หลักฐานทางประวัติศาสตร์การ เกิดของพระเยซูคริสต์มิใช่นวนิยาย มิใช่เรื่อ การแปล - หลักฐานทางประวัติศาสตร์การ เกิดของพระเยซูคริสต์มิใช่นวนิยาย มิใช่เรื่อ อังกฤษ วิธีการพูด

หลักฐานทางประวัติศาสตร์การ เกิดของพ


หลักฐานทางประวัติศาสตร์

การ เกิดของพระเยซูคริสต์มิใช่นวนิยาย มิใช่เรื่องราวที่มนุษย์แต่งขึ้น แต่เป็นชีวิตจริงที่มีหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ ยืนยันคือ เมื่อประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว พระเยซูคริสต์เกิดที่ตำบลเล็กๆแห่งหนึ่ง ชื่อ "เบธเลเฮม" ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงเยรูซาเล็ม ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ 10 กิโลเมตร ในประเทศอิสราเอลปัจจุบัน พระองค์เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน บิดาเป็นช่างไม้ ชื่อ โยเซฟ มารดาชื่อ มารีย์ ทั้งสองสืบเชื้อสายจากอดีต กษัตริย์ของชาวยิวคือ กษัตริย์ดาวิด ชีวิตในวัยเด็กและวัยหนุ่มของพระเยซู ก็เหมือนสามัญชนทั่วไป ไม่มีการ บันทึกไว้มากนัก จนพระองค์เริ่มพระราชกิจของพระองค์ เมื่ออายุได้ 30 ปี จึงได้มีบันทึกเรื่องราวชีวิตและคำสอน ของพระองค์ ไว้ในประวัติศาสตร์ พระองค์กระทำราชกิจและสั่งสอนประชาชน อยู่ได้เพียง 3 ปี แต่เป็น 3 ปีที่ เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์โลก เรื่องราวที่ละเอียดกว่านี้ หาอ่านได้จากเอกสาร ชีวประวัติของพระเยซู ในหนังสือ พระคริสตธรรมคัมภีร์ ช่วงพระกิตติคุณมัทธิว มาระโก ลูกา ยอห์น และในบันทึกและคำอ้างอิงของนักประวัติศาสตร์ โลกเช่น Flavius Josephus (นักประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 1 เกิด ค.ศ. 37) Seutonius (นักประวัติศาสตร์ โรมัน ค.ศ. 120) และ PliniusSecundus (นักการเมืองโรมัน ค.ศ. 122) ฯลฯ แม้แต่สารานุกรมอันเป็นที่ เชื่อถือของคนทั่วโลก ฉบับล่าสุดที่ชื่อว่า Encyclopaedia Britannica ก็ได้บรรยายถึงเรื่องราวชีวิตของพระเยซู ด้วยถ้อยคำ ถึงสองหมื่นคำ นี่ย่อมแสดงถึงความสำคัญและความจริงแห่งชีวิตอันน่าเชื่อถือ ของพระเยซู ตามหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์.
