Casting wax candle is traditionally associated with Buddhism, but in ancient times, Rattanakosin. The ceremony of casting wax To be charitable, and the merit of the villager. By casting the candle ceremony held in month 8 of every year before Lent that casting wax candles are used with cast. In a year, a large number of wax is used because those are the temples WAT every measure to get birthday candle to give each measure 1 or more books every measure of the number of candles that cast has more. Said about the end of the candle casting rush 3 200 must be reached in order to have a lot of books to present the various temples, where each candle casting that require heavy candle in wax casting to a 16 year scale uses a lot of wax, so when it's time for the political Bureau of the candle casting palaces have merit to the Royal family says. Officials in both parties, and duty officers in Mr. exemption and the nobility, etc., remove the wax from a candle casting. Everything was successful. The reason has to be cast in wax, it was because the rainy season known as "the season of Lent" is b 1 month 8 day of month 11.15, many monks at Wat do you want access to one of the temple is regularly throughout the period of 3 months, the monks at the Buddhist monastery located in between the prayers made common practice every morning and evening. It is necessary to use a candle, candle altar, at any point. Buddhist are casting wax. For worship at any point, the monks have 3 months of the deadline, so that the casting call lent a "birthday" or "candle wax" candle pawns. When casting on parade day will be present at the Buddhist temple, which is one of the temple worship, and for the morning ceremony jointly present monk. Show respect by unison. Job merit casting candles and candle wax, such as offering fine tradition worthy of many Buddhist will help maintain. In this tradition, to symbolize a long season. The happiness of a candle or candles, candle casting offering unto monks held, as well as the progress, wisdom, light a candle that illuminated at night, which the monks past are used as light reading book, and composed of monk. The tradition of casting wax lent is traditionally made from ancient until today. Casting wax lent is every year, is the season approaches, lent by the output of those monks are subject to authorization, thatha all required annual birthday that gives time to the monastery. ในการเข้าพรรษานี้ พระภิกษุจะต้องมีการสวดมนต์ทำวัตรทุกเช้าค่ำ และในการนี้จะต้องมีธูปเทียนบูชาด้วย พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันหล่อเทียนพรรษา สำหรับให้พระภิกษุจุดบูชาเป็นการกุศลทานอย่างหนึ่งในการให้ทานด้วยแสงสว่าง จะมีอานิสงส์เพิ่มพูน ปัญญาหูตาสว่างไสวเมื่อหล่อเสร็จแล้วก็มีการแห่แหนตามประเพณีรอบพระอุโบสถ เวียน ๓ รอบ แล้วนำไปจุดบูชาพระตลอดระยะเวลา ๓ เดือน เป็น ปทีเปยฺยํ The rural-based casting wax lent made fun oekkroek. There are some different types of decoration contest was to parade around town with a magnificent procession of aging and is treated as a yearly event. In that day I will be sharing a morning offering to join monks as a charity in the village. Currently, it is also available as a rural, which is considered to be the shared faith in unison. ในกรุงเทพฯ ก็มีเป็นบางวัดเท่านั้นที่จัดกันอยู่ ความจริงแล้วการให้ทานด้วยแสงสว่าง ก็เป็นอานิสงส์อย่างหนึ่ง ไม่แพ้การบุญกุศลใดๆทั้งสิ้น ควรที่พุทธศาสนิกชนจะได้ร่วมศรัทธากัน และช่วยกันทำบุญเพื่อให้ประเพณีอันดีนี้คงอยู่สืบไปชั่วกาลนาน การหล่อเทียนพรรษา การหล่อเทียนพรรษาเป็นประเพณีที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่มีมาแต่ครั้งโบราณกาลในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พิธีหล่อเทียน จัดเป็นพระราชกุศล และเป็นงานบุญทั่วไปของชาวบ้านอีกด้วย โดยกำหนดจัดงานราชพิธีหล่อเทียนขึ้นในเดือน ๘ ของทุกปี ก่อน เข้าพรรษาสมัยนั้นการหล่อเทียนใช้หล่อด้วยขี้ผึ้งทั้งสิ้น ในปีหนึ่ง ๆ จะใช้ขี้ผึ้งเป็นจำนวนมากทั้งนี้เนื่องจากบรรดาวัดต่าง ๆ ที่เป็น วัดหลวงทุกวัด จะได้รับพระราชทานเทียนพรราวัดละ ๑ เล่ม หรือมากกว่านั้นทุก ๆ วัด จำนวนเทียนที่หล่อจึงมีมากขึ้น กล่าวกันว่าประมาณปลายรัชการที่ ๓ ต้องหล่อเทียนจำนวนถึง ๒๐๐ เล่ม จึงจะมีจำนวนมากพอที่จะนำไปถวายวัดต่าง ๆ ได้ อย่างทั่วถึง ซึ่งการหล่อเทียนแต่ละเล่มสมัยนั้น ต้องใช้ขี้ผึ้งในการหล่อเทียนหนักถึง ๑๖ ชั่ง ปีหนึ่ง ๆ จะใช้ขี้ผึ้งจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อถึง เวลาที่หล่อเทียนทางสำนักพระราชวัง จำบอกบุญไปยังพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน เจ้าภาษี นายอากร และ ขุนนางฝ่ายต่าง ๆ เป็นต้น ให้นำขี้ผึ้งมาช่วยกันหล่อเทียน จึงสำเร็จลงได้ มูลเหตุที่ต้องมีการหล่อเทียนนั้นก็เนื่องมาจากในฤดูฝน หรือที่เรียกกันว่า "ฤดูการเข้าพรรษา" คือช่วงแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ถึงวัน ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ นั้น กำหนดให้พระภิกษุทั้งหลายต้องงเข้าอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งตลอดระยะเวลา ๓ เดือน พระภิกษุสงฆ์ที่ต้อง อยู่จำพรรษาในพระอารามระหว่างนั้นมีการสวดมนต์ทำวัตรทุกเช้าค่ำ มีความจำเป็นต้องใช้เทียนไว้สำหรับ จุดบูชาให้ตลอดพรรษา พุทธศาสนิกชนจึงพร้อมใจกันหล่อเทียน สำหรับให้พระภิกษุสงฆ์ได้จุดบูชาตลอด ๓ เดือนของกำหนดเวลาเข้าพรรษา จึงเรียกเทียนที่หล่อ ขึ้นนี้ว่า "เทียนพรรษา" หรือ "เทียนจำนำพรรษา" พิธีหล่อเข้าเทียนพรรษา มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ครั้นโบราณ เพราะเมื่อสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้าใช้อย่างในปัจจุบัน เวลาพระภิกษุสามเณรจะสวดมนต์ท่องตำรา ต้องอาศัยแสงสว่างจากคบ ตะเกียง และเทียนไขชาวบ้านจึงพร้อมใจกันหล่อเทียนถวาย โดยการเรี่ยไรขี้ผึ้งจากผู้มีจิตศรัทธา เมื่อมีมากพอแล้วจึงทำการหล่อที่วัดหรือสถานที่จัดงาน ทำการตกแต่งประดับประดาและแกะสลักลวดลาย มีการประกวดความสวยงามกันอย่างสนุกสนานครื้นเครง ก่อนถึงวันเข้าพรร
การแปล กรุณารอสักครู่..