Mae AI district located near the ancient name. Vieng Malika Located at MU 8, Tambon Mae AI district away from the Mae AI, 2 km long way excluded. From ubiquitous cable-Fang, Thaton Kilometers at 16.50 official soil density, distance 200 metres there is a moat and earthen walls-brick ruins a resident is considered an ancient Sanctuary. Legendary mother Vieng Malika wrote that Malika of PHO in God Fang and her three (three with her Lord in the morning, Hsu Wan has the one Hsu looks radiant Jasmine dutdok. At noon, one color is daengdok Lord Hsu later evening Lord Hsu Wan will change to pink, like the Lotus chongkonni, therefore, has called "the third skin". Her skin has the third phutthoptima is the annual Buddha kaenchan he worship every morning, evening. One day, Mimi offensive to God, with a story. Lord God's milk Fang When consecrated candles devotional God phutthoptima, but he also may not extinguish the will that is offensive. While the candle worship Lord phutthoptima and he also chose kaenchan, neglect, negligence. A candle that point forth fell combustion mouth God phutthoptima Morrow morning, when the hosts stretched out to sleep know that the candle burns down to the mouth, Phra phutthoptima, however, the penitent Sin kaenchan, acting with negligence. It was physically. A period of ten months pregnant due birth daughter Siri khopra Hsu Wan m makeover of the judiciary looks radiant and would like a mother, but it has blamed God to take pity on the supposed daughter. With RIM the mouth cleft below to เมื่อราชบุตรีทรงวุฒิจำเริญขึ้น พระเจ้าฝางทรงเกรงเป็นที่ละอายแก่ไพร่ฟ้าพลเมืองจึงทรงสร้างสวนหลวงขึ้นทางทิศเหนีอเวียงสุโท (ใกล้กับ เมืองฝาง) และสร้างคุ้มหลวง ประกอบด้วย คู และปราการ ล้อมรอบประทานราชบุตรี ให้เป็นที่ประทับสำราญ สวนหลวงแห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า "เวียงมะลิกา" เชื่อว่า เวียงมะลิกาไม่มีบุรุษเพศเลย ผู้คนล้วนแต่สตรีเพศพระแม่เจ้าทรงฝึกฝนสตรีผู้กำยำเป็นทะแกล้วคนหาญของเวียงมะลิกา จนเป็นที่ลือชา ปรากฏว่าเวียงมะลิกามีคนหาญการธนูที่แกร่งกล้ายิงแม่นนัก กาลต่อมามีราชบุตรของเจ้าผู้ครองเวียงภูก่ำ (แคว้นไตใหญ่) ได้สดับข่าวเกี่ยวกับพระเจ้าแม่มะลิกา แรงแห่งบุพเพสันนิวาสเกิดขึ้นในราชบุตร พระราชบุตรได้ทรงอ้อนวอนพระเจ้าภูก่ำ ขอเสด็จไปเวียงมะลิกาเยี่ยงสามัญชนคนค้าขาย พระเจ้าภูก่ำทรงอนุยาต แล้วดำรัสสั่งอำมาตย์คนสนิท ให้ ตระเตรียมม้าต่างอัญมณีเป็นสินค้าโดยเสด็จพระราชบุตร ข่าวการเสด็จฯของพระราชบุตรทราบถึงเจ้าแม่มะลิกา พระองค์ก็เกิดอางขนางในวันที่พระราช บุตรกำหนดเข้าเฝ้าถวาย อัญมณีแม่เจ้าก็เสด็จหลีกลี้ไปสรงสนานน้ำห้วยและแต่งให้พระพี่เลี้ยงนางเหลี่ยวอยู่เวียงมะลิการับเสด็จพระราชบุตร เมื่อพระราช บุตรในรูปของพ่อค้านายวาณิชเข้าเฝ้า พระพี่เลี้ยงก็กล่าวว่าแม่เจ้าไม่ทรงปรารถนาพบเห็นชายใด ๆ และไม่ต้องประสงค์ในการได้ยินเรื่องเช่นนี้ พ่อค้า จำแลงก็ลากลับเวียงภูก่ำด้วยความโทมนัส ขณะที่พระนางมะลิกาสรงสนานอยู่ น้ำในลำห้วยก็กลายเป็นสีเลือดด้วยละอายพระทัยคนทั้งหลายจึงเรียกน้ำห้วย นั้นว่า "แม่อาย" จึงได้ชื่อตำบลนี้ว่า "แม่อาย"
อำเภอแม่อาย เดิมเป็นกิ่งอำเภอขึ้นกับอำเภอฝาง ซึ่งทางราชการได้แยกตำบลแม่อาย ตำบลแม่สาว และตำบลแม่นาวาง ออกจากอำเภอฝาง ยกฐานะ ให้เป็นกิ่ง ให้นามว่ากิ่งอำเภอแม่อายตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2510 และเวลาต่อมาอีก 6 ปี ได้ประกาศยกฐานะกิ่งอำเภอแม่อาย ขึ้นเป็นอำเภอแม่อาย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2516
อำเภอแม่อายอยู่ห่างจากอำเภอเมืองเชียงใหม่ ไปทางทิศเหนือประมาณ 175 กิโลเมตร อำเภอแม่อายมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และ วัฒนธรรมที่สำคัญเช่น พระธาตุสบฝาง พระธาตุดอยน้ำค้าง พระธาตุปูแช่ อนุสาวรีย์เจ้าแม่มะลิกา
อำเภอแม่อายในปัจจุบันนี้มีพื้นที่ประมาณ 736,701ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 478,725 ไร่ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดเชียงใหม่167 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 900 กิโลเมตร มีประชากรทั้งหมดประมาณ 74,328 คนโดยแบ่งเป็นชาย 37,142 คนและหญิง 37,146 คนเป็นชาวพื้นราบ 60% และเป็นชาวเขาเผ่าต่างๆ รวม 40% แบ่งการปกครองออกเป็น 7 ตำบลคือ 1. ตำบลแม่อาย 2. ตำบลมะลิกา 3. ตำบลท่าตอน 4. ตำบลแม่สาว 5. ตำบลแม่นาวาง 6. ตำบลบ้านหลวง และ 7. ตำบลสันต้นหมื้อ รวมทั้งสิ้น 80 หมู่บ้าน รวม 14,966 ครัวเรือน(ข้อมูลสำรวจปี2541)
การแปล กรุณารอสักครู่..
