หากมีข้อพิสูจน์ในเวลาต่อมาว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์จะไม่สามารถ คืนชีวิตให้เขาได้ด้วยเหตุนี้โทษประหารชีวิตจึงทำให้กระบวนการยุติธรรมไม่อาจเป็นหลักประกันแห่งความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง ยิ่งกระบวนการยุติธรรมดังกล่าวนั้นเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ คนยากจนเข้าถึงยากเพราะมีค่าใช้จ่ายสูง ใช้เวลานาน)ฃ อีกทั้งยังเอื้อประโยชน์ต่อคนรวยมากกว่า ไม่ว่าคนรวยที่ใช้ประโยชน์จากกฎหมายที่มีอยู่หรือคนรวยที่ใช้อิทธิพลอย่างไม่ถูกกฎหมาย อย่างที่เกิดขึ้นในเมืองไทยทุกวันนี้ จะแน่ใจได้อย่างไรว่าผู้ต้องโทษประหารชีวิตทั้งหลายสมควรได้รับโทษดังกล่าวจากการวิเคราะห์ข้อค้นพบในงานวิจัยเกี่ยวกับโทษประหารและอัตราการฆ่าคนตาย ซึ่งเป็นการสำรวจขององค์การสหประชาชาติเมื่อปี 2531 และมีการปรับปรุงข้อมูลในปี 2539 และ 2545 สรุปว่า “...งานวิจัยที่มีอยู่ไม่สามารถให้หลักฐานอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แสดงให้เห็นว่าการประหารชีวิตมีผลยับยั้งการก่ออาชญากรรมมากกว่าการจำคุกตลอดชีวิต และไม่มีแนวโน้มว่าจะมีหลักฐานสนับสนุนได้ในเวลาอันใกล้หลักฐานที่เราค้นพบส่วนใหญ่ ไม่สนับสนุนสมมติฐานในเชิงป้องกันอาชญากรรมเลย” ตัวเลขอาชญากรรมล่าสุดในประเทศที่ยกเลิกโทษประหาร ไม่บ่งบอกว่าการยกเลิกโทษประหารส่งผลในทางลบแต่อย่างใด อย่างเช่นในแคนาดา อัตราการฆาตกรรมต่อประชากร 100,000 คนลดจากตัวเลขสูงสุดที่ 3.09 ในปี 2518ก่อนที่จะมีการยกเลิกโทษประหาร ลงมาเหลือ 2.41 ในปี 2523 และจากนั้นมาก็มีอัตราลดลงเรื่อยๆ และในปี 2546 ยี่สิบเจ็ดปีหลังจากยกเลิกโทษประหาร อัตราการฆาตกรรมอยู่ที่ 1.73 ต่อประชากร 100,000 คน ตํ่ากว่าปี 2518 ถึง 44% และถือว่าตํ่าสุดในรอบสามทศวรรษ แม้ว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.0 ในปี 2548 จะเห็นได้ว่าโทษประหารไม่ได้มีผลในลักษณะที่ทำให้คนยับยั้งชั่งใจมองในแง่ของชาวพุทธ การฆ่าเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนา ศีลข้อที่ ๑ นั้นไม่ได้อนุญาตให้ฆ่าคนหรือสัตว์บางประเภทได้ แม้แต่การสั่งหรือตัดสินให้ประหารชีวิต ก็ถือเป็นบาปชาวพุทธนั้นไม่พึงเป็นผู้ฆ่าหรือสนับสนุนการฆ่า ไม่ว่าในกรณีใด ๆ เพราะเชื่อว่ามีวิธีการที่แก้ปัญหาได้ดีกว่าการฆ่า การสนับสนุนให้รัฐทำกาประหารผู้ใด
การเพิ่มโทษให้หนักขึ้นนั้นไม่ใช่เป็นสาเหตุให้คนทำผิดกฎหมายน้อยลง การมีมาตรการต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้กระทำผิดมีโอกาสมากขึ้นในการถูกจับกุมและถูกตัดสินลงโทษต่างหากที่ทำให้อาชญากรรมลดลง ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่ไทยควรยกเลิกโทษประหารชีวิต และหันมาเสริมสร้างกระบวนการยุติธรรมให้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งปรับปรุงสภาพเศรษฐกิจสังคมเพื่อส่งเสริมให้คนทำความดีและลดแรงจูงใจที่จะทำความชั่ว วิธีนี้ไม่เพียงลดจำนวนอาชญากรเท่านั้น หากยังทำให้ผู้คนมีชีวิตที่ผาสุกและบ้านเมืองสุขสงบอย่างแท้จริง

