พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์
พระโอวาทพระอรหันต์จี้กง
ประทานไว้เนื่องในโอกาสประชุมธรรม2 วัน ณ พุทธสถานไท่ซิง จ.ราชบุรี
วันอาทิตย์ที่ 20กรกฎาคม พุทธศักราช 2557
สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ
ส่องตนด้วยกระจกเงา
จะมองเห็นแต่เพียงรูปลักษณ์ผิวภายนอกของตน
ส่องตนด้วยความประพฤติของผู้คน
จะมองเห็นความถูกผิดดีชั่วของตน
ส่องตนด้วยพุทธจิต
จะมองเห็นจริตมายาอารมณ์ของตน
เราคือ
พระอรหันต์จี้กง รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา ลงสู่แดนโลกา เข้าประตูพุทธะ น้อมกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักทั้งหลายสุขสบายดีฤๅ น้อมสงบจิตตั้งใจฟัง
ฮา ฮา
จะตัดสิ้นกิเลสในใจนั้น คือปณิธานสำคัญผู้บำเพ็ญแท้
ฉันทาหกอารมณ์เจ็ดตัดแน่วแน่ ทวนกระแสมุ่งหน้าฝ่าทะเลเพลิง
ธรรมลึกล้ำปณิธานจะศึกษา พุทธภาวะผู้รู้แจ้งจักได้รับ
ไตรรัตน์นั้นแยบคายสุดคณานับ ธรรมสดับนำบำเพ็ญพ้นว่ายเวียน
อนุตตรวิถีปณิธานขอบรรลุ ตั้งจิตมั่นมุมานะเดินทางฟ้า
กายใจเป็นหนึ่งทุ่มเททั้งชีวา ด้วยศรัทธาปณิธานบรรลุธรรม
ปณิธานเสริมด้วยพลังความมุ่งมั่น รากฐานแกร่งจึงหยัดยืนยาวนานได้
ต้องรอบคอบไม่ผิดจากธรรมะไป ต้นถึงปลายไม่ห่างจากปณิธาน
รู้ชีวิตกำหนดชีวิตชัดเจน อย่าได้เห็นเป็นเรื่องล้อเล่นหนา
เวลาวารีไม่ย้อนคืนกลับมา ถนอมรักษาโอกาสเร่งบำเพ็ญ
เข้าใจไหม
ศิษย์รักเอ๋ย...
แรงไฟสุขุมเป็นสิ่งสำคัญในการบำเพ็ญปฏิบัติ เพราะหากว่า ไร้ซึ่งแรงไฟสุขุมแล้วแม้นสั่งสมบุญมากมาย คุณธรรมบารมีมากเท่าใด ย่อมจบสิ้นลงได้ เมื่อพบการทดสอบหากแรงไฟสุขุมมิได้ฝึกฝน มิได้ผ่านการเคี่ยวหลอมเพียงพอ แม้จะกล่าวว่า บำเพ็ญมานานมากเพียงใด ก็มิอาจสำเร็จได้ มิอาจเดินถึงปลายทางได้ฉะนั้น สำคัญยิ่งในปัจจุบันนี้ คือ แรงไฟสุขุมของผู้บำเพ็ญ ยังมิเพียงพอลองย้อนส่องตนด้วยพุทธจิต
มีหรือไม่...เมื่อเผชิญสถานการณ์ถูกตำหนิจากผู้ใหญ่
หรือถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้น้อย
แล้วเกิดสีหน้าไม่พอใจ ขัดเคือง นั่นคือ แรงไฟสุขุมยังไม่พอ
มีหรือไม่...เมื่อได้ยินคำนินทา ใส่ร้าย
แล้วเกิดอารมณ์น้อยใจ ท้อแท้ใจ ไม่อยากบำเพ็ญต่อไป
นั่นคือ แรงไฟสุขุมยังไม่พอ
มีหรือไม่...ยามมองเห็นสิ่งของสวยงาม
แล้วอยากได้ จนมิอาจควบคุมตน
นั่นคือ แรงไฟสุขุมยังไม่พอ
ยังมีอีกมากศิษย์ลองย้อนทบทวนตน ในชีวิตประจำวัน เมื่อรู้ตนต้องแก้ไขจุดบกพร่องเพื่อที่จะเอาชนะใจตน มิใช่ชนะผู้อื่น ด้วยเหตุที่เห็นมากมาย ผู้บำเพ็ญต่างเดินไม่ถึงปลายทาง เป็นเพราะพบทดสอบจากบุคคล จากเรื่องราวสถานการณ์ต่างต่าง จนทำให้กีดกั้นตัวเองออกห่างจากธรรมไป ด้วยเหตุที่ยังมิได้ผ่านการเคี่ยวหลอม ฝึกแรงไฟใจสุขุมเพียงพอผู้ที่สามารถอดทนผ่านความลำบากต่างต่างได้ ย่อมได้รับการ เคี่ยวหลอม แต่ผู้ที่ไม่ยอมจะลำบากย่อมมิอาจยกระดับการบำเพ็ญได้ เพราะการบำเพ็ญนั้น คือ การขัดเกลาแก้ไขตนเจียระไนตน หากไม่ยอมเสียเปรียบบ้าง ไม่ยอมเจ็บตัวบ้าง จะรู้ซึ้งถึงสัจธรรมได้อย่างไร
