Since Hyundai automobile production joint venture came in India since 1998 that Hyundai is still stable in South Korea markets only, only one country, making strategies of groundbreaking views in the future, Hyundai said if preparations into country market settled in developing economies, but with a population fall sweet sticky when it has already. The next phase of the Hyundai, it is very bright. Of those in the focuses on Hyundai India small car market penetration to compete with Maruti Suzuki, the owner market, market share, one half of the country, with a new version of the car in the world market, sales came in at a cost of living lower than Japan, compared with the same age car, make it possible.Lower sales costs ngarakha day cheap small car Hyundai more needed in the market? Tata, to stumble to err when it because its probably the competition with Hyundai. until mid-2000 era Tata began moving themselves, that they must have their own role in the world auto market with him? Therefore, strategic thinking in the development of modern cars, meet the real needs of the emerging markets. accepted enough quality in low price. 1 ในนั้นก็คือ Tata Nano อันเกิดจากวิสัยทัศน์ใหม่ที่ต้องการตอบสนองความต้องการรถยนต์สำหรับครอบครัวขนาดเล็กไม่เกิน 4 คน มีรายได้เฉลี่ยต่อครอบครัวต่ำจนต้องกระเบียดกระเสียนทนขี่รถจักรยานยนต์ตากแดดตากฝนกันไป ความคาดหวังของ Tata Nano ไม่เพียงจะช่วยกอบกู้ยอดขายรถภายในประเทศให้สามารถแข่งขันกับ Maruti Suzuki และ Hyundai ได้แล้ว Tata ยังหวังไว้ว่ามันจะต้องเป็นรถ People Car ในยุคทศวรรษใหม่เฉกเช่นเดียวกับ Ford Model-T หรือแม้กระทั่ง Toyota Corolla รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในโลก ความสำเร็จของ Tata Nano จัดเป็นทุกขลาภชนิดหนึ่ง คือ Tata ไม่อาจผลิตรถยนต์ได้ทันความต้องการได้ เนื่องจากโรงงานแห่งที่ 2 โดนประท้วงชาวนาอินเดีย และผู้บริโภคสงสัยแล้วว่า Tata Nano มีคุณภาพในระดับยอมรับได้จริงหรือไม่ เพราะภาพที่ได้เห็น ข่าวที่ได้ยินมันฟ้องเต็มตาเต็มหูยากจะเชื่อเต็มที แต่โชคดีที่โรงงานผลิตรถยนต์แห่งที่ 3 ของ Tata เพิ่งจะแล้วเสร็จไม่นานนักทำให้กำลังการผลิต Tata Nano เร่งผลิตขึ้นได้จากเดิมอีก 4 เท่าตัวทำให้ลูกค้าทั้งหลายรอรถเร็วขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แม้ว่ามันยังไม่อาจตอบสนองความต้องการเป็นแสน ๆ คันในพริบตาได้ ผลก็คือยอดขายรถยนต์ในอินเดีย ประจำเดือนมิถุนายน 2010 Tata สามารถแซง Hyundai ได้สำเร็จในรอบหลาย ๆ ปีด้วยยอดขาย 27,811 คัน เติบโตสุดขีดถึง 63% เฉือนคมกับ Hyundai ที่สามารถทำยอดได้ 27,366 คันชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด ส่วนเจ้าตลาด Maruti Suzuki ก็มียอดขาย 72,812 คัน เติบโต 17.28%ตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ Tata สามารถแซง Hyundai ได้ก็คือความสามารถในการผลิตรถ Tata Nano มากขึ้นจาก 2 พันกว่าคันต่อเดือนเป็น 7,704 คันในเดือนมิถุนายน 2010 ตัวช่วยสำคัญอีกรุ่นนอกเหนือจาก Tata Nano ที่ช่วยเชิดหน้าชูตาไม่แพ้กันคือ Indigo Manza รถซับคอมแพคท์ที่ Tata วางเกรดไว้ท้าชนกับ Honda City เหนือกว่า Indigo และIndigo CS ซีดานท้ายสั้น มันทำยอดขายได้ถึง 7,500 คันอย่างไม่น่าเชื่อ คงเป็นเพราะออพชั่นที่อัดแน่นในราคาที่ต่ำเป็นสำคัญ และสุดท้ายจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่งทั้งหมดคือ Tata นำเสนอทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซลลำดันต้น ๆ ของตลาด ตอบสนองความต้องการของชาวอินเดียที่เริ่มเป็นกังวลด้านความประหยัดมากขึ้น Tata ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลแทบจะครบทุกไลน์สินค้า ยกเว้น Tata Nano ซึ่งเร็ว ๆ นี้ก็จะเตรียมติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลอีก ต่างจากคู่แข่งรายสำคัญที่ยังเน้นเครื่องยนต์เบนซินกันอยู่ ทำให้แบรนด์ Tata สามารถสร้างการรับรู้ใหม่ว่าหากต้องการรถประหยัดน้ำมันก็จงเลือกรถ Tata ที่มีเครื่องยนต์ดีเซลให้เลือกด้วย แต่น่าเสียดายตลาดเอสยูวีที่ Tata ไม่อาจไปถึงดวงดาวเดียวได้ไล่ตั้งแต่ Tata Sumo Grande ที่ไม่อาจจับจิตจับใจได้เหมือนกับ Toyota Fortuner นัก มันก็เป็นบทเรียนให้ Tata พยายามปรับปรุงรถของตนเองสม่ำเสมอโดยมีคู่แข่งเป็นตัวกระตุ้น เมื่อ Tata สามารถพัฒนาตนไปถึงจุดที่ผู้บริโภคยอมรับได้มากขึ้น ผลดีก็ตกอยู่กับผู้บริโภคทั้งนั้น
การแปล กรุณารอสักครู่..