คำยืนยันที่โลกต้องตะลึง
ดัง ได้กล่าวไว้ในบทนำว่า พระเยซูคริสต์เป็นศาสดาคนเดียวของโลกที่อ้างว่าตนเองคือพระเจ้า และคำอ้างนี้ก็ เกี่ยวข้องโดยตรงกับภารกิจของพระองค์ เราสามารถสรุปสาระสำคัญของภารกิจ ที่พระเยซูคริสต์กระทำอย่าง สั้นๆได้ว่า "พระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อนำมนุษย์ให้เข้าถึงพระเจ้าโดยการสิ้น พระชนม์ บนไม้กางเขน" ดังที่พระองค์ได้ตรัสไว้ชัดเจนว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใด มาถึงพระบิดาได้ นอกจากจะมาทางเรา" (ยอห์น14:6) เพราะความสำคัญของภารกิจนี้ พระเยซูคริสต์ต้องการให้ สาวกเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับตัวพระองค์ จึงได้ถามว่า "ท่านคิดว่าเราคือใคร" และเมื่อสาวกคนหนึ่งที่ชื่อ ซีโมน เปโตร ตอบว่า "พระองค์คือพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า ผู้ทรงพระชนม์อยู่" แทนที่พระเยซูจะตกใจในคำตอบ ของสาวกผู้นั้น พระองค์กลับกล่าวชมเชยว่า "ซีโมนบุตรโยนาเอ๋ย ท่านก็เป็นสุขเพราะว่ามนุษย์ มิได้แจ้งความนี้ แก่ท่าน แต่พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ทรงแจ้งให้ทราบ" (มัทธิว16:15-17) ใช่ แล้ว พระเยซูคริสต์ อ้างว่าพระองค์เป็นพระเจ้า เป็นคำอ้างที่โลกต้องตะลึง อยากให้เราพิจารณา คำอ้างของพระเยซู ซึ่งกล่าวถึงพระองค์ เองดังต่อไปนี้
1. พระเยซูคริสต์อ้างว่า "พระองค์เป็นบุคคลคนเดียวกันกับพระเจ้า" พระเยซูคริสต์ตรัสว่า "เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน" (ยอห์น10:30) ตามคำบันทึกในพระคัมภีร์เมื่อ พระเยซูคริสต์ตรัสเช่นนี้ ทำให้พวกยิวที่นับถือพระเจ้าเพียงองค์เดียว ยอมรับไม่ได้ พวกเขาตั้งใจจะฆ่าพระเยซู โดยจะหยิบก้อนหินขว้างพระองค์ แต่พระองค์ถามพวกเขาว่า "เราได้แสดงให้ท่านเห็นการดีหลายประการ ... ท่านทั้ง หลายจะขว้างเราให้ตายเพราะการกระทำข้อใดเล่า" พวกยิวตอบว่า "เราจะขว้างท่านมิใช่เพราะการกระทำดี แต่เพราะ การพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า เพราะว่าท่านเป็นเพียงมนุษย์แต่ ตั้งตัวเป็นพระเจ้า" (ยอห์น10:30-33) อีกตอนหนึ่ง ขณะที่พระเยซูถูกพิพากษาในศาลทางศาสนาของชาวยิวนั้น พระองค์ยอมรับความเป็นพระเจ้า ของพระองค์อย่างชัดเจน ตามคำบันทึกในมาระโก 14:61-64 เมื่อมหาปุโรหิตของชาวยิวถามว่า พระองค์เป็นผู้นั้น (พระเจ้า) ที่ควรแก่การนมัสการใช่หรือไม่ พระเยซูคริสต์ตอบอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาว่า "เราเป็น" ทั้งยัง กล่าวต่อไปอีกว่า คนทั้งหลายจะเห็นพระองค์เสด็จกลับมาด้วยฤทธานุภาพในเมฆแห่งฟ้าสวรรค์ ฝ่ายมหาปุโรหิต ได้ฟังก็โกรธจึงกล่าวว่า "เราต้องการพยานอะไรอีกเล่า ท่านทั้งหลายได้ยินเขาพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแล้ว ท่าน ทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร" คนทั้งปวงเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะมีโทษถึงตาย ฉะนั้น ปฏิกิริยาที่ชาวยิวแสดงออกมา ด้วยความโกรธหลังจากที่ได้ยิน ได้ฟังคำอ้างของพระเยซูคริสต์แสดงว่า พวกเขาเข้าใจอย่างชัดเจนไม่ผิดพลาดว่า "พระเยซู อ้างว่าตนเองเป็นพระเจ้า"