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

Capital punishment It is a practice that has been used in Thailand for a long time. Since the early Ayutthaya period to the present By saying that punitive sanctions aimed to avenge replacement. To satisfy the offense was committed. Moreover, the sanctions aimed to scare the people think you are doing wrong. To achieve a veto would bring peace and order in society. The death penalty has been used extensively. Especially in the era of revolutionary power, as announced to the introduction of the death penalty often used. Including the death penalty at the scene immediately arrested the culprit, nowadays the concept of treating offenders change. Society began to look at the various factors in society. Preach refined offenders The stream flow rights are universal and driving force, as well as international human rights organizations. The push to abolish the death penalty. Although there was not a majority in Thailand but also acknowledged increasing steadily. But at the same time a stream of protests from within the country. The public does not agree with the abolition of the death penalty is an issue that has started a debate in Thailand. The parties agreed that the death penalty is of the opinion that the death penalty is not the
death penalty will take place in the justice system. But unsecured confirmed beyond doubt that. Who was killed by a wrong allegation. It also does not include such offenses worthy of such a penalty or not. Even if the accused is guilty There are many cases where innocent people sentenced to death. Or to be executed Even in the United States since 2519 have been sentenced to death at least 113 people were released after a court found him innocent. There are hundreds of people who have been convicted but less than independence for the same reasons. These people survived because they have invoked the case by the use of new technologies such as DNA to prove his innocence to believe that such figures before that innocent people have been executed already, no less. Errors in the judicial process that is unavoidable. The decision to grant the innocent be punished for an offense he did not happen all the time. The personnel in the justice system that human beings are fallible because it is limited to recognize it. Also fall under bias There is also greed to defeat the interests of judicial intervention. Even the US Which was named a high standard of freedom. It has been questioned whether there is discrimination in the arrest, detention and the death penalty. Due to racial prejudices However, errors in judgment are solved. It is also obtained. If he is arrested, it is also hoped to become independent. But if he was executed already. If they prove later that he is innocent, it can not. He gives life to this end the death penalty, the justice system could not guarantee justice actually. The justice system is filled with such disparity. Poor access difficult because of the high cost, time consuming), prizes will also benefit the rich more. Whether rich to take advantage of existing law or the rich, the influence is not legal. That is happening in Thailand today. To make sure that those sentenced to death have deserved such punishment
from the analysis findings in research on capital punishment and murder rates. Last year, a survey by the United Nations in 2531 and updated in 2539 and 2545 concluded that "... research has failed to provide scientific evidence is showing that the death penalty has a deterrent effect on crime rates. The life imprisonment And is likely to have support in the near future, most of the evidence we found. It does not support the hypothesis in crime prevention, "
the latest crime in a country where the death penalty. No indication that the abolition of the death penalty, resulting in a negative way at all. As in Canada The homicide rate per 100,000 population fell from the highest at 3.09 in 2518, before the abolition of the death penalty, down to 2.41 in 2523 and since then it has steadily declined, and in 2546, twenty-seven years later. abolitionist The murder rate stood at 1.73 per 100,000 population in 2518 to 44% lower than last year and is the lowest in three decades. Although this figure will increase to 2.0 in 2548, we see that the death penalty does not affect in any way that makes people uninhibited
optimism of Buddhists. The killing is contrary to the principles of the teachings of the Buddhist precepts that one is not allowed to kill a person or animal type. Order or even sentenced to death. It is considered a sin that Buddhists should not kill or support the killing. That in any case I believe that there are ways to solve the problem better than killing. To encourage the public to check any executions
, adding a harder is not causing fewer people to break the law. The various measures which make offenders more likely to be arrested and convicted of a crime that fell. So it's time that Thailand should abolish the death penalty. And in turn strengthen the justice system is fair and more efficient. As well as improve the social economic conditions to encourage people to do good and reduce the incentive to do evil. This approach not only reduces the number of criminals only. If it makes people live happily and peacefully house, literally.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

The death penalty. As a punishment, with application practice in Thai society for a long time. Since the early period to the present. By said that the punishment aimed at punishing revenge replacement. For what offense had done.For the inhibition of one will bring peace in the society. The death penalty has been widely used. Especially in the era with the use of the death penalty under the revolutionary power used often.Current concepts in the treatment of offenders have changed. The society started to look at the various factors in society. The shaping of Polish criminals.In pushing for a cancellation of the death penalty. Although not a majority in Thai society, but also recognized more and more. But at the same time the objections of domestic.Therefore, with the cancellation of the death penalty started as issues are debated in the society ไทยมากขึ้น. Parties that should cancel the death penalty is of the opinion that the death penalty had broken the following
.The death penalty will occur in the administration of justice. But there is no guarantee confirmed beyond doubt. Who killed who committed guilty as charged. It also does not include such fault deserve blame them?There are many cases very innocent death penalty or were executed. Even in the United States since the years 1976, convict executed released no less than 11. 3.There are hundreds of people blame the lighter but freedom for the same reason. These people survived because the reopening of the case by using the modern information technology in the proof of purity, such as DNA.The mistakes in the process it is inevitable. The innocent shall bear their guilt did not happen all the time.Also fall under the bias. There is also a greed that loses the benefit that intervene to decide the case, even the United States. Which is known to have a high standard of liberty. It is questioned if there is discrimination.Imprisoned and sentenced to death, because of racial prejudice. However, if the mistakes in that decision is likely to resolve. It is also acceptable. If he were captured still hope to be free.