ท่านหญิงอาซียะห์ บินตฺ มุซาฮิม
ภรรยาฟาโรห์แห่งอียิปต์
ตอนที่ 1
ฟิรอูน(ฟาโรห์) ตื่นจากการนอนด้วยความหวาดกลัว และกระสับกระส่าย เขานั่งทอดถอนหายใจอย่างรุนแรงที่ปลายเตียง อาซียะห์ภรรยาของเขา ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจกับอาการของสามี นางพินิจจารณาสามีของนาง และเอ่ยถามขึ้นว่า :
เกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือค่ะ?
ฟิรอูนไม่ได้ตอบคำถามโดยทันที แต่หลังจากนั้นก็มีเสียงงึมงำออกมาจากปากของเขา อาซียะห์ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดนอกจากคำว่า :
“ความฝัน.... ฝันร้าย”
นางจึงถามว่า :
ท่านฝันถึงอะไรหรือคะ?
หลังจากที่เขาได้สงบนิ่งอยู่พักหนึ่ง เขาได้กล่าวขึ้นว่า :
ฉันฝันเห็นไฟลุก และไฟได้ไหม้บ้านเมือง และวังของฉัน ประชาชนของฉันล้มตายหมด ไม่เหลือใครเลย
นางปลอบใจสามีว่า :
สงบใจเถิดท่าน มันเป็นเพียงความฝัน มิใช่ความจริงหรอก เหตุใดท่านถึงได้ตระหนกตกใจขนาดนี้??
เขาตอบว่า :
ความฝันนี้มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันทำให้ฉันเกิดความกังวล และหวาดกลัว
นางตอบว่า :
คงไม่มีอะไรหรอกค่ะ มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ที่จริงแล้วมันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น ดิฉันจะเรียกนักทำนายผู้ยิ่งใหญ่ให้เขามาทำนายความฝันที่คอยรบกวนจิตใจของท่าน
เมื่อถึวเวเลาเช้า ฟิรอูนได้มุ่งหน้าไปยังท้องพระโรง และได้นั่งบนบัลลังก์ที่ทำมาจากทองคำ และประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดา และไข่มุกอันล้ำค่า รูปร่างของฟิรอูนนั้นมีความน่าเกรงขามเนื่องมาจากร่างกายที่ใหญ่โต และมงกุฎที่เขาสวมอยู่บนศีรษะ บัลลังก์ของเขานั้นตั้งตระหง่านอยู่สูงกว่าท้องพระโรงหลายขั้นด้วยกัน บริวารของเขาต่างก็ยอยกปอปั้นเขาด้วยคำชมต่างๆนานา ล้วนแล้วแต่สูงส่งเกินกว่าที่มนุษย์คนใดจะมีลักษณะเช่นนั้นได้ เป็นทั้งนักวางแผนผู้ปราดเปรื่อง เป็นทั้งนักปราชญ์ผู้มองการณ์ไกล เป็นทั้งนักรบที่ไร้เทียมทาน เป็นทั้งแม่ทัพที่ไม่เคยพ่ายศึก และยังเป็นผู้นำที่ราษฎรพร้อมจะถวายชีวิตให้
คำยกยอเหล่านี้ทำให้ฟิรอูนหยิ่งผยอง ลำพองตนจนกระทั่งในที่สุด คิดว่าตนเองเป็นพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ สามารถที่จะมอบหมายชีวิต ทรัพย์สิน และอำนาจให้แก่ใครก็ได้ถ้าเขาต้องการ
โหรได้เขามายืนต่อหน้าฟิรอูนด้วยความยำเกรง มองเขาด้วยสายตาอันหวาดกลัว เขาได้โค้งคำนับให้ฟิรอูน ฟิรอูนอนุญาตให้เขายืนตรง และได้กล่าวกับโหรว่า :
โอ้โหร ฉันฝันร้ายทุกๆคืน ฝันฉันทำให้ฉันต้องตื่นมาด้วยความหวาดผวา และกระสับกระส่าย เจ้าพอมีวิธีที่จะทำให้ฉันหลุดพ้นจากอาการดังกล่าวบ้างไหม!?
โหรกล่าวกับฟิรอูนว่า :
วางใจเถอะครับท่าน ความฝันที่น่ากลัวนั้นสามารถทำให้พระเจ้ากังวลใจกระนั้นหรือ?
ฟิรอูนนึกขึ้นมาได้ว่า เขาคือพระเจ้าแห่งอียิปต์ มีผู้คนมากมายให้ความเคารพ บูชา และกราบไหว้เขา ความฝันที่น่ากลัวเพียงเล็กน้อยจะมารบวนจิตใจของเขาได้อย่างไรเล่า? เขาจึงขยับนั่งตัวตรง เชิดศีรษะของเขาขึ้น และกล่าวกับโหรของเขาด้วยความหยิ่งผยองว่า :
ฉันต้องการให้เจ้าทำนายความฝันนี้
โหรตอบว่า :
โปรดเล่าความฝันให้ข้าน้อยฟังเถิดครับท่าน
ฟิรอูนได้เริ่มเล่าความฝันที่คอยรบกวนจิตใจของเขาทุกคืนวันอย่างละเอียด โหรตั้งใจฟังด้วยความสนใจอย่างมาก และหลังจากที่ฟิรอูนเล่าเสร็จ เขาก็ได้มองไปยังโหร และเร่งเร้าให้เขาทำนายฝันดังกล่าวโดยทันที
โหรกล่าวด้วยสีหน้าตกใจว่า :
มันเป็นเรื่องใหญ่มากนะครับท่านฟิรอูน
ฟิรอูน :
ใหญ่อย่างไรหรือ??
โหร :
จะมีเด็กผู้ชายที่เกิดจากบนีอิสรออีล เด็กคนนี้จะทำให้ท่านและกลุ่มชนของท่านพินาศด้วยน้ำมือของเขา
ฟิรอูน :
เจ้ามั่นใจในคำพูดของเจ้าหรือ?
โหร :
ข้าน้อยมั่นใจอย่างยิ่งครับ เจ้านาย สิ่งที่ข้าน้อยขอบอกกับท่าน คือ คำทำนายตามที่ท่านเห็นในความฝัน
หลังจากที่โหรได้กลับออกไป ฟิรอูนก็หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่เขาได้ยิน และคิดหาวิธีที่จะแก้ปัญหานี้เพื่อรักษาบัลลังก์ เกียรติยศ และอำนาจของเขาไว้ เขาเดินไปเดินมาอยู่ในท้องพระโรง สมองของเขาไม่หยุดนิ่งที่จะคิดถึงเรื่องนี้ จนกระทั่งมารร้าย(ชัยฏอน) ได้ชี้นำเขาให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องฆ่าเด็กผู้ชายทุกๆคนที่เกิดมาจากบนีอิสรออีล เพื่อรักษาชีวิตและอำนาจ(บัลลังก์)ของตนไว้
คำสั่งของฟิรอูนทำให้ชาวบนีอิสรอีลได้รับความยากลำบาก จนไม่มีเด็กคนใดที่เกิดมาเว้นแต่ว่าทหารจะต้องนำไปฆ่าอย่างไร้ซึ่งความเมตตา โดยไม่มีผู้ใดกล้าที่จะฝ่าฝีนคำสั่งนี้
เวลาผ่านไปหลายปี เหตุการณ์ลักษณะนี้ก็ยังคงดำเนินต่อไป ฟิรอูนก็ยังคงเข่นฆ่าเด็กๆบนีอิสรออีล ส่วนผู้เฒ่าผู้แก่ก็ค่อยๆล้มหายตายจากไป ชาวอียิปต์มีความรู้สึกว่าพวกเขานั้นกำลังขาดแคลนผู้ที่จะมาคอยรับใช้ ช่วยเหลือพวกเขาในบ้านเรือน พวกเขาจึงไปหาฟิรอูน และกล่าวแก่เขาว่า :
ถ้าหากท่านยังคงทำเช่นนี้ต่อไป เราจะไม่มีชาวบนีอิสรออีลไว้คอยรับใช้ช่วยเหลือเราอีกแน่นอน
ฟิรอูนจึงมีคำสั่งให้ฆ่าเด็กจากบนีอิสรออีลเป็นปีเว้นปี ซึ่งฮารูน ซึ่งเป็นพี่ชายของมูซา ได้เกิดในปีที่ฟิรอูนนั้นเว้นจากการฆ่าเด็กๆ เขาจึงรอดพ้นจากการถูกฆ่า
เมื่อนาง ยูกาปิด ตั้งครรภ์ใกล้จะถึงกำหนดคลอด นางหวาดกลัว และนึงถึงชะตากรรมของเด็กที่อยู่ในครรภ์ นางพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะหลบซ่อนการตั้งครรภ์ของนาง จากบรรดาสายสืบที่คอยสอดส่องบรรดาหญิงชาวบนีอิสรออีล โดยเฉพาะเพื่อนของนางที่เป็นคนทำคลอด ซึ่งมาเยี่ยมนางเป็นประจำ
ภายหลังไม่นาน นางยูกาปิด ก็ได้ให้กำเนิด เด็กชายหน้าตาน่ารัก เธอได้ตั้งชื่อทารกน้อยนี้ว่า “มูซา” เธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่นานเธอก็ต้องมีอาการเศร้าโศกเสียใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่า จุดจบของทารกผู้น่ารักผู้นี้ก็คือ ความตาย
แม้ว่าเธอจะพยายามอย่างที่สุดที่จะหลบซ่อนลูกชายจากสายจาของเหล่านักสืบของฟิรอูน แต่ละชั่วโมงที่ผ่านไป ยิ่งทำให้ความหวาดกลัวของเธอต่อชะตากรรมของลูกชายทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น เธอเกือบจะเป็นบ้าจากการที่เธอไม่สามารถปกป้องลูกชายของเธอ เธอจึงอ้อนวอนขอต่ออัลเลาะห์(ซ.บ.) ด้วยความความยำเกรง และขอให้พระองค์ชี้ทางที่ถูกต้องให้แก่เธอ ทางที่จะทำให้เธอปกป้องลูกของเธอจากการอธรรมของฟิรอูน เธอวิงวอนขอต่ออัลเลาะห์ จนกระทั่งเหนื่อยล้า
ความหวาดกลแทนท