2. พระเยซูคริสต์อ้างว่า "พระองค์เป็นบ่อเกิดแห่งชีวิตและเป็นผู้ประทานชีวิต แม้กระทั่งชีวิตหลังความตาย" พระเยซูคริสต์ตรัสว่า "เราเป็นทางนั้นเป็นความจริงและเป็นชีวิต" (ยอห์น14:6) และยังตรัสอีกว่า "เราได้ มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และได้ชีวิตนั้นอย่างครบบริบูรณ์" (ยอห์น10:10) โปรดสังเกตว่า พระองค์ไม่ได้ บอกว่า "เรารู้จักหนทางสู่ชีวิต" แต่ตรัสว่า "เราคือชีวิต และเป็นผู้นั้นที่สามารถประทานชีวิต" ฉะนั้นถ้าผู้ใดรู้สึกเบื่อ ชีวิต คือชีวิตที่มีความหมายในพระองค์ได้ ขณะที่ผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้เสียใจที่ลาซารัส น้องชายของเธอตามไป พระเยซูคริสต์ได้กล่าวคำพูดอมตะ ในฐานะ ผู้กุมอำนาจแห่งความตายว่า "เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้นถึงแม้ว่า เขาตายแล้วก็ยัง จะมีชีวิตอีก และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเรา จะไม่ตายเลย" (ยอห์น11:25-26) มีคนธรรมดาคนใดหรือที่กล้า กล่าวคำพูดเช่นนี้
3. พระเยซูคริสต์อ้างว่า "พระองค์คือ ผู้พิพากษามนุษย์ ในวันสิ้นสุดของโลก" พระเยซูคริสต์ตรัสอย่างชัดเจนว่า การพิพากษาทั้งสิ้นนั้นอยู่ในอำนาจโดยตรงของพระองค์ (ยอห์น5:22) และ เมื่อวันสิ้นสุดของโลกมาถึง บรรดาคนที่ตายแล้วก็จะกลับเป็นขึ้นมา เพื่อรับการพิพากษา จากพระองค์และรับผลอัน ควรสำหรับแต่ละคน บางคนจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ แต่บางคนจะได้ยินพระสุรเสียงที่น่ากลัว ตรัสสั่งว่า "ท่านทั้งหลายผู้ ต้องแช่งสาป จงถอยไปจากเรา เข้าไปอยู่ในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารร้ายและสมุนของมัน" (มัทธิว25:41) และที่สำคัญกว่านั้นคือ เงื่อนไขแห่งการพิพากษาขึ้นอยู่กับท่าที ที่มนุษย์มีต่อพระองค์ ดังคำตรัสว่า "ทุกคนที่จะรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะรับผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ แต่ผู้ใดจะไม่ยอ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
Historical evidenceThe birth of Jesus Christ, not the human stories, not fiction dressed up, but it is a real life with historical evidence. Confirmation is about 2000 years ago. Jesus Christ was born, a small. The name "Bethlehem", which is located far from Jerusalem toward the Southwest 10 kilometers in the country Israel. He was born in a poor family. His father is a Carpenter named Joseph Mother Mary, both descended from the former King of the Jews is King David. Life in childhood and young age of Jesus is like the common people in general do not have saved much until he started his activity of. At the age of 30 years, it has recorded the story of his life and teachings into history. Kingdom of God & teach people is only 3 years old, but it is a difficult year 3 history stories over details. To read from the document the life of Jesus in the book. God's Church to glorify God in our Bible Matthew range mark Luke and John Martin in your notes and references of the world such as historian Flavius Josephus (1st century historian b. r. 37) Seutonius (Roman historian, 120) and PliniusSecundus (Roman politician, 122), and even our beloved encyclopedia of people all over the world, the latest edition of the Encyclopaedia Britannica, the name has been described as the story of the life of Jesus with words to two thousand words. This surely shows the importance and the truth of life and reliability of Jesus as historical evidence.A firm that stunned the world.It is mentioned in the intro that Jesus Christ is Lord Buddha