---ในด้านการฟ้อนรำ เป็นการฟ้อนอย่าง

---ในด้านการฟ้อนรำ เป็นการฟ้อนอย่างมีแบบแผนซึ่งมีมาช้านานกว่าสามพันปี ภารตะได้เขียนตำรานาฏศาสตร์ขึ้นไว้ในพุทธศตวรรษที่สาม ผู้ฟ้อนรำบรรยายเรื่องราว โดยใช้การเคลื่อนไหวของมือและเท้า ประกอบกับการแสดงท่าทีอาการด้วยตา และใบหน้า


---ปัจจุบัน การฟ้อนรำแบบแผนสำคัญ ๆ มีอยู่สี่แบบคือ "ภารตนาฏยัม" เป็นการฟ้อนตามกฎเกณฑ์แต่โบราณของภาคใต้ แสดงโดยนักฟ้อนรำประจำวัดวาอารามต่าง ๆ ในการประกอบพิธีบวงสรวง ตามแบบอย่างที่ได้ปฏิบัติติดต่อกันมารหลายศตวรรษ "กถึกกาลิ" เป็นแบบฟ้อนรำที่เกิดจากเดราลา แสดงให้ผู้ชมได้เห็นโลกของเทพเจ้า และภูติผีปีศาจ ผู้แสดงแต่งตนสีฉูดฉาด และแสดงบทบาทด้วยท่วงท่าเข้มแข็ง คึกคัก "มณีปุริ" เป็นแบบฟ้อนรำของภาคเหนือ มีลีลาการแสดงที่ประกอบด้วย อาการเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวล ละมุนละไม และ "กถึก" เป็นแบบฟ้อนรำซึ่งวิวัฒนาการภายใต้การสนับสนุนส่งเสริมของราชวงศ์โมกุล การฟ้อนรำแบบนี้อาศัยจังหวะเป็นสำคัญ


---ศิลปะฟ้อนรำพื้นเมือง ประกอบด้วยลีลาร่ายรำหลายรูปแบบ ที่นิยมแพร่หลายที่สุดก็คือ การฟ้อนรำแบบมณีปุระ ซึ่งผู้แสดงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์สีสวยสดงดงาม


---เครื่องแต่งกายชั้นหนึ่งของสตรีที่ดึงดูดความสนใจของชาวต่างชาติคือ "ส่าหรี" ผ้าที่ใช้ทำส่าหรีจะมีความยาวระหว่างห้าถึงเก้าหลา เป็นได้ทั้งผ้าฝ้ายและผ้าไหมปักเป็นดอกดวงลวดลายต่าง ๆ กัน ส่งประกายวาววับ เครื่องแต่งกายของบุรุษ ที่จัดไว้คู่กันเรียกว่า "โคติ" มีทั้งชนิดที่มีขอบ และไม่มีขอบ เป็นเครื่องแต่งกายของบุรุษที่เกิดขึ้น เมื่ออิทธิพลของเปอร์เซีย และโมกุล แผ่ขยายเข้ามาสู่อินเดีย


---สตรีในชนบทนิยมแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีฉูดฉาดบาดตา ผ้าโพกศีรษะเป็นเครื่องแต่งกายส่วนหนึ่งของบุรุษในรัฐราชสถาน และในหมู่ชาวซิกข์ ผ้าโพกศีรษะเป็นสิ่งที่ได้รับความพิถีพิถันเป็นพิเศษ ส่วนชาวพื้นเมืองก็มีเครื่องแต่งกายมากมาย


---วรรณคดี อินเดียมีวรรณคดีเก่าแก่ ลึกซึ้ง และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง แม้ในต่างประเทศ เช่น เรื่องมหาภารตยุทธ และรามายณะ ซึ่งเป็นต้นฉบับของเรื่องรามเกียรติของไทย นอกจากนี้ยังมีเรื่องนิทานต่าง ๆ เช่น หิโตประเทศ นิทานเวตาล เป็นต้น


---รัฐบาลอินเดียได้จัดตั้งสถาบัน รวบรวมและศึกษาเกี่ยวกับวรรณคดีอินเดีย และได้แปลออกเป็นภาษาต่าง ๆ ที่ใช้อยู่ในอินเดียปัจจุบัน และเผยแพร่ให้แก่ชาวอินเดีย รวมทั้งประเทศอื่นได้ทราบอีกด้วย


---อินเดีย นั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นชาติเดียวในโลก ที่แนวทางชีวิตแบบดั้งเดิมพื้นเมือง และแบบก้าวหน้าตามสมัยนิยม ยังคงเดินควบคู่กันไป อย่างผสมกลมเกลียวกันตลอดมา แม้จะมีสภาพที่ยังมีการต่างพวก ต่างวรรณะ ต่างศาสนา ต่างค่านิยม ที่มีอยู่อย่างมากหลาย แต่ชาวอินเดียก็รักชาติ รักอินเดีย มีความภาคภูมิใจในอินเดียอย่างหาชาติใดเปรียบได้ยาก เพราะอินเดียมีอารยธรรม วัฒนธรรมเป็นตัวผูก เป็นฐานหลักให้อินเดียมีเอกลักษณ์ มีความพิเศษอยู่ในตัวของอินเดียเอง


---วัฒนธรรมของอินเดียได้แพร่เข้ามาสู่ไทย ทางศาสนประเพณีบางอย่าง ไทยได้นำเอามาใช้ตั้งแต่สมัยสุโขทัย ประเพณีส่วนมากที่ใช้กันอยู่ยึดถือแบบพราหมณ์ เช่น พิธีโกนจุก บวชนาค แรกนาขวัญ ทางสถาปัตยกรรม ก็มีเกี่ยวกับการปั้นพระพุทธรูป เป็นต้น


---การจัดลำดับชั้นของสังคม ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู เป็นศาสนาที่ชาวอินเดียส่วนใหญ่ ประมาณร้อยละ ๘๒ นับถือ ศาสนานี้มีความเชื่อเรื่องวรรณะ หรือชนชั้นในสังคม เป็นระบบที่เข้มงวดมานานนับพันปีแล้ว แต่ละวรรณะมีกฎเกณฑ์กำหนดระเบียบความประพฤติ และประเพณีในหมู่ของตน มีข้อกำหนดเรื่องการแต่งงาน อาหารการกิน การปฎิบัติทางศาสนา ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์วรรณะของตน อาจได้รับโทษหนักเบา แล้วแต่กรณี หรืออาจขับไล่ออกจากวรรณะก็ได้ ผิดกับระบบชั้นของสังคมของชาติอื่น ๆ


---คำว่า วรรณะ แปลว่า สี อักษร ชาติ กำเนิด ลักษณะ คุณสมบัติ รูป ประเภท


---ในคัมภีร์พระเวท สอนไว้ว่า มนุษยชาตินั้นหากจะแบ่งประเภทออกไปแล้ว ย่อมสามารถแบ่งได้เป็นสี่ประเภท หรือสี่วรรณะด้วยกันคือ พราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ และศูทร


*วรรณะพราหมณ์



---ได้แก่ ผู้ยังความแพร่หลายให้เกิดแก่วิทยาการด้านต่าง ๆ กล่าวคือ หากมีความชำนาญในวิชาหนึ่งวิชาใด แล้วนำเอาวิชานั้นไปสอน หรือเผยแพร่ให้แก่ผู้อื่น ๆ ถือว่าเป็นครู อาจารย์ ในวิชาหนึ่ง ๆ เช่น วิชาจิตศาสตร์ นิติศาสตร์ ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ อักษรศาสตร์ แพทยศาสตร์ บุคคลที่ทำหน้าที่นี้ถือว่าเป็นวรรณะพราหมณ์


---คำว่า พราหมณ์ หมายถึง ผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับ พระพรหม พระเวท และอาตมัน ในคัมภีร์ธรรมศาสตร์บอกไว้ว่า ผู้เป็นพราหมณ์ ย่อมมีลักษณะ ๑๑ ประการ ตามธรรมชาติ หรือเรียกว่า ธรรมของพราหมณ์


---ผู้ที่เป็นพราหมณ์อาจประกอบการกสิกรรม การค้าขายหรือธุรกิจอื่นได้ เพื่อการครองชีพที่สมควรในยามยากลำบาก หรือคราวภาวะคับขัน



*วรรณะกษัตริย์



---ได้แก่ ผู้ที่เป็นนักรบหรือผู้ป้องกัน เป็นวรรณะที่สองรองมาจากวรรณะพราหมณ์ มีสิทธิปกครองประเทศชาติ นั่นก็คือผู้ที่ทำหน้าที่เป็นกษัตริย์ ซึ่งวรรณะก็ต้องมีธรรมะของกษัตริย์ ๑๑ ประการ ทำนองเดียวกับวรรณะพราหมณ์ แต่ไม่เหมือนกัน


---ผู้ที่อยู่ในวรรณะกษัตริย์มีหน้าที่รักษา คุ้มครองป้องกันรักษาดินแดน รู้จักใช้อาวุธต่าง ๆ รู้จักใช้ยุทธวิธีตามสมัย ตลอดจนรู้หลักวิชากฎหมายด้วย แต่หากจำเป็นในยามวิบัติ พระธรรมศาสตร์ก็อนุญาตให้ประกอบอาชีพอื่นได้ เช่น เป็นครูอาจารย์การทำกสิกรรมและการค้าขาย เพื่อการครองชีพได้


*วรรณะแพศย์



---ได้แก่ ผู้ที่ทำหน้าที่ประกอบการกสิกรรมและพาณิชยการต่าง ๆ แต่ในยามวิบัติกาล พระธรรมศาสตร์ ก็อนุญาตให้อาจประกอบอาชีพอื่นได้ทุกอย่างตามกาลเทศะ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเป็นอาชีพที่สุจริตเท่านั้น






*วรรณะศูทร



---เป็นวรรณะที่สี่ ถือว่าวรรณะนี้มีกำเนิดมาจากบาทของพระพรหม ฉะนั้นจึงทำหน้าที่เป็นผู้รับใช้ในกิจการต่าง ๆ โดยทั่วไป วรรณะศูทรมีลักษณะเจ็ดประการ เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้รับใช้วรรณะที่สูงกว่าทั้งสามวรรณะคือ พราหมณ์ กษัตริย์ และแพศย์


---ในอินเดียมีความพยายามที่จะเลิกระบบชนชั้นมาโดยตลอด ผู้ที่ดำเนินการท่านแรกคือ พระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงนำแบบก้าวหน้า ในสังคมชาวพุทธจะไม่มีชนชั้น มีแต่ความเสมอภาคกัน แต่สังคมอินเดียเห็นว่าเป็นอุดมคติเกินไป ชาวอินเดียส่วนใหญ่จึงรับไม่ได้ และศ

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

---In the dancing is a dance with a plan that is more than three thousand years late. Beach has written textbooks in the dramatized the three Sciences. Who narrate the story using the dancing movements of the hands and feet with the attitude shown by the eye and face symptoms.--Present Dancing patterns, there are four major forms are "dramatized" is an Indian dance, based on the methodology of Yam, but of ancient southern show by dancing regularly dating to the ceremony the spirits as an example that has connected the devil! "kathuek Ka li" is a dancing caused at La. Show, the audience can see the world of the gods and the demons, ghosts who show their wedding phuti, colors, flashy and vigorous role with a strong posture, "Mani Puri" is the dancing of the North with a Cadence display containing. Symptoms of motion, gently lamoon Lamai and dancing as the "kathuek", which supports the promotion of evolution, under the dynasty of the modules, d.SC. This model exploits the rhythmic dancing is important.---Folk dancing art consists of several dance styles that Cadence recognition that dancing is the ornament that displayed costumes Pura, with beautiful colors, clothes, garments.-First class women's costumes that attract the attention of foreigners is "Sari" The fabric used to make the five long Sari to nine yards. As well as cotton and silk, embroidered flower pattern is different send Moon sparkle sparkling costume of men that wap is together called "co te" are both types that have a border and no edges is a costume of a man that was born. When the success of gulls and the Persian expansion into India.---Rural women's dress, clothing, colors, flashy eye trauma. Turban is part of the dress of men in Rajasthan and in the Sikh village. Turban is so meticulous it is special. Best natives, there is a lot of costume.---Literature India has the world's oldest literature and is widely known. Even in a foreign country, such as the rueangomhapharot battle and the Ramayana, which is the source of the story of Rama honor Thailand. There is also a moral story hi, growing country. Vetala tales etc.---India Government has established institutions to collect and study literature and has translated into India languages used in India and people of India, irrespective of the propagation, as well as other countries have been informed.-What is the national India in a world where the traditional way of life and progressive popular still walking parallel to mix together, unite. Despite their different conditions and different castes are also different religions and different values that exist, many of the people of India, but it's very patriotic love India. Take pride in India which is difficult to find examples of national advantage, because India is a cultural civilization is the main base of India is unique. There is in India's own.The culture of India-has spread into Thailand through some religious tradition, Thailand has used since the Sukhothai period. Traditionally, most widely used is based on the four castes, such as the ceremony of shaving stick. Ordained the first Naga na Kwan, are about architectural sculpture, Buddha, etc.---The hierarchy of society. The Hindu is the religion, Brahmanism-the majority of the people of India, about 82 percent of these religions believe in caste, or class social affair as a strict system for millennia. Each class contains the rules define the conduct and customs regulations in their village. There is a requirement for marriage. Food to eat. Batthang religion in violation of the rules of their castes, who may light and heavy, the case or may be expelled from class. Wrong with the system of national, social, etc.---The term caste origin, style, color, font, meaning national qualification categories.---ในคัมภีร์พระเวท สอนไว้ว่า มนุษยชาตินั้นหากจะแบ่งประเภทออกไปแล้ว ย่อมสามารถแบ่งได้เป็นสี่ประเภท หรือสี่วรรณะด้วยกันคือ พราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ และศูทร*วรรณะพราหมณ์ ---ได้แก่ ผู้ยังความแพร่หลายให้เกิดแก่วิทยาการด้านต่าง ๆ กล่าวคือ หากมีความชำนาญในวิชาหนึ่งวิชาใด แล้วนำเอาวิชานั้นไปสอน หรือเผยแพร่ให้แก่ผู้อื่น ๆ ถือว่าเป็นครู อาจารย์ ในวิชาหนึ่ง ๆ เช่น วิชาจิตศาสตร์ นิติศาสตร์ ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ อักษรศาสตร์ แพทยศาสตร์ บุคคลที่ทำหน้าที่นี้ถือว่าเป็นวรรณะพราหมณ์---Brahmin "refers to those with knowledge of Brahma. Vedas and atman In the Bible it says that the treatise as Brahmins are characterized by natural reasons or 11 called the Dharma of the Brahmin.---Who is a Brahmin may be supporting farming trade or business. To the worthy living in difficult or time critical deficiencies.* Class King. ---Including those belonging to the warrior caste, or the second child is coming from the ruling. Has the right to rule the country, that is, the person who acts as the King's Dharma class, there must be reasons similar to 11 ruling, but not the same.---Those who are in the security protection of the ruling King guard known weapons of various lands known as modern as well as the use of tactical knowledge of legal principle, but, if necessary, in Apocalypse. Manusmṛti, allow other professionals such as teachers to do farming and trading for a living.* Caste phaet ---Including those who serve in various farming and commercial enterprises on the list but upon Apocalypse. Manusmṛti, allowing other occupations may be everything, but there is a time and place that must be honest profession only.* The servile caste caste ---เป็นวรรณะที่สี่ ถือว่าวรรณะนี้มีกำเนิดมาจากบาทของพระพรหม ฉะนั้นจึงทำหน้าที่เป็นผู้รับใช้ในกิจการต่าง ๆ โดยทั่วไป วรรณะศูทรมีลักษณะเจ็ดประการ เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้รับใช้วรรณะที่สูงกว่าทั้งสามวรรณะคือ พราหมณ์ กษัตริย์ และแพศย์---ในอินเดียมีความพยายามที่จะเลิกระบบชนชั้นมาโดยตลอด ผู้ที่ดำเนินการท่านแรกคือ พระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงนำแบบก้าวหน้า ในสังคมชาวพุทธจะไม่มีชนชั้น มีแต่ความเสมอภาคกัน แต่สังคมอินเดียเห็นว่าเป็นอุดมคติเกินไป ชาวอินเดียส่วนใหญ่จึงรับไม่ได้ และศ

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

--- in the dance. A structured dance which is late for more than three thousand years. Bharat wrote the dramatic Sciences in the late third, who dance lecture story. By using the movement of the hands and feet.And face
.

.The current pattern of important --- dance. There are four, namely "the Bharatnatyam dance" is an ancient statutes of Southern Show by the dance of various temples in ritual sacrifice."กถึก Galilee" is a dance arising from Madeira La The audience to see the world of gods and spirits performers dress their colorful and play with strong, robust manner. "Manipuri" is a dance of the region.Soft and tender, and the movement condition. "กถึก" is a dance which evolution under the support of the Mughal Dynasty, promotion Dance like this advantage is important!

--- native dance Style dance consists of several forms. The most common is the popular dancing Manipur. Which the dress clothing colors, beautiful


.--- the first-class dress women attract foreigners is "Sari" cloth used do the sari has a length of between five and nine yards. Both cotton and Silk Embroidery Flower Moon various patterns, sparkling sparklingArranged together called "Koti" are both types with edge and no edge as dress of snop occurred when the influence of Persia. The Mughal and extended into the India
.

.-- women in rural popular clothes colorful flashy. As part of the men's wear turban in Rajasthan, and among the Sikhs. Headdress is something that has been specially careful.

.