ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาประวัติ / ความเป็นมา การแห่เทียนเข้าพรรษา เป็น การแปล - ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาประวัติ / ความเป็นมา การแห่เทียนเข้าพรรษา เป็น อังกฤษ วิธีการพูด

ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาประวัติ / ค

ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา
ประวัติ / ความเป็นมา
การแห่เทียนเข้าพรรษา เป็นประเพณีของชาวพุทธที่ได้กระทำสืบต่อมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลเพื่อการถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา คือ เมื่อครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปจำพรรษาอยู่ที่ป่าเลไลยก์ เพื่อหาความสงบ ในป่าแห่งนี้มีพญาช้างสารและพญาวานร ได้สืบทราบว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับแรม จึงชวนกันไปเป็นผู้อุปัฏฐาก โดยพญาช้างเป็นผู้หาน้ำดื่ม น้ำใช้ ส่วนพญาวานรเป็นผู้หารังผึ้งมาถวาย ต่อมาพญาวานรเกิดพลาดพลั้งพลัดตกต้นไม้ตาย แต่ด้วยอานิสงส์ที่ได้ทำไว้กับพระพุทธเจ้าจึงได้เกิดเป็นพระพรหมอยู่บนสวรรค์ อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า พระอนุรุทสาวกของพระพุทธเจ้าที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดหลักแหลม รู้พระธรรมวินัยอย่างแตกฉาน ก็เพราะในชาติปางก่อนเคยถวายแสงประทีปเป็นทาน ดังนั้นพุทธศาสนิกชนผู้ฝักใฝ่ในบุญกุศล จึงได้ยึดถือเป็นประเพณีนำเทียนไปถวายพระภิกษุสงฆ์ในวันเทศกาลเข้าพรรษา
ประเพณีการถวายเทียนจำพรรษาของชาวไทย ปรากฏมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ในหนังสือนางนพมาศ ซึ่งมีทั้งพระราชพิธีและพิธีของราษฎร์ว่า พอถึงเดือน 8 นักขัตฤกษ์บูชาใหญ่ “พระราชพิธีอาษาฒมาส” สมเด็จพระร่วงเจ้าทรงโปรดให้จัดตกแต่งพระอารามหลวงทุกแห่ง และถวายเครื่องบริขารสมณะแด่พระสงฆ์ พร้อมทั้งเทียนประจำพรรษาบูชาพระบรมธาตุ โปรดให้ชาวพนักงานเชิญเทียนเข้าไว้ในพระวิหาร หอพรและให้จุดตามในที่นั้น ทุกพระอาราม ทรงอุทิศสักการะบูชาพระรัตนตรัยสิ้นไตรมาส ฝ่ายมหาชน ประชาชนชายหญิงในตระกูลต่างๆ ทั่วไป ทั้งพระราชอาณาเขตขัณฑสีมา ประชุมกันเป็นพวกเป็นเหล่า ตามวงศ์คณาญาติ ต่างตกแต่งร่างกายประกวดกัน แห่เทียนจำนำพรรษาของตนไปทางบกบ้าง เรือบ้าง เสียงพิณพาทย์ ฆ้องกลองสนั่นไปทุกแห่งตำบลเอิกเกริกด้วยประชาชนคนแห่ คนดุ ทั้งทางบก ทางน้ำ เป็นมหานักขัตฤกษ์ แล้วเชิญประทีปจำนำพรรษาเข้าตั้งในอุโบสถวิหาร จุดตามบูชาพระรัตนตรัย สิ้นไตรมาสสามเดือน ทุกๆ อารามราษฎร์
ดังนั้น ประเพณีถวายเทียนจำพรรษา ซึ่งมีมาแต่สมัยสุโขทัยนั้น ปัจจุบันยังคงกระทำสืบต่อกันมา ซึ่งมีวิธี ปฏิบัติคล้ายคลึงกันกับที่เคยปฏิบัติกันมาในอดีต
สำหรับการแห่เทียนจำพรรษาของชาวอุบลราชธานีทีมีชื่อเสียงนั้นผู้สำเร็จราชการเมืองอุบล ชาวเมืองอุบลไม่มีการหล่อเทียน แห่เทียนเช่นปัจจุบัน ชาวบ้านจะฟั่นเทียนยาวเท่ารอบศีรษะไป ถวายพระเพื่อจุดบูชาจำพรรษา หาน้ำมันไปถวายพระสงฆ์ และหาเครื่องไทยทานและผ้าอาบน้ำฝนไปถวาย
ครั้นในสมัยกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ได้เป็นผู้สำเร็จราชการที่เมืองอุบล คราวหนึ่งมีการแห่บั้งไฟ ที่วัดกลางมีคนไปดูมาก ในการแห่บั้งไฟมีการตีกันในกระบวนแห่จนถึงความตาย เสด็จในกรมเห็นว่าไม่ดีจึงเลิกการแห่บั้งไฟ และเปลี่ยนเป็นการแห่เทียนแทน
การแห่เทียนแต่เดิมไม่ได้ใหญ่โตเช่นปัจจุบัน เพียงแต่ชาวบ้านร่วมกันบริจาคเทียนแล้วนำเทียนมาติดกับลำไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ ตามรอยต่อหากระดาษจังโก (กระดาษสีเงิน สีทอง) ตัดเป็นลายฟันปลาติดเพื่อปิดรอยต่อ เสร็จแล้วนำต้นเทียนไปมัดติดกับปี๊บน้ำมันก๊าด
ฐานของต้นเทียนใช้ไม้ตีเป็นแผ่นเรียบ หรือทำสูงขึ้นเป็นชั้นๆ ติดกระดาษ เสร็จแล้วมีการแห่นำไปถวายวัด พาหนะที่ใช้นิยมใช้เกวียนหรือล้อเลื่อนที่ใช้วัวหรือคนลากจูง ถ้าเป็นวัวก็มักจะมีการตกแต่งรอบเขา คอ ข้อเท้า ด้วยกระดาษสี เกราะ หรือ กระพรวน ส่วนการแห่แหนของชาวบาน ก็มีฆ้อง กลอง กรับ และการฟ้อนรำด้วยความสนุกสนาน
ต่อมาการทำเทียนได้พัฒนาขึ้นถึงขั้นใช้การหล่อดอกจากแม่พิมพ์ที่เป็นลายง่ายๆ เช่นประจำยาม กระจังตาอ้อย บัวคว่ำ บังหงาย ก้ามปู กรุยเชิง หน้าขบ ฯลฯ แล้วนำไปติดที่ต้นลำเทียน ช่างฝีมือคนแรกที่เป็นผู้ริเริ่ม คือ นายโพธิ์ ส่งศรี ต่อมานายสอน คูณผล ช่างฝีมืออีกผู้หนึ่งได้นำวิธีการดังกล่าวมาประยุกต์ใช้และประดับฐานต้นเทียนด้วยรูปปั้นสัตว์และลายไม้ฉลุ ทำให้ดูสวยงามมากขึ้น
ในช่วงปี พ.ศ.2495 ประชาชนเริ่มให้ความสนใและเห็นความสำคัญในการทำและแห่เทียนพรรษามากขึ้น เมื่อทางจังหวัดได้ส่งเสริมให้งานเข้าพรรษาเป็นงานประเพณีประจำปี แต่ต้นเทียนในขณะนั้นยังมีการจัดทำอยู่เพียง 2 ประเภท ประเภทมัดเทียนรวมกันแล้วติดกระดาษสี และประเภทพิมพ์ลายติดลำต้น ครั้นในปี พ.ศ.2497 ช่างฝีมือรุ่นเยาว์ อันได้แก่ นายอารี สินสวัสดิ์ นายประดับ ค้อนแก้ว เป็นอาทิ ได้พัฒนาวิธีทำขึ้นใหม่ โดยใช้ปูนพลาสเตอร์แกะแม่พิมพ์เป็นลายต่างๆ แล้วหล่อด้วยเทียนออกมา เทียนที่ใช้หล่อดอกใช้คนละสีกับลำต้น จึงทำให้มองเห็นส่วนกลองลายได้อย่าชัดเจน ต่อมาในปี พ.ศ.2509 นายคำหมา แสงงาม ได้คิดวิธีใหม่อีกแบบหนึ่งโดยแกะสลักลงบนต้นเทียนโดยตรง ซึ่งนับว่าเป็นวิธีทำเทียนที่ต้องใช้ฝีมืออย่างยิ่ง ช่างแกะสลักต้นเทียนยุคหลังที่มีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบันได้แก่ นายอุตส่าห์ จันทรวิจิตร และนายสมัย จันทรวิจิตร เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ ในปีต่อมางานประเพณีแห่เทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานี มีการจัดประกวดต้นเทียนเพิ่มเป็น 3 ประเภท คือ
1. ประเภทติดพิมพ์
2. ประเภทแกะสลัก
3. ประเภทต้นเทียนโบราณ
งานประเพณีแห่เทียนพรรษา ได้รับการส่งเสริมจากทางจังหวัด มากขึ้นตามลำดับจนถึงปี พ.ศ.2520 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนให้เป็นงานประเพณีระดับชาติ โดยประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ มาชมตั้งแต่บัดนั้นจนถึงทุกวันนี้

กำหนดงาน
ก่อนวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 หรือ เดือน 9 (ในกรณีที่มีอธิกมาส) ณ บริเวณทุ่งศรีเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี


0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
Ubon candle FestivalHistory/milestones การแห่เทียนเข้าพรรษา เป็นประเพณีของชาวพุทธที่ได้กระทำสืบต่อมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลเพื่อการถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา คือ เมื่อครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปจำพรรษาอยู่ที่ป่าเลไลยก์ เพื่อหาความสงบ ในป่าแห่งนี้มีพญาช้างสารและพญาวานร ได้สืบทราบว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับแรม จึงชวนกันไปเป็นผู้อุปัฏฐาก โดยพญาช้างเป็นผู้หาน้ำดื่ม น้ำใช้ ส่วนพญาวานรเป็นผู้หารังผึ้งมาถวาย ต่อมาพญาวานรเกิดพลาดพลั้งพลัดตกต้นไม้ตาย แต่ด้วยอานิสงส์ที่ได้ทำไว้กับพระพุทธเจ้าจึงได้เกิดเป็นพระพรหมอยู่บนสวรรค์ อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า พระอนุรุทสาวกของพระพุทธเจ้าที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดหลักแหลม รู้พระธรรมวินัยอย่างแตกฉาน ก็เพราะในชาติปางก่อนเคยถวายแสงประทีปเป็นทาน ดังนั้นพุทธศาสนิกชนผู้ฝักใฝ่ในบุญกุศล จึงได้ยึดถือเป็นประเพณีนำเทียนไปถวายพระภิกษุสงฆ์ในวันเทศกาลเข้าพรรษาประเพณีการถวายเทียนจำพรรษาของชาวไทย ปรากฏมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ในหนังสือนางนพมาศ ซึ่งมีทั้งพระราชพิธีและพิธีของราษฎร์ว่า พอถึงเดือน 8 นักขัตฤกษ์บูชาใหญ่ “พระราชพิธีอาษาฒมาส” สมเด็จพระร่วงเจ้าทรงโปรดให้จัดตกแต่งพระอารามหลวงทุกแห่ง และถวายเครื่องบริขารสมณะแด่พระสงฆ์ พร้อมทั้งเทียนประจำพรรษาบูชาพระบรมธาตุ โปรดให้ชาวพนักงานเชิญเทียนเข้าไว้ในพระวิหาร หอพรและให้จุดตามในที่นั้น ทุกพระอาราม ทรงอุทิศสักการะบูชาพระรัตนตรัยสิ้นไตรมาส ฝ่ายมหาชน ประชาชนชายหญิงในตระกูลต่างๆ ทั่วไป ทั้งพระราชอาณาเขตขัณฑสีมา ประชุมกันเป็นพวกเป็นเหล่า ตามวงศ์คณาญาติ ต่างตกแต่งร่างกายประกวดกัน แห่เทียนจำนำพรรษาของตนไปทางบกบ้าง เรือบ้าง เสียงพิณพาทย์ ฆ้องกลองสนั่นไปทุกแห่งตำบลเอิกเกริกด้วยประชาชนคนแห่ คนดุ ทั้งทางบก ทางน้ำ เป็นมหานักขัตฤกษ์ แล้วเชิญประทีปจำนำพรรษาเข้าตั้งในอุโบสถวิหาร จุดตามบูชาพระรัตนตรัย สิ้นไตรมาสสามเดือน ทุกๆ อารามราษฎร์ So a candle Buddhist sacrifices, traditions which are still present, then the Sukhothai period succession which is how. A similar practice to that practice comes in the past.For nationals of Ubon Ratchathani candle is named Governor Ubon city. Ubon city's residents do not have to cast candles. Candle to the present day. The villagers are long candles around the Halter head to King for the Buddhist altar. Oil to the monks, and find the alms offering and present robes.ครั้นในสมัยกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ได้เป็นผู้สำเร็จราชการที่เมืองอุบล คราวหนึ่งมีการแห่บั้งไฟ ที่วัดกลางมีคนไปดูมาก ในการแห่บั้งไฟมีการตีกันในกระบวนแห่จนถึงความตาย เสด็จในกรมเห็นว่าไม่ดีจึงเลิกการแห่บั้งไฟ และเปลี่ยนเป็นการแห่เทียนแทนการแห่เทียนแต่เดิมไม่ได้ใหญ่โตเช่นปัจจุบัน เพียงแต่ชาวบ้านร่วมกันบริจาคเทียนแล้วนำเทียนมาติดกับลำไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ ตามรอยต่อหากระดาษจังโก (กระดาษสีเงิน สีทอง) ตัดเป็นลายฟันปลาติดเพื่อปิดรอยต่อ เสร็จแล้วนำต้นเทียนไปมัดติดกับปี๊บน้ำมันก๊าด ฐานของต้นเทียนใช้ไม้ตีเป็นแผ่นเรียบ หรือทำสูงขึ้นเป็นชั้นๆ ติดกระดาษ เสร็จแล้วมีการแห่นำไปถวายวัด พาหนะที่ใช้นิยมใช้เกวียนหรือล้อเลื่อนที่ใช้วัวหรือคนลากจูง ถ้าเป็นวัวก็มักจะมีการตกแต่งรอบเขา คอ ข้อเท้า ด้วยกระดาษสี เกราะ หรือ กระพรวน ส่วนการแห่แหนของชาวบาน ก็มีฆ้อง กลอง กรับ และการฟ้อนรำด้วยความสนุกสนานต่อมาการทำเทียนได้พัฒนาขึ้นถึงขั้นใช้การหล่อดอกจากแม่พิมพ์ที่เป็นลายง่ายๆ เช่นประจำยาม กระจังตาอ้อย บัวคว่ำ บังหงาย ก้ามปู กรุยเชิง หน้าขบ ฯลฯ แล้วนำไปติดที่ต้นลำเทียน ช่างฝีมือคนแรกที่เป็นผู้ริเริ่ม คือ นายโพธิ์ ส่งศรี ต่อมานายสอน คูณผล ช่างฝีมืออีกผู้หนึ่งได้นำวิธีการดังกล่าวมาประยุกต์ใช้และประดับฐานต้นเทียนด้วยรูปปั้นสัตว์และลายไม้ฉลุ ทำให้ดูสวยงามมากขึ้น
ในช่วงปี พ.ศ.2495 ประชาชนเริ่มให้ความสนใและเห็นความสำคัญในการทำและแห่เทียนพรรษามากขึ้น เมื่อทางจังหวัดได้ส่งเสริมให้งานเข้าพรรษาเป็นงานประเพณีประจำปี แต่ต้นเทียนในขณะนั้นยังมีการจัดทำอยู่เพียง 2 ประเภท ประเภทมัดเทียนรวมกันแล้วติดกระดาษสี และประเภทพิมพ์ลายติดลำต้น ครั้นในปี พ.ศ.2497 ช่างฝีมือรุ่นเยาว์ อันได้แก่ นายอารี สินสวัสดิ์ นายประดับ ค้อนแก้ว เป็นอาทิ ได้พัฒนาวิธีทำขึ้นใหม่ โดยใช้ปูนพลาสเตอร์แกะแม่พิมพ์เป็นลายต่างๆ แล้วหล่อด้วยเทียนออกมา เทียนที่ใช้หล่อดอกใช้คนละสีกับลำต้น จึงทำให้มองเห็นส่วนกลองลายได้อย่าชัดเจน ต่อมาในปี พ.ศ.2509 นายคำหมา แสงงาม ได้คิดวิธีใหม่อีกแบบหนึ่งโดยแกะสลักลงบนต้นเทียนโดยตรง ซึ่งนับว่าเป็นวิธีทำเทียนที่ต้องใช้ฝีมืออย่างยิ่ง ช่างแกะสลักต้นเทียนยุคหลังที่มีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบันได้แก่ นายอุตส่าห์ จันทรวิจิตร และนายสมัย จันทรวิจิตร เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ ในปีต่อมางานประเพณีแห่เทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานี มีการจัดประกวดต้นเทียนเพิ่มเป็น 3 ประเภท คือ
1. ประเภทติดพิมพ์
2. ประเภทแกะสลัก
3. ประเภทต้นเทียนโบราณ
งานประเพณีแห่เทียนพรรษา ได้รับการส่งเสริมจากทางจังหวัด มากขึ้นตามลำดับจนถึงปี พ.ศ.2520 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนให้เป็นงานประเพณีระดับชาติ โดยประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ มาชมตั้งแต่บัดนั้นจนถึงทุกวันนี้

กำหนดงาน
ก่อนวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 หรือ เดือน 9 (ในกรณีที่มีอธิกมาส) ณ บริเวณทุ่งศรีเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี


การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
Lent Candle Festival
History / Background
of Lent candle. A tradition of Buddhist tradition that has been done since the era was dedicated to the worship of Buddha Dharma and Sangha is worshiped on the era. Buddha has come to a temple at Palelai. To find peace Elephant in the wild in this matter and the Ape King. Buddha has descended that came overnight. Therefore, invited to the laymen. The Elephant is for drinking water, the Monkey King is offering a honeycomb. The Monkey King was accidentally falling dead trees. But by virtue of having made ​​the Buddha was born as Brahma in heaven. Another legend says The conservative Meerut disciples of Buddha with incisive wit, intellect. The intimate knowledge of Discipline Because the former had offered lamps are reviewed. So concentrate on the Buddhist merit. It has upheld a tradition brought candles to honor the monk in the Buddhist Lent
Candle Festival, dedicated to the temple of Thailand. Since the Sukhothai period In Noppamas Both the ceremony and the ceremony of the Forum, as well as in eight major public offerings. "Rite Aaษaฒ Hamas" King Phra Ruang thee hath appointed monastery facilities. Monks and sacrifice of ordinary monks. The birthday candles for the altar relics. Please let the staff at the candle into the temple. According to the Hall of Blessings in the monastery, he devoted all worship the Triple Gems quarter of men and women in family and public defenders throughout the territory boundary. These meetings are a According to Wong's relatives The body decoration contest Candle Hmnmprrษa their boats to land some sound, some gamelan. Gong thunderous drums to every parish with the pomp of the marchers were scolded by land, water and a great festivity. Then invited Hmnmprrษa lamp in the temple sanctuary. According to the Holy Triple Gem Every three months ended quarter Monastery rat
so. Traditional offerings of candles temple Which has since the Sukhothai period. Still continue to carry out procedures which are similar to those practiced in the past
for Ubon Ratchathani Candle Festival temple of the famous Governor tents. The Ubon no wax casting. Candle present Locals head to the teeth as long as the candle. The temple dedicated to the worship Oil consecrated priests Thailand and find robes and alms offerings to the rain
came during the Royal Sappasitthiprasong. He was the governor of Ubon. One time, a rocket parade The temple has a lot to see. The rocket had hit the parade procession until death. Prince that bad, so stop the rocket procession. And switch the candle
to candle, but not great like the present. Only people donate candles and candle attached to bamboo poles prepared. The paper trail for Django. (Paper, silver, gold) cut a zigzag pattern so caught off joints. Then put the candles to kerosene cans tied to
the base of the candle, the bat is flat. Or higher layer paper done with a parade dedicated to the temple. Vehicles that use a cart wheel or a cow or a tug. If a cow is often decorated around his neck ankle with colored paper armor or bell, the parade of locals were also gongs, drums, a reception and dance with fun
later, candle making, has developed a process using. retreading mold from a simple pattern such as Prahmyam Taagai chapiters shield grille up front claw foot Pave, etc. then tackle the next tree trunk candle. Craftsmen first as a starter was Mr. Poe sent later, Mr. Si taught by the artisans have taken another approach to such applications and base decorated with henna animal sculptures and wood carving. Make it look more beautiful
during the year 2495 the population began to pine masseuses see the importance of doing more and Candle. When the province was promoted to the job of Lent is an annual tradition. But the candle at that time there were only two kinds of preparation candles tied together and stick colored paper. Design and installation of