alone of the world claim that their is a God and this quote was directly related to his mission. We can summarize the essence of the mission that Jesus Christ performed. Short said, "Jesus Christ is the son of God was born as a human being to human being, access to God, by the end of the. His death On the cross ", as he has said, it is clear that" we are on it is true and it is life. No one comes to the father. In addition to coming to us "(John 14: 6) because of the importance of this mission. Jesus Christ to disciple understood correctly about God has asked, "you think we are?", and when one disciple named Simon Peter answered, "he is Christ the son of God who is" instead of Jesus is startling in the disciple's answer. He said taking that "Simon the son of Jona, he is happy, because this is not a human, but you tell us our father who dwells in heaven he notices" (Matthew 16: 15-17) Yes, Jesus Christ claimed him as God as a claim that the world would best allow us to consider the claims of Jesus, who himself is mentioned as follows:1. พระเยซูคริสต์อ้างว่า "พระองค์เป็นบุคคลคนเดียวกันกับพระเจ้า" พระเยซูคริสต์ตรัสว่า "เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน" (ยอห์น10:30) ตามคำบันทึกในพระคัมภีร์เมื่อ พระเยซูคริสต์ตรัสเช่นนี้ ทำให้พวกยิวที่นับถือพระเจ้าเพียงองค์เดียว ยอมรับไม่ได้ พวกเขาตั้งใจจะฆ่าพระเยซู โดยจะหยิบก้อนหินขว้างพระองค์ แต่พระองค์ถามพวกเขาว่า "เราได้แสดงให้ท่านเห็นการดีหลายประการ ... ท่านทั้ง หลายจะขว้างเราให้ตายเพราะการกระทำข้อใดเล่า" พวกยิวตอบว่า "เราจะขว้างท่านมิใช่เพราะการกระทำดี แต่เพราะ การพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า เพราะว่าท่านเป็นเพียงมนุษย์แต่ ตั้งตัวเป็นพระเจ้า" (ยอห์น10:30-33) อีกตอนหนึ่ง ขณะที่พระเยซูถูกพิพากษาในศาลทางศาสนาของชาวยิวนั้น พระองค์ยอมรับความเป็นพระเจ้า ของพระองค์อย่างชัดเจน ตามคำบันทึกในมาระโก 14:61-64 เมื่อมหาปุโรหิตของชาวยิวถามว่า พระองค์เป็นผู้นั้น (พระเจ้า) ที่ควรแก่การนมัสการใช่หรือไม่ พระเยซูคริสต์ตอบอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาว่า "เราเป็น" ทั้งยัง กล่าวต่อไปอีกว่า คนทั้งหลายจะเห็นพระองค์เสด็จกลับมาด้วยฤทธานุภาพในเมฆแห่งฟ้าสวรรค์ ฝ่ายมหาปุโรหิต ได้ฟังก็โกรธจึงกล่าวว่า "เราต้องการพยานอะไรอีกเล่า ท่านทั้งหลายได้ยินเขาพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแล้ว ท่าน ทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร" คนทั้งปวงเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะมีโทษถึงตาย ฉะนั้น ปฏิกิริยาที่ชาวยิวแสดงออกมา ด้วยความโกรธหลังจากที่ได้ยิน ได้ฟังคำอ้างของพระเยซูคริสต์แสดงว่า พวกเขาเข้าใจอย่างชัดเจนไม่ผิดพลาดว่า "พระเยซู อ้างว่าตนเองเป็นพระเจ้า"2. พระเยซูคริสต์อ้างว่า "พระองค์เป็นบ่อเกิดแห่งชีวิตและเป็นผู้ประทานชีวิต แม้กระทั่งชีวิตหลังความตาย" พระเยซูคริสต์ตรัสว่า "เราเป็นทางนั้นเป็นความจริงและเป็นชีวิต" (ยอห์น14:6) และยังตรัสอีกว่า "เราได้ มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และได้ชีวิตนั้นอย่างครบบริบูรณ์" (ยอห์น10:10) โปรดสังเกตว่า พระองค์ไม่ได้ บอกว่า "เรารู้จักหนทางสู่ชีวิต" แต่ตรัสว่า "เราคือชีวิต