ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอนภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ผู้วิจัย สุขุมาลย์ อนุเวช ปริญญา ค.ต. (หลักสูตรและการเรียนการสอน)
อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร. สมปอง ศรีกัลยา อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก
ผส. ดร. ประสพสุข สุทธิเดช อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม
มหาลัยราชภัฏมหาสารคาม 2558
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการสอนภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 2) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการสอนภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 3) ยืนยันผลการใช้รูปแบบการสอนภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระกับมัธยมศึกษาตอนปลาย วิธีการวิจัยแบบผสานวิธี คือ การวิจัยเชิงปริมาณและวิจัยเชิงคุณภาพ การวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ระยะคือ ระยะที่ 1 การพัฒนารูปแบการสอนภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประชากรและกลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 100 ตน ด้วยการสุ่ม แบบกลุ่มหลายชั้น(Multi-stage Cluster Sampling) ครูจำนวน 80 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่ายจาก 60 โรงเรียน ผู้บริหารจำนวน 52 คนโดยการสุ่มอย่างง่ายจาก 60 โรงเรียน ศึกษานิเทศก์ จำนวน 5 คนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามและสัมภาษณ์ ระยะที่ 2 การศึกษาการใช้รูปแบบการสอนภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับมัธยมปลาย กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 โรงเรียนจตุพักตรพิมานรัชดาภิเษก จำนวน 1 ห้องเรียน นักเรียนจำนวน 40 คน โดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ได้แก่รูปแบบการสอนภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแบบทดสอบความคิดสร้างสรรค์ แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนตามรูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ระยะที่ 3 การศึกษาผลการยืนยันการยายผลการใช้รูปแบบการสอนภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา กลุ่มตัวอย่างโรงเรียนยืนยันการใช้รูปแบบการสอน จำนวน 6 โรงเรียน นักเรียนจำนวน 195 คน ครูผู้สอน จำนวน 6 คน ใช้วิธีสุ่มอย่างง่าย พื้นที่การวิจัย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 27 สถิติที่ใช้ในการใช้วิจัย ได้แก่ค่าเฉลี่ย (x̅)ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่า T-Test (dependent samples)
ผลวิจัยพบว่า
1. ผลการการพัฒนารูปแบบการสอนภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบคือ แนวคิดและทฤษฎีของรูปแบบการสอน จุดมุ่งหมายของรูปแบบการสอน สาระการเรียนรู้ ขั้นตอนการสอน และการวัดและประเมินผลขั้นตอนการสอนมีลักษณะเป็น CREATE MODLE แบ่งเป็น 3 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 การเตรียมการสอน ประกอบด้วยกิจกรรม C = Cognition : การทำให้ตะหนักรับรู้ ขั้นที่ 2 การดำเนินการสอน ประกอบด้วย 2 กิจกรรมคือ กิจกรรม R = Reflection : การสะท้อนความคิดเพื่อตอบสนองสิ่งเร้าและกิจกรรม E = Elaborate To Create : การร่วมกันคิดอย่างละเอียดเพื่อสร้างสรรค์ผลงานขั้นที่ 3 การวัดประเมินผล แลละเชื่อมโยงประยุกต์ใช้ประกอบด้วย 3 ประกอบด้วยกิจกรรม A =Assessment : การประเมินผลงาน กิจกรรม T = Thinking : การคิดเชื่อมโยงเพื่อแสดงผลงาน และกิจกรรม E= Exhibition : การจัดนิทรรศการแสดงผลงาน
2. ผลการศึกษาการใช้รูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้แก่ (2.1) จำนวนนักเรียนที่มีคะแนนความคิดสร้างสรรค์ร้อยละ 70 พบว่านักเรียนผ่านเกณฑ์ความคิดสร้างสรรค์ รอยละ 70 ทุกคน (2.2) คะแนนความคิดสร้างสรรค์ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยการใช้รูปแบบการสอนภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 (2.3) ผลลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการสอนภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอยู่ในระดับมาก
3. ผลการยืนยันการขยายผลการใช้รูปแบบการสอนภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า (3.1) นักเรียนจำนวน 195 คน จาก 6 โรงเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ทุกคน (3.2) คะแนนความคิดสร้างสรรค์ ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการสอนภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (3.3) ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนจำนวน 195 คนที่มีต่อรูปแบบการภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอยู่ในระดับมาก