ฝนเทียม1.เกี่ยวกับการทำฝนเทียม การท

ฝนเทียม
1.เกี่ยวกับการทำฝนเทียม
การทำฝนเทียม ที่ทุกคนรู้จักกันดีในนาม ฝนหลวง ซึ่งเป็นกรรมวิธีในการสร้างฝนจริงๆ โดยอาศัยไอน้ำที่อยู่ในบรรยากาศ คือก้อนเมฆ ซึ่งในหน้าแล้งมักจะลอยผ่านพื้นที่ที่แห้งแล้งไป โดยไม่กลายเป็นน้ำฝน การสร้างฝนจึงต้องอาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และแปลงเป็นเทคนิคโดยอาศัยเทคโนโลยีการบิน เป็นเครื่องมือสร้างความเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติ สร้างก้อนเมฆให้โตขึ้น สร้างสถานการณที่ทำให้เกิดลม ที่ช่วยลดระดับของก้อนเมฆที่โตขึ้น จนกลั่นตัวเป็นหยดน้ำฝน ตกลงบนพื้นที่เป้าหมายได้สำเร็จ
วิทยาศาสตร์ดังกล่าวนี้ ต้องเกิดจาก กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ การสังเกต บันทึก วิเคราะห์เพื่อสร้างสมมุติฐาน ตั้งทฤษฎี และทำการทดลอง จนเกิดความเข้าใจทั้งหมด จากนั้นจึงนำวิทยาศาสตร์ที่เป็นความรู้ใหม่ ไปประยุกต์ใช้เพื่อพิสูจน์ ทำฝนขึ้นมาได้จริงๆการพิสูจน์ดังกล่าว ได้เกิดขึ้นต่อหน้ากลุ่มบุคคล ที่สำคัญทั้งในประเทศ และจากต่างประเทศ
2.กรรมวิธีในการทำฝนเทียม
2.1.การทำฝนเทียมในเขตอบอุ่นซึ่งมีเมฆที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า0องศาเซลเซียส
การทำฝนเทียมแบบนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการทำฝนเมฆเย็น จะทำให้เมื่อยอดเมฆสูงเฉลี่ย 21,500 ฟุต หรือประมาณ 6,450 เมตรมีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส เป็นแบบเมฆคิวมูลัส (Cumulus) จะเกิดเฉพาะช่วงต้นและปลายฤดูฝน การทำฝนเทียมในเมฆชนิดนี้ใช้โปรยหรือหว่านเม็ดน้ำแข็งแห้งเล็กๆ (dry ice) หรือ ซิลเวอร์ไอโอไดด์ ( silver iodide) จะเกิดปฏิกิริยาที่เร่งเร้าให้เม็ดน้ำเย็นยิ่งยวดเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นผลึกหรือเกล็ดน้ำแข็งทันทีแล้วคลายความร้อนแฝงออกมา พลังงานความร้อนดังกล่าวทำให้มวลอากาศภายในก้อนเมฆลอยตัวขึ้นเบื้องบนมีผลทำให้เกิดแรงดึงดูดใต้ฐานเมฆ ซึ่งจะดูดเอาความชื้นเข้ามาหล่อเลี้ยงทำให้ก้อนเมฆเจริญเติบโตและมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นขณะเดียวกันแรงยกตัวจะหอบเอาเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆขึ้นไปข้างบนทำให้เกล็ดน้ำแข็งเหล่นี้มีขนาดใหญ่ขึ้นพอมีน้ำหนักมากกว่าที่แรงยกตัวจะพยุงไว้ได้ก็ตกลงมา จนผ่านชั้นอากาศที่อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆก้อนน้ำแข็งจะละลายกลายเป็นฝน
2.2.การทำฝนเทียมในเขตร้อนซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่า 0 องศาเซลเซียส
การทำฝนเทียมแบบนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการทำฝนเมฆอุ่น มีลักษณะของก้อนเมฆก่อตัวขึ้นเป็นแนวตั้งฉากเป็นเมฆคิวเมฆคิวมูลัส (cumulus) ซึ่งสังเกตได้จากกลุ่มเมฆจะมีลักษณะฐานเมฆสีดำ ก้อนเมฆก่อตัวขั้นคล้ายดอกกะหล่ำปีอยู่ที่ระดับความสูงของฐานเมฆไม่เกิน 16,000 ฟุต มีอุณหภูมิภายในก้อนเมฆสูงกว่า 0 องศาเซลเซียส การทำฝนเทียมในเมฆชนิดนี้จะใช้สารเคมีเพื่อกระตุ้นให้เดกระบวนการชนและรวมตัวกันของเม็ดเมฆขนาดต่างๆ
3.ขั้นตอนการทำฝนเทียม
การทำฝนเทียมประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 ก่อกวน ( Triggering )
เป็นการดัดแปรสภาพอากาศด้วยการก่อกวนสมดุลย์ (Equilibrium) หรือ เสถียรภาพ (Stability) ของมวลอากาศเป็นแห่งๆโดยการโปรยสารเคมีประเภท คายความร้อน ( Exothermic chemical) ในท้องฟ้าที่ระดับของฐานเมฆในแต่ละวัน และโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อน (Endothermic chemicals) ที่ระดับสูงกว่า 2,000-3,000 ฟุต ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เกิดเมฆเร็วขึ้น และปริมาณมากกว่าที่เกิดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยเริ่มก่อกวนในช่วงเวลาเช้าทางด้านเหนือลมของพื้นที่ เป้าหมายหวังผลที่วางแผนกำหนดไว้ในแต่ละวัน
ขั้นที่ 2 เลี้ยงให้อ้วน (Fatten)
เป็นการดัดแปรสภาพอากาศและก้อนเมฆด้วยการกระตุ้นหรือเร่งการเจริญเติบโตของก้อนเมฆที่ก่อตัวแล้ว ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นทางฐานเมฆและยอดเมฆ ให้ขนาดหยดน้ำใหญ่ขึ้น และปริมาณน้ำในก้อนเมฆมากขึ้น และหนาแน่นเกินกว่าที่จะปล่อยให้เจริญเองตามธรรมชาติ ด้วยการโปรยสารเคมีประเภทที่เมื่อดูดซับความชื้นแล้วทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงที่ระดับฐานเมฆหรือยอดเมฆโดยบินโปรยสารเคมีเข้าสู่ก้อนเมฆโดยตรงหรือโปรยรอบๆ และระหว่างช่องว่างของก้อนเมฆทางด้านหรือลมให้กระแสลมพัดพาสาเคมีเข้าสู่ก้อนเมฆ หรือโปรยสารเคมีประเภทคายความร้อนสลับสารเคมีประเภทคายความเย็นในอัตราส่วน 1:4 ทับยอดเมฆทั่วบริเวณที่มีความหนา 2,000-3,000 ฟุต ปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง หรือบริเวณพื้นที่ใต้ลมของบริเวณที่เริ่มต้นก่อกวน ทั้งนี้สุดแล้วแต่สภาพของเครื่องบิน ภูมิประเทศ และขณะอากาศขณะนั้นจะอำนวยให้
ขั้นที่ 3 โจมตี (Attack)
เป็นการดัดแปรสภาพอากาศในก้อนเมฆโดยตรงหรือบริเวณใต้ฐานเมฆ หรือบริเวณที่ต้องการ ชักนำเมฆฝนที่ตกอยู่แล้วเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ที่ต้องการ เป็นการบังคับหรือเหนี่ยวนำให้เมฆที่แก่ตัวจัดแล้วตกเป็นฝนลงสู่พื้นที่เป้าหมายหวังผลที่วางแผนกำหนดไว้ โดยใช้เครื่องบิน บินโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อนเข้าไปโดยตรงที่ฐานเมฆ หรือยอดเมฆ หรือที่ระดับระหว่างฐานเมฆและยอดเมฆ ชิดขอบเมฆทางด้านเหนือลมหรือใช้เครื่องบิน 2 เครื่องโปรยพร้อมกันแบบแซนด์วิช (Sandwich) เครื่องหนึ่งโปรยที่ฐานเมฆใต้ลม อีกเครื่องโปรยด้านเหนือชิดลมขอบเมฆที่ระดับยอดเมฆหรือไหล่เมฆ เครื่องบินทั้งสองทุมเยื้องกัน 45 องศา หรือโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อนที่ระดับต่ำกว่าฐานเมฆ ไม่น้อยกว่า 1,000ฟุต หรือสร้างจุดเย็นด้วยสารเคมีประเภทดูดความร้อนเป็นบริเวณแคบในบริเวณที่เป้าหมายหวังผล เพื่อเหนี่ยวนำให้ฝนที่กำลังตกอยู่เคลื่อนที่เข้าสู่บริเวณที่ต้องการนั้น
4.สารเคมีที่ใช้ในการทำฝนเทียม
4.1.สารเคมีประเภทคายความร้อนหรือทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น (Exothermic chemical)ปัจจุบันมีใช้ในการทำฝนเทียมในประเทศไทย 3ชนิด คือ
4.1.1.แคลเซียมคาร์บอน (Calcium carbide ; CaC2)
4.1.2.แคลเซียมคลอไรด์ (Calcium Chloride ; CaCl2)
4.1.3. แคลเซียมออกไซด์ ( Calcium oxide ; CaO)
4.2.สารเคมีประเภทดูดกลืนความร้อนหรือทำให้อุณหภูมิต่ำขึ้น (Endothermic chemical)ปัจจุบัน
มีใช้ในการทำฝนเทียม 3ชนิด คือ
4.2.1. ยูเรีย ( Urea ;Co()NH2)2)
4.2.2.น้ำแข็งแห้ง (Dry ice ; Co2(s))
4.2.3. แอมโมเนียไนเทรต ( Ammoniumnitrate ; NH4NO3)
4.3.สารเคมีที่ทำหน้าที่ดูดซับความชื้นประการเดียว ได้แก่ เกลือ
5.ประโยชน์ของการทำฝนเทียม
5.1.เพื่อการเกษตร ช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงที่เกิดภาวะฝนแล้ง ช่วยเพิ่มปริมาณให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำของแม่น้ำสายต่างๆที่มีปริมาณน้ำลดลง
5.2.เพื่ออุปโภคบริโภค
5.3.เสริมเส้นทางคมนาคมทางน้ำ
5.4.ป้องกันและบำบัดภาวะมลพิษของสิ่งแวดล้อม
5.5.เพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
5.6.ความสำเร็จการยอมรับและการทำฝนเทียมในอนาคต

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Artificial rain.1. about making artificial rain. Artificial rain-making at all well known names. The rain which is the processes that generate the rain really based on steam in the atmosphere is in the clouds, dry, often floating through the arid area. Without becoming rain Creating rain requires scientific knowledge and convert it into a technique based on the technology are instruments of change in nature. Creating clouds, grow up Leave create points that cause the wind to help reduce levels of the clouds that grow as rain water droplets condensing on target areas successfully. This science must come from the scientific process is observing log analysis to create sommutithan. Set theory and experiment until you understand all of the then new science knowledge as applied to prove make rain really came up to prove it happened in front of an important group of people both at home and from abroad. 2. the processes for making artificial rain. 2.1. to make artificial rain in the khetopun which has a lower-temperature cloud of 0 degrees Celsius. To make artificial rain in the rainy cold clouds that would make the average high cloud amount approximately 21500 feet or lower temperature 6450 m 0° c as the cloud q Mu lat (Cumulus) is only the beginning and end of the rainy season. To make artificial rain in the clouds of this type are used to sprinkle a little dry ice pellet or Sow (dry ice) or silver iodide (silver iodide) to reaction to excite water beads very well change the status from liquid crystalline or flake ice immediately, and then at the enthalpy released. The heat causes the air mass inside a cloud floating up the effect causing the gravity base South of the clouds, which will absorb the moisture removal comes in the clouds make the nurtured growth and increased rainfall at the same time, a force will carry a small flake or remove ice above ice Flake makes this leaning to one large satisfied with the more weight lifting force to sustain them until the floor is falling through the air at high temperature, the ice cube will melt gradually becomes rain. 2.2. to make artificial rain in the tropics, where the temperature is above 0° c. Making artificial rain, this is also known as the hot clouds and rain have marked characteristics of the clouds forming a right angle vertical cloud cloud of the queue q is Mu lat. (Cumulus), which observed the clouds look black cloud base. Cloud formation process is similar to last year's cauliflower at the height of the cloud base not exceeding 16000 feet, temperatures inside the clouds higher than 0° c. To make artificial rain in the clouds of this type will use chemicals to stimulate, and routes dek collect beads of various size cloud.3. the process of making artificial rain.Artificial rain-making consists of 3 steps. As follows:Step 1 vandalism (Triggering) As with air bending to turn into vandalism balance (Equilibrium) or stability (Stability) of the mass, but a category of chemicals by haeng. To emit heat (Exothermic chemical) in the sky at the base of the clouds rain down daily and chemicals category endothermic (Endothermic chemicals) that higher-level 2000-3000 ft to help achieve a faster and higher than the clouds that formed naturally by the vandalism started early in the morning on the upwind of the area. The target plan designated non-profit each day.Step 2 feed the FAT (Fatten) เป็นการดัดแปรสภาพอากาศและก้อนเมฆด้วยการกระตุ้นหรือเร่งการเจริญเติบโตของก้อนเมฆที่ก่อตัวแล้ว ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นทางฐานเมฆและยอดเมฆ ให้ขนาดหยดน้ำใหญ่ขึ้น และปริมาณน้ำในก้อนเมฆมากขึ้น และหนาแน่นเกินกว่าที่จะปล่อยให้เจริญเองตามธรรมชาติ ด้วยการโปรยสารเคมีประเภทที่เมื่อดูดซับความชื้นแล้วทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงที่ระดับฐานเมฆหรือยอดเมฆโดยบินโปรยสารเคมีเข้าสู่ก้อนเมฆโดยตรงหรือโปรยรอบๆ และระหว่างช่องว่างของก้อนเมฆทางด้านหรือลมให้กระแสลมพัดพาสาเคมีเข้าสู่ก้อนเมฆ หรือโปรยสารเคมีประเภทคายความร้อนสลับสารเคมีประเภทคายความเย็นในอัตราส่วน 1:4 ทับยอดเมฆทั่วบริเวณที่มีความหนา 2,000-3,000 ฟุต ปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง หรือบริเวณพื้นที่ใต้ลมของบริเวณที่เริ่มต้นก่อกวน ทั้งนี้สุดแล้วแต่สภาพของเครื่องบิน ภูมิประเทศ และขณะอากาศขณะนั้นจะอำนวยให้Step 3 attack (Attack) เป็นการดัดแปรสภาพอากาศในก้อนเมฆโดยตรงหรือบริเวณใต้ฐานเมฆ หรือบริเวณที่ต้องการ ชักนำเมฆฝนที่ตกอยู่แล้วเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ที่ต้องการ เป็นการบังคับหรือเหนี่ยวนำให้เมฆที่แก่ตัวจัดแล้วตกเป็นฝนลงสู่พื้นที่เป้าหมายหวังผลที่วางแผนกำหนดไว้ โดยใช้เครื่องบิน บินโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อนเข้าไปโดยตรงที่ฐานเมฆ หรือยอดเมฆ หรือที่ระดับระหว่างฐานเมฆและยอดเมฆ ชิดขอบเมฆทางด้านเหนือลมหรือใช้เครื่องบิน 2 เครื่องโปรยพร้อมกันแบบแซนด์วิช (Sandwich) เครื่องหนึ่งโปรยที่ฐานเมฆใต้ลม อีกเครื่องโปรยด้านเหนือชิดลมขอบเมฆที่ระดับยอดเมฆหรือไหล่เมฆ เครื่องบินทั้งสองทุมเยื้องกัน 45 องศา หรือโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อนที่ระดับต่ำกว่าฐานเมฆ ไม่น้อยกว่า 1,000ฟุต หรือสร้างจุดเย็นด้วยสารเคมีประเภทดูดความร้อนเป็นบริเวณแคบในบริเวณที่เป้าหมายหวังผล เพื่อเหนี่ยวนำให้ฝนที่กำลังตกอยู่เคลื่อนที่เข้าสู่บริเวณที่ต้องการนั้น4. chemicals used in making artificial rain.4.1. types of chemicals give off heat or high temperature. (Exothermic chemical) are now used to make artificial rain in the country, Thai. Type 3: 4.1.1. carbon, calcium (Calcium carbide CaC2;) 4.1.2. calcium chloride (CaCl2; Calcium Chloride) 4.1.3. calcium oxide (Calcium oxide CaO;)4.2. category chemicals absorb heat or low temperature. (Endothermic chemical).Are used in making artificial rain 3 types: 4.2.1. urea (Urea; Co () NH2) 2) 4.2.2. dry ice (Dry ice Co2; (s)) 4.2.3. ammonia Chennai concentrate (NH4NO3; Ammoniumnitrate)4.3. chemicals that serve as a moisture absorbent one reasons such as salt.5. the benefits of making artificial rain.5.1. for agriculture Solve the problems during water shortage crisis drought increases the quantity of water in the basin area is the River with the water content decreased.5.2. to consumer5.3 supplementary water transportation routes.5.4. Prevention and treatment of complication of pollution of the environment.5.5. Add water in the dam for electricity5.6. the success and acceptance of artificial rain in the future.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

Artificial rain

. 1 on cloud seeding.Cloud seeding, all well known hypertrophic obstructive cardiomyopathy, which is a process to create rain. The steam in the atmosphere, clouds, which is in the dry season, often floating through space that drought, without becoming rain.Converter technique and by using aviation technology. A change in nature, create clouds to grow up, create the situation ที่ทำให้เกิด wind. To help reduce the level of the clouds that grew to condense as raindrops.This must be the science scientific process observation record analysis to build a hypothesis, the theory. The experiment was to understand all. Then the science is new.Rainmaking up really proved them. It happened in front of a group of people is important both in domestic and overseas
.2 process in cloud seeding
. 2.1. Cloud seeding in warm zone, which has a cloud with lower temperature 0 C
. Cloud seeding this call another thing that cloud rainmaking cold. To make strain had high clouds, the average 21 500 feet, or about 6450 meters have a lower temperature 0 C a cumulus cloud (Cumulus) is only born early and late rainy season. Cloud seeding in cloud types used in dry ice or sow grain small (dry ice) or silver iodide and (silver iodide).Heat the air within the clouds lifted above effect gravity under the base of the cloud.Which absorbs moisture to nourish the clouds grow and rainfall increases, while the capillary action to carry a small flake ice upstairs makes these flake ice this larger than some weight.Straight lift will not support it fell.Through the air layer temperature passive ice will melt into the rain!2.2. Cloud seeding in the tropics, which has a higher temperature 0 C
.Cloud seeding this call another thing that rainmaking warm clouds With the characteristics of cloud formations is the vertical cloud clouds cumulus queue (cumulus), which can be observed from a group of cloud base clouds will look black.16.000 feet, the temperature inside the clouds above 0 degrees Celsius. Cloud seeding in cloud of this type will use chemicals to stimulate de bump and the incorporation of process grain size
3 cloud. The cloud seeding
.Cloud seeding 3 comprises steps as follows:
step 1 disruptive (Triggering)
.A modified transform air disturbing balance (Equilibrium) or stability (Stability) of the air mass is แห่งๆ by sprinkling chemical types. Exothermic (Exothermic chemical) in the sky at the level of the base the cloud in the day.(Endothermic chemicals), higher than 2000-3 000 feet, in order to provide cloud faster. And the higher than that occurs naturally. The disruptive in the early time of the north wind area. The goal for the plan specified in a day!