ชีวิตนี้มีใครบ้างไม่พบทุกข์ แม้ว่าพยายามหลีกหนีเท่าใด ก็หนีไม่พ้น ความทุกข์ ใช่หรือไม่ ลองมองดูข้อดีของความทุกข์บ้างเป็นไร
เพราะเจอทุกข์...จึงคิดถึงธรรม
เพราะเวไนยทุกข์...ธรรมะจึงฉุดช่วย
เพราะผ่านความทุกข์...จึงรู้รสชาติแห่งชีวิต
เพราะรับรู้ความทุกข์...จึงเข้าใจผู้อื่น
และบังเกิดจิตเมตตา ช่วยเหลือ
บางคน เพราะผ่านความทุกข์สาหัสมาก่อน เมื่อได้พบธรรมะ เปลี่ยนชีวิตจากทุกข์เป็นสุข จึงเกิดศรัทธาปณิธาน จะช่วยเวไนย ให้พ้นจากทุกข์ เช่นนี้ ความทุกข์ก็มีข้อดี มิใช่หรือ
รู้จักทุกข์ แต่อย่าจมอยู่กับความทุกข์ มองให้ทะลุ มองให้เห็นซึ่งแก่นแท้ของธรรมะมิเช่นนั้น จะหลงอยู่ในอารมณ์แห่งความทุกข์ ความสุข มิจบสิ้น ในโลกนี้หนีไม่พ้นสุขทุกข์ปะปนกันไปมีเพียงแต่บำเพ็ญธรรมเท่านั้น จึงจะอยู่เหนือโลกีย์วิสัย
เข้าใจไหม
ดังนั้น ทุกขณะยามเผชิญปัญหาใดต้องกำราบอารมณ์ตน หยุดให้ทันด้วยเตือนตนทุกครั้งว่า ต้องฝึกแรงไฟสุขุม ต้องบำเพ็ญจิต ให้ก้าวหน้า ศิษย์จึงได้ ยิ่งบำเพ็ญยิ่งยกระดับใจของตน
เข้าใจไหม
ศิษย์รักเอ๋ย...บุคลากรตั้งใจฟัง
สายตาฟ้ามองชัดเจน จิตศรัทธาพลังยิ่งใหญ่มหาปณิธาน สะเทือนฟ้าได้เซียนพุทธะร่วมอวยชัย เทพผีต่างร่วมหนุนนำ ช่วยงานธรรมะ อย่าได้ดูแคลน ในวันนี้ธรรมะแผ่กว้างก็ด้วยพระโองการฟ้า จิตใจที่มีแต่เพื่อส่วนรวม โดยไร้ส่วนตน ก็คือเทียนมิ่ง เช่นกัน
จิตใจยุติธรรมเสมอภาคดำเนินธรรม จะช่วยให้งานธรรมะ ยิ่งแผ่กว้าง อนุเคราะห์ผู้คนเป็นจี้กงน้อย เข้าถึงทุกคนเดินไปทั่วหล้า ตามหาผู้มีบุญสัมพันธ์นำฉุดช่วยส่งเสริมให้ถึงฝั่ง อย่าได้ท้อแท้ ทิ้งลงกลางคัน บรรพชนลูกหลานต่างรออาศัยบารมีแห่งธรรมสาดส่องถึง ฉะนั้น
จึงมิควรที่จะทอดทิ้งใคร...แม้แต่ผู้เดียว
จึงมิควรที่จะมองข้ามใคร...แม้แต่ผู้เดียวให้โอกาสทุกคนได้ฝึกฝนตน ช่วยงานธรรมะ คือ ให้โอกาสเขาได้ เจริญปณิธานสร้างบุญกุศล เจ้าให้โอกาสเขา ฟ้าก็จะให้โอกาสแด่เจ้า เช่นกัน
ขอเพียงวันนี้ มุ่งมั่นจริงใจ ศรัทธาถึงที่สุด คือ เข้าใจถึงที่สุดใน จิตฟ้า ในหลักธรรมในจิตใจของบรรพจารย์อาวุโสทั้งหลาย หยัดยืนให้ได้ถึงปลายทาง จะได้รับมรรคผลแน่แท้ สำคัญว่าต่อเพื่อนผู้ร่วมบำเพ็ญ ต้องสมานไมตรี ประคับประคอง ส่งเสริมกันให้ได้ตลอดทาง จึงจะพบความสำเร็จ งานแห่งฟ้าคนเดียวทำมิได้หนา ต้องร่วมกันก้าวพร้อมกัน
เข้าใจไหม
รักษาศรัทธาปณิธานมุ่งมั่นของตนให้ดี ทะยานมุ่งหน้าบุกเบิก อนาคตแห่งธรรมจักรุ่งโรจน์อาจารย์อวยชัยให้ทุกคน ร่มเย็นผาสุก อย่าได้ทุกข์ใจ
จรดพู่กัน
ฮา ฮา หยุด
หมายเหตุ **
ฉันทาหก คือ ใจเอนเอียงเพราะ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสอารมณ์ปรุงแต่ง
อารมณ์เจ็ด คือยินดี โทสะ เศร้าโศก ร่าเริง รัก เกลียด ราคะ