และเป็นผู้นั้นที่สามารถประทานชีวิต" ฉะนั้นถ้าผู้ใดรู้สึกเบื่อ ชีวิต คือชีวิตที่มีความหมายในพระองค์ได้ ขณะที่ผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้เสียใจที่ลาซารัส น้องชายของเธอตามไป พระเยซูคริสต์ได้กล่าวคำพูดอมตะ ในฐานะ ผู้กุมอำนาจแห่งความตายว่า "เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้นถึงแม้ว่า เขาตายแล้วก็ยัง จะมีชีวิตอีก และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเรา จะไม่ตายเลย" (ยอห์น11:25-26) มีคนธรรมดาคนใดหรือที่กล้า กล่าวคำพูดเช่นนี้3. พระเยซูคริสต์อ้างว่า "พระองค์คือ ผู้พิพากษามนุษย์ ในวันสิ้นสุดของโลก" พระเยซูคริสต์ตรัสอย่างชัดเจนว่า การพิพากษาทั้งสิ้นนั้นอยู่ในอำนาจโดยตรงของพระองค์ (ยอห์น5:22) และ เมื่อวันสิ้นสุดของโลกมาถึง บรรดาคนที่ตายแล้วก็จะกลับเป็นขึ้นมา เพื่อรับการพิพากษา จากพระองค์และรับผลอัน ควรสำหรับแต่ละคน บางคนจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ แต่บางคนจะได้ยินพระสุรเสียงที่น่ากลัว ตรัสสั่งว่า "ท่านทั้งหลายผู้ ต้องแช่งสาป จงถอยไปจากเรา เข้าไปอยู่ในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารร้ายและสมุนของมัน" (มัทธิว25:41) และที่สำคัญกว่านั้นคือ เงื่อนไขแห่งการพิพากษาขึ้นอยู่กับท่าที ที่มนุษย์มีต่อพระองค์ ดังคำตรัสว่า "ทุกคนที่จะรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะรับผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ แต่ผู้ใดจะไม่ยอ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:[สำเนา]
คัดลอก!

หลักฐานทางประวัติศาสตร์

การ เกิดของพระเยซูคริสต์มิใช่นวนิยาย มิใช่เรื่องราวที่มนุษย์แต่งขึ้น แต่เป็นชีวิตจริงที่มีหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ ยืนยันคือ เมื่อประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว พระเยซูคริสต์เกิดที่ตำบลเล็กๆแห่งหนึ่ง ชื่อ "เบธเลเฮม" ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงเยรูซาเล็ม ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ 10 กิโลเมตร ในประเทศอิสราเอลปัจจุบัน พระองค์เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน บิดาเป็นช่างไม้ ชื่อ โยเซฟ มารดาชื่อ มารีย์ ทั้งสองสืบเชื้อสายจากอดีต กษัตริย์ของชาวยิวคือ กษัตริย์ดาวิด ชีวิตในวัยเด็กและวัยหนุ่มของพระเยซู ก็เหมือนสามัญชนทั่วไป ไม่มีการ บันทึกไว้มากนัก จนพระองค์เริ่มพระราชกิจของพระองค์ เมื่ออายุได้ 30 ปี จึงได้มีบันทึกเรื่องราวชีวิตและคำสอน ของพระองค์ ไว้ในประวัติศาสตร์ พระองค์กระทำราชกิจและสั่งสอนประชาชน อยู่ได้เพียง 3 ปี แต่เป็น 3 ปีที่ เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์โลก เรื่องราวที่ละเอียดกว่านี้ หาอ่านได้จากเอกสาร ชีวประวัติของพระเยซู ในหนังสือ พระคริสตธรรมคัมภีร์ ช่วงพระกิตติคุณมัทธิว มาระโก ลูกา ยอห์น และในบันทึกและคำอ้างอิงของนักประวัติศาสตร์ โลกเช่น Flavius Josephus (นักประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 1 เกิด ค.ศ. 37) Seutonius (นักประวัติศาสตร์ โรมัน ค.ศ. 120) และ PliniusSecundus (นักการเมืองโรมัน ค.ศ. 122) ฯลฯ แม้แต่สารานุกรมอันเป็นที่ เชื่อถือของคนทั่วโลก ฉบับล่าสุดที่ชื่อว่า Encyclopaedia Britannica ก็ได้บรรยายถึงเรื่องราวชีวิตของพระเยซู ด้วยถ้อยคำ ถึงสองหมื่นคำ นี่ย่อมแสดงถึงความสำคัญและความจริงแห่งชีวิตอันน่าเชื่อถือ ของพระเยซู ตามหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์.
คำยืนยันที่โลกต้องตะลึง
ดัง ได้กล่าวไว้ในบทนำว่า พระเยซูคริสต์เป็นศาสดาคนเดียวของโลกที่อ้างว่าตนเองคือพระเจ้า และคำอ้างนี้ก็ เกี่ยวข้องโดยตรงกับภารกิจของพระองค์ เราสามารถสรุปสาระสำคัญของภารกิจ ที่พระเยซูคริสต์กระทำอย่าง สั้นๆได้ว่า "พระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อนำมนุษย์ให้เข้าถึงพระเจ้าโดยการสิ้น พระชนม์ บนไม้กางเขน" ดังที่พระองค์ได้ตรัสไว้ชัดเจนว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใด มาถึงพระบิดาได้ นอกจากจะมาทางเรา" (ยอห์น14:6) เพราะความสำคัญของภารกิจนี้ พระเยซูคริสต์ต้องการให้ สาวกเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับตัวพระองค์ จึงได้ถามว่า "ท่านคิดว่าเราคือใคร" และเมื่อสาวกคนหนึ่งที่ชื่อ ซีโมน เปโตร ตอบว่า "พระองค์คือพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า ผู้ทรงพระชนม์อยู่" แทนที่พระเยซูจะตกใจในคำตอบ ของสาวกผู้นั้น พระองค์กลับกล่าวชมเชยว่า "ซีโมนบุตรโยนาเอ๋ย ท่านก็เป็นสุขเพราะว่ามนุษย์ มิได้แจ้งความนี้ แก่ท่าน แต่พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ทรงแจ้งให้ทราบ" (มัทธิว16:15-17) ใช่ แล้ว พระเยซูคริสต์ อ้างว่าพระองค์เป็นพระเจ้า เป็นคำอ้างที่โลกต้องตะลึง อยากให้เราพิจารณา คำอ้างของพระเยซู ซึ่งกล่าวถึงพระองค์ เองดังต่อไปนี้
1. พระเยซูคริสต์อ้างว่า "พระองค์เป็นบุคคลคนเดียวกันกับพระเจ้า" พระเยซูคริสต์ตรัสว่า "เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน" (ยอห์น10:30) ตามคำบันทึกในพระคัมภีร์เมื่อ พระเยซูคริสต์ตรัสเช่นนี้ ทำให้พวกยิวที่นับถือพระเจ้าเพียงองค์เดียว ยอมรับไม่ได้ พวกเขาตั้งใจจะฆ่าพระเยซู โดยจะหยิบก้อนหินขว้างพระองค์ แต่พระองค์ถามพวกเขาว่า "เราได้แสดงให้ท่านเห็นการดีหลายประการ ... ท่านทั้ง หลายจะขว้างเราให้ตายเพราะการกระทำข้อใดเล่า" พวกยิวตอบว่า "เราจะขว้างท่านมิใช่เพราะการกระทำดี แต่เพราะ การพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า เพราะว่าท่านเป็นเพียงมนุษย์แต่ ตั้งตัวเป็นพระเจ้า" (ยอห์น10:30-33) อีกตอนหนึ่ง ขณะที่พระเยซูถูกพิพากษาในศาลทางศาสนาของชาวยิวนั้น พระองค์ยอมรับความเป็นพระเจ้า ของพระองค์อย่างชัดเจน ตามคำบันทึกในมาระโก 14:61-64 เมื่อมหาปุโรหิตของชาวยิวถามว่า พระองค์เป็นผู้นั้น (พระเจ้า) ที่ควรแก่การนมัสการใช่หรือไม่ พระเยซูคริสต์ตอบอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาว่า "เราเป็น" ทั้งยัง กล่าวต่อไปอีกว่า คนทั้งหลายจะเห็นพระองค์เสด็จกลับมาด้วยฤทธานุภาพในเมฆแห่งฟ้าสวรรค์ ฝ่ายมหาปุโรหิต ได้ฟังก็โกรธจึงกล่าวว่า "เราต้องการพยานอะไรอีกเล่า ท่านทั้งหลายได้ยินเขาพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแล้ว ท่าน ทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร" คนทั้งปวงเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะมีโทษถึงตาย ฉะนั้น ปฏิกิริยาที่ชาวยิวแสดงออกมา ด้วยความโกรธหลังจากที่ได้ยิน ได้ฟังคำอ้างของพระเยซูคริสต์แสดงว่า พวกเขาเข้าใจอย่างชัดเจนไม่ผิดพลาดว่า "พระเยซู อ้างว่าตนเองเป็นพระเจ้า"
2. พระเยซูคริสต์อ้างว่า "พระองค์เป็นบ่อเกิดแห่งชีวิตและเป็นผู้ประทานชีวิต แม้กระทั่งชีวิตหลังความตาย" พระเยซูคริสต์ตรัสว่า "เราเป็นทางนั้นเป็นความจริงและเป็นชีวิต" (ยอห์น14:6) และยังตรัสอีกว่า "เราได้ มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และได้ชีวิตนั้นอย่างครบบริบูรณ์" (ยอห์น10:10) โปรดสังเกตว่า พระองค์ไม่ได้ บอกว่า "เรารู้จักหนทางสู่ชีวิต" แต่ตรัสว่า "เราคือชีวิต และเป็นผู้นั้นที่สามารถประทานชีวิต" ฉะนั้นถ้าผู้ใดรู้สึกเบื่อ ชีวิต คือชีวิตที่มีความหมายในพระองค์ได้ ขณะที่ผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้เสียใจที่ลาซารัส น้องชายของเธอตามไป พระเยซูคริสต์ได้กล่าวคำพูดอมตะ ในฐานะ ผู้กุมอำนาจแห่งความตายว่า "เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้นถึงแม้ว่า เขาตายแล้วก็ยัง จะมีชีวิตอีก และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเรา จะไม่ตายเลย" (ยอห์น11:25-26) มีคนธรรมดาคนใดหรือที่กล้า กล่าวคำพูดเช่นนี้
3. พระเยซูคริสต์อ้างว่า "พระองค์คือ ผู้พิพากษามนุษย์ ในวันสิ้นสุดของโลก" พระเยซูคริสต์ตรัสอย่างชัดเจนว่า การพิพากษาทั้งสิ้นนั้นอยู่ในอำนาจโดยตรงของพระองค์ (ยอห์น5:22) และ เมื่อวันสิ้นสุดของโลกมาถึง บรรดาคนที่ตายแล้วก็จะกลับเป็นขึ้นมา เพื่อรับการพิพากษา จากพระองค์และรับผลอัน ควรสำหรับแต่ละคน บางคนจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ แต่บางคนจะได้ยินพระสุรเสียงที่น่ากลัว ตรัสสั่งว่า "ท่านทั้งหลายผู้ ต้องแช่งสาป จงถอยไปจากเรา เข้าไปอยู่ในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารร้ายและสมุนของมัน" (มัทธิว25:41) และที่สำคัญกว่านั้นคือ เงื่อนไขแห่งการพิพากษาขึ้นอยู่กับท่าที ที่มนุษย์มีต่อพระองค์ ดังคำตรัสว่า "ทุกคนที่จะรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะรับผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ แต่ผู้ใดจะไม่ยอ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!



historical evidence. The birth of Jesus Christ, not the novel. Not the human dress up But the real life with the evidence of history, confirmation is approximately, 2000 years ago. Jesus Christ was born of a small district named "Bethlehem" which is located away from Jerusalem to the southwest. About 10 kilometers in Israel today. He was born into a poor family.The name Joseph, mothers name Mary, both descended from the past, the king of the Jews, King David, life in the childhood and youth of Jesus. Just like ordinary people in general, not recorded much.At the age of 30 years had recorded the life and teachings of his place in history. He did work and teach the people. It was only 3 years but is 3 years, changed the face of world history.To read from the document, the biography of Jesus in the book, the Bible, the gospel of Luke and Matthew, mark and John, and in the notes and reference words of the historian. The world such as Flavius Josephus (historians in the 1 was born.Professor 37) Seutonius (historian, Roman architecture 120) and PliniusSecundus (Roman politicians.122), etc. even the encyclopedia and trust of people all over the world the latest edition named Encyclopaedia Britannica it described the story of Jesus' life. With words to two thousand words.Jesus, according to the evidence of history.
confirmation world stunned
.As discussed in the introduction. Jesus Christ as a prophet of the world claiming he alone is God and claim this is related directly to the mission for him. We can summarize the mission. That Jesus Christ did."Jesus Christ is the son of God, born as human beings. To bring human access to God by died on the cross. "As he spoke ไว้ชัดเจน said," I am the way, the truth! And the life; no one.In addition to towards us. "(John 14:6) because of the importance of this mission. Jesus Christ needs. The disciples understood correctly about the prince asked, "do you think we are?" when one of his disciples named Simon Peter answered "He was the Christ.The living "instead of Jesus will scare in the answer of disciples whom he praised" Simon son of Jonathan, ye blessed because humans. Failing to report this to you, but my father who is in heaven.(Matthew 16:15-17) Yes, Jesus Christ, claiming that he is God. Is the claim that the world was stunned, want us to consider the quote of Jesus, which discusses his own following
1.Jesus claimed, "he is the same person with God" Jesus said, "we กับพระบิดา are one. (John 10:30) after the words recorded in the Bible when Jesus said this. The Jews who respect the one and only God, not acceptable. They intend to kill Jesus. By taking stones throw at him, but he asked them..... you, many will throw us off because the action of any story, "the Jews answered," we throw you มิใช่เพราะ action, but because evil speaking God. Because he was the only human but himself to God "(John 10:30-33) when one, while Jesus was sentenced in court of religious Jews. He accepted his divinity. Clearly, according to the word of 14: record mark61-64 when the high priest of the Jews ask that he is he (God) that should provide worship right or not. Jesus answered clearly and frankly that "we are," and also said further that.But the high priest, listened and angry and said, "we need a witness? Ye have heard he blasphemed the God. You shall think. "The people ทั้งปวงเห็นพ้องต้องกัน that should be put to death. SoAngry after hearing it. Have heard the claims of Jesus Christ show They clearly understand mistake that "Jesus, claiming he is the God!2. Jesus claimed. "He is the source of life, and who gives life. Even after death, "Jesus said, "I am the way, the truth and the life" (John 14:6) and also said that "we have come for them to life. And life is complete. "(John 10:10) note that he didn't say, "we know a way of life." but said "we are, and who can give life". Therefore, if a man feel bored, life is life with meaning in him.Her brother to Christ the immortal words as the authority of death. "I am the resurrection, and the life. Those who trust in the US, although he died still have life.Will not die. "(John 11:25-26) is a man or brave words like this
3.Jesus claimed that "he is to judge a man in the end of the world," said Jesus clearly All judgment is in the power of his direct (John 5:22) and when the end of the world comes. The dead will back up to judgment from him and receive the should be for each one. Some people into eternal life. But some people will hear the voice that scary."Ye must curse, just go back from us, in the fire which burn for ever. Which was prepared for the devil and his minions. "(Matthew 25:41) and more importantly, the conditions of judgment depends on the attitude that humans have on him. So the words said, "everyone to get us in front of humans. We will receive him before my father who is in heaven.
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: