Women's rightsWomen's rights (English: Women rights) are rights and to grant women and girls in the world ", international women's day" in arising from women labourers in factories, weaving in New York State. Country United States protests, uprisings have employer wage increase and their claims, but the last bus back to 119 are women, most people want from this event with an arson burnt factory workers that they sit in the Assembly. By all this event occurred on March 8, 1857 (2400 (1857)) and on March 8, 1910 (2453 (1910)) efforts of women labourers in weaving factory at Chicago. United States, successful country. When the women's representatives from 17 countries attended the second Socialist Women's Assembly at the city of Copenhagen Denmark country. The meeting announced the certification of those claims women's labor. The system allows to reduce time of three 8 is working 8 hours per day, the rest of the time studying the knowledge to develop their own potentials, another 8 hours and 8 hours of rest at the same time, the labor force has been adjusted to the female, the male workers equal to the protection, welfare, women and child labour. ประวัติความเป็นมาเรื่องสิทธิสตรี ในประเทศจีนสถานะของผู้หญิงในประเทศจีนอยู่ในสถานะที่ต่ำ โดยส่วนใหญ่แล้วมีสาเหตุมาจากขนบธรรมเนียมประเพณีเท้าดอกบัว (foot binding) ผู้หญิงชาวจีนคิดเป็นร้อยละ 45 มีเท้าดอกบัวในช่วงศตวรรษที่ 19 ในระดับชนชั้นที่สูงขึ้นพบว่ามีเท้าดอกบัวเกือบ 100% ในปี ค.ศ. 1912 รัฐบาลจีนสั่งให้มีการสิ้นสุดการมีเท้าดอกบัว มีขนบธรรมเนียมประเพณีทางสังคม คือ ผู้ชายและผู้หญิงไม่ควรอยู่ใกล้กัน ดังนั้นหญิงชาวจีนจึงมีความลังเลในการเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ชายที่มีการรักษาตามแบบการแพทย์แผนตะวันตก สิ่งนี้ส่งผลให้มีก่อตั้งวิทยาลัยแพทยศาสตร์แห่งแรกสำหรับสตรีในประเทศจีน วิทยาลัยนี้เป็นที่รู้จักกันในนาม Hackett Medical College for Women วิทยาลัยนี้ตั้งอยู่ในนครกว่างโจว (Guangzhou) ประเทศจีน และเป็นการยกระดับสถานะทางสังคมของหญิงชาวจีน สำหรับการเคลื่อนไหวในปัจจุบันสิทธิสตรีได้กลายมาเป็นประเด็นสำคัญในสังคมที่พูดภาษาอังกฤษ ในช่วงยุค 1960 (1960-69) มีการเคลื่อนไหวซึ่งเรียกว่า “สตรีนิยม (Feminism) ” หรือ “ขบวนการปลดแอกสตรี (Women's Liberation) ” นักปฏิรูปต้องการรายได้ที่เท่าเทียมกับบุรุษ สิทธิที่เท่าเทียมกันทางกฎหมาย และอิสระในการวางแผนครอบครัว หรือสิทธิในการไม่มีบุตร ในสหราชอาณาจักร มีความเคลื่อนไหวเรื่องความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ในเรื่องความเท่าเทียมกันทางกฎหมาย ซึ่งการเคลื่อนไหวโดยบางส่วนนี้มาจากการจ้างงานสตรีอย่างกว้างขวาง ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาโดยธรรมเนียมประเพณีผู้ชายมีบทบาทในช่วงสงครามโลก ภายในช่วงยุค 1960 (1960-69) กระบวนการนิติบัญญัติ (legislative process) ติดตามรายงานคณะกรรมาธิการ (select committee) ของ วิลลี่ แฮมิลตัน ผู้เป็นสมาชิกสภา ร่างกฎหมายของ Willie ว่าด้วยค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกันสำหรับงานที่มีคุณค่าเท่ากัน (equal pay for equal work) การจัดตั้งคณะกรรมการการกีดกันทางเพศ ร่างพระราชบัญญัติของ Lady Sear ว่าด้วยการต่อต้านการกีดกันทางเพศ สมุดปกเขียวของรัฐบาล ปี ค.ศ. 1973 จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1975 พระราชบัญญัติของชาวอังกฤษว่าด้วยการกีดกันทางเพศ พระราชบัญญัติค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกัน และคณะกรรมาธิการาร้างโอกาสที่เท่าเทียม (Equal Opportunity Commission) ได้มีผลตามกฎหมาย และในประเทศอื่นๆ แห่งประชาคมเศรษฐกิจยุโรป (EEC) ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอังกฤษจึงมีความเห็นด้วยในการยกเลิกกฎหมายกีดกันทางเพศ ในสหรัฐอเมริกา องค์กรสตรีแห่งชาติ (เอ็นโอดับเบิลยู) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1966 มีวัตถุประสงค์ในการให้ความเท่าเทียมแก่สตรีทุกคน องค์กรสตรีแห่งชาติเป็นกลุ่มหนึ่งที่สำคัญซึ่งต่อสู้เพื่อบทแก้ไขที่ว่าด้วยสิทธิเท่าเทียมกัน (อีอาร์เอ) บทแก้ไขนี้กล่าวไว้ว่า “ความเท่าเทียมในสิทธิภายใต้กฎหมายจะไม่มีการปฏิเสธหรือลดทอนสิทธิ์โดยประเทศสหรัฐอเมริกาหรือรัฐใดๆและบทแก้ไขนี้ได้สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1982 และได้มีอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on the Elimination of all Forms of Discrimination against Women หรือย่อว่า CEDAW) ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights หรือ UDHR) นำมาใช้ในปี ค.ศ. 1948 ให้ความคุ้มครอง “สิทธิที่เท่าเทียมกันของชายและหญิง” และกล่าวถึงประเด็น ความเท่าเทียม และยุติธรรม ในปี ค.ศ. 1979 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (United Nations General Assembly) นำอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on the Elimination of all Forms of Discrimination against Women) มาใช้เพื่อนำปฏิญญาว่าด้วยการขจัดการการเลือกปฏิบัติต่อสตรีมาปฏิบัติใช้ตามกฎหมาย ปฏิญญานี้ถือว่าเป็นอย่างบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิสำหรับสตรี มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายในวันที่ 3 กันยายน ปี ค.ศ. 1981 ประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่ยังไม่ได้ให้การยืนยันอนุสัญญานี้ ได้แก่ อิหร่าน นาอูรู ปาเลา โซมาเลีย ซูดาน ตองกา และสหรัฐอเมริกา การข่มขืนกระทำชำเราและความรุนแรงทางเพศปฏิญญาแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อสตรี ปฏิญญาแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อสตรีได้รับมาจากสหประชาชาติใน ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) ให้คำจำกัดความคำว่า “ความรุนแรงต่อสตรี” ไว้ว่า “การกระทำใดก็ตามเกี่ยวข้องกับความรุนแรงทางเพศที่ส่งผลให้เกิดหรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย จิตใจ หรือทางเพศหรือความทุกข์ทรมานแก่สตรี ตลอดจนการข่มขู่ในการกระทำดังกล่าว การใช้อำนาจบังคับหรือการถูกริดรอนเสรีภาพไม่ว่าจะเกิดขึ้นในที่สาธารณะหรือชีวิตส่วนตัว”ปฏิญญากำหนดไว้ว่าสตรีมีสิทธิเป็นอิสระจากความรุนแรง ผลที่ตามของแนวทางนี้ คือ ในปี พ.ศ. 2542 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติประกาศให้วันที่ 25 พฤศจิกายนเป็นวันสากลในการขจัดความรุนแรงต่อสตรี
การแปล กรุณารอสักครู่..
