The evolution relationship between the countries. The evolution of the relationship between the countries. Aristotle describes man as a social animal, and human nature is like. There is contact between life under regulations, economic and cultural domination that humans were created in order to keep operating its scheme is to live together in society. In the past, when 500 years ago. I know that the territory is a source of prosperity in the world civilization are. Nile is Tai Yu Fe hotel ... and Indus Basin yellow as the source in human activities such as cooperation in the field of irrigation for agriculture output and other necessary things for a living. In the initial phase, as a small group together and then extend a big group. Later, when the development of the cultural and political ideas within a group, then it is the contact between the Group and lead to a relationship. สมัยกรีก ในระหว่าง 200 – 300 ปี ก่อนคริสต์ศักราช มีภาษา ศาสนา และวัฒนธรรมคล้ายๆ กัน แต่นครรัฐต่าง ไม่ค่อยมีความร่วมมือกัน มีการแข่งขันแก่งแย่งชิงดีกัน และทำสงครามกันบ่อยๆ ทำให้ขาดความสามัคคี ทำให้กรีกไม่สามารถต่อต้านภัยการรุกรานจากภายนอกได้ จึงได้ตระหนักถึงความจำเป็นของตนในการที่จะต้องมีสัมพันธไมตรีกับรัฐอื่น เพื่อตนจะได้รับผลประโยชน์บางอย่าง จึงเริ่มมีการกำหนดนโยบายของตนเองเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์กับอีกรัฐหนึ่ง และแต่งตั้งบุคคลของตนเป็นทูตทำหน้าที่เจราจรติดต่อกัน ในสมัยแรกๆ การเจราจรติดต่อในรูปการใช้ผู้ถือสาส์นระหว่างรัฐ ทำหน้าที่แจ้งข่าวของเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง ผู้ที่ได้รับการเจราจรติดต่อต้องเป็นบุคคลที่เป็นนักพูด มีความสามารถในการโน้มน้าวจิตใจคนในชาติอื่นๆ ให้เห็นกับนโยบาย ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของตน The first phase has focused on modern international law is the principle of silopkan and regardless of contact Rove used to contact the trade relationship. As follows: 1. friendly with nearby tribes by providing assistance or yo. 2. also, turn to the ChristianLater, at a later stage finding facts and news within the country. Another term for this has not yet been sent into permanent diplomatic. Century when Italy sent envoys to the various Section rules about their representative to came in another country seriously when, after 1815, which is a 19th century years that are agreed between the international. During 1901, 1815-1818 Various countries have been meeting at Vienna. There are rules about putting his country's senior ranking. สมัยโรมัน ประมาณราว 350 ปีก่อนคริสต์ศตวรรษ โรมันได้ขยายอำนาจของตนออกไปอย่างกว้างขวาง และสมารถครอบครองดินแดนต่างๆ เอาไว้ โดยใช้มาตรการรุนแรง ใช้กำลังปราบปรามได้มีการอกกฎหมาย วางกฎเกณฑ์และระเบียบต่างๆ เพื่อบังคับใช้ภายในและใช้ในการติดต่อกับรัฐอื่น สมัยฟิวดัล ศริสต์ศตวรรษที่ 10 เป็นสมัยการใช้นโยบายการใช้กำลังเลือดและเหล็ก และได้ดำเนินเรื่อยมาจนถึงศตวรรษที่ 15 กษัตริย์มีฐานะเป็นสัญลักษณ์ของเอกภาพ เพราะมีองค์การคริสต์ศาสนาสนับสนุนและอำนาจของกษัตริย์มีอยู่ในทางทฤษฎีเป็นส่วนใหญ่ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐในยุดนี้อยู่ในยุดมืด Archaeology is awake. Academic science has invented several new renegade. ทางด้านศาสนา มีการเปลี่ยนแปลง เดิมพระสันตะปาปาเคยมีอำนาจมากและมักจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ได้ก่อนให้เกิดความไม่พอใจในหมู่กษัตริย์ มีการจัดตั้งศาสนานิกายใหม่ๆ ไม่ยอมรับอำนาจของพระสันตะปาปา ทำให้เกิดการปฏิรูปศาสนา พลังทางศาสนายังแฝงอยู่ในการเมืองในรูปศาสนาประจำชาติ มีการทำสงครามทางศาสนาระหว่างเจ้าผู้ครองนครต่างๆ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1618 ได้เกิดสงครามระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนท์ขึ้น สงครามได้ยุติลง ค.ศ. 1648 มีการทำสัญญาสงบศึกที่มีชื่อว่า สนธิสัญญา westphalia ช่วงเวลาการทำสงครามนานถึง 30 ปี ผลจากสงคราม ได้ช่วยปูพื้นของการมีระบบรัฐสมัยใหม่ในยุโรป โดยลดฐานะจักรวรรคโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ( Holy Roman Empire ) ลงให้เท่าๆ กับดินแดนที่มีกษัตริย์ปกครองสมัยนั้น เช่น ฝรั่งเศส สเปน สวีเดน และอังกฤษ นอกจากนั้น ยังมีข้อตกลงในสนธิสัญญาเวสฟาเวีย เกี่ยวกับหลักการที่ว่า รัฐอธิปไตยที่เป็นเอกราชทั้งหลายเท่าเทียมกัน แสดงให้เห็นว่าอำนาจของสัตปาปาลดลง มีฐานะเพียงเจ้าผู้ครองนครรัฐ ซึ่งมีความผูกพันกับศาสนาและสนธิสัญญาดังกล่าว ยังชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการวางกฎเกณฑ์ที่จะคุ้มครองประชาชนในยามสงคราม มีการกล่าวถึงการปฏิบัติต่อผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บ นักโทษ ห้ามปล้น ห้ามทำลายศิลปวัตถุและการกระทำอื่นที่ไร้มนุษยธรรม ระบบรัฐในปี ค.ศ. 1648 ในขั้นแรกจำกัดอยู่ในยุโรป ต่อมาในปลาย ศตวรรษที่ 19 ได้แสวงหาอาณานิคมจนได้อาณานิคมมาครอบครองในภูมิภาคต่างๆ ดินแดนที่ถูกครอบครองได้รับวัฒนาธรรมและระบบต่างๆ ไปใช้ในรัฐของตน จึงทำให้เกิดความผูกพันหรือความสัมพันธ์กันขึ้นระหว่างประเทศผู้ครอบครองกับประเทศผู้ถูกครอบครอง การเปลี่ยนแปลงทางด้านความสัมพันธ์เริ่มเห็นชัดเจนขึ้นตั้งแต่ช่วงของสงคราม และหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อมีการทำสงครามย่อมมีฝ่ายแพ้ ฝ่ายชนะ และมีประเทศที่เข้าข้างทั้งฝ่ายแพ้และฝ่ายชนะ ทั้งผู้แพ้และชนะต้องเหน็ดเหนื่อยบอบช้ำจากสงคราม ซึ่งส่งผลกระทบในทุกๆด้าน ทำให้ต่างก็หาวิธีที่จะป้องกันมิให้เกิดสงครามขึ้นในอนาคต มีการจัดตั้งองค์กรระหว่างประเทศขึ้น คือ สันนิบาตชาติ ซึ่งเป็นการแสดงออกซึ่งวัตถุประสงค์ร่วมกันในอันที่จะรักษาสันติภาพของโลกไว้ โดยทำสัญญา Kellog Briand Pact ได้กำหนดหลักการว่า ประเทศสมาชิกจะไม่ใช้สงครามเป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหาระห
การแปล กรุณารอสักครู่..