คนไข้ : สวัสดีค่ะคุณหมอ
หมอ : สวัสดีค่ะ เป็นอะไรมาคะ
คนไข้ : ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรค่ะรู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลียตลอดเวลา รู้สึกปวดหัว หงุดหงิดง่าย คิดอะไรไม่ค่อยออกความจำก็แย่ลง บางครั้งก็รู้สึกเบื่ออาหารค่ะ
หมอ : ขอหมอตรวจหน่อยนะคะ ร่างกายทั่วไปก็ปกติดีนะคะ หัวใจก็เต้นปกติดี ปอดก็ไม่มีปัญหา ไม่น่าจะเป็นไข้หวัดหรือติดเชื้ออะไร ไม่ทราบว่าช่วงนี้เครียดบ่อยรึเปล่าคะ
คนไข้ : ก็มีบ้างค่ะ เรื่องงาน เรื่องเงินทอง
หมอ : หมอแนะนำนะคะว่าอย่าเครียดมาก เพราะความเครียดส่งผลเสียกับร่างกายหลายอย่าง ความเครียดมีผลต่อระบบภายในต่างๆ ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดมากขึ้น รวมถึงโรคความดันโลหิตและระดับฮอร์โมน ทำให้ปอดทำงานผิดปกติ ทำให้การทำงานของระบบทางเดินหายใจอ่อนแอลง และสิ่งที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือสมองค่ะ ความเครียดจะส่งผลต่อความจำไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว ทำให้ระบบประสาททำงานหนักขึ้น ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย แล้วการนอนหลับมีปัญหาไหมคะ
คนไข้ : ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันนอนวันละ6-7ชั่วโมง แต่ตอนกลางวันก็ยังง่วงตลอด
หมอ : แปลกจัง ไหนลองเล่าชีวิตประจำวันของคุณให้ฉันฟังซิคะ ใน1วันคุณทำอะไรบ้าง
คนไข้ : อย่างแรกฉันตื่นนอนประมาณตี5ครึ่ง ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็รีบไปขึ้นรถเมล์โดยต้องไปถึงที่ทำงานก่อน8โมง พอใกล้เที่ยงก็ไปหาซื้ออะไรกินแถวๆที่ทำงาน บางวันก็กินข้าว บางวันรีบหน่อยซื้อพวกฮอทดอกหรือแฮมเบอเกอร์แล้วก็กลับไปทำงานต่อจนถึง6โมง กลับบ้านไปก็กินข้าวเย็นแล้วก็เข้านอนประมาณ4ทุ่มค่ะก็เป็นแบบนี้ทุกวัน
หมอ : เอ่ออ แล้วไม่กินข้าวเช้าเหรอคะ
คนไข้ : ฉันไม่มีเวลาค่ะ ถ้ากินเดี๋ยวไปทำงานสาย เจ้านายจะดุเอา
หมอ : ไม่ดีเลยนะคะมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด ควรกินนิดหน่อยก็ยังดี จากงานวิจัยพบว่าคนที่ทานอาหารเช้าจะมีประสิทธิภาพในการเรียนรู้และความจำดีกว่าคนที่ไม่ทาน
คนไข้ : จะพยายามค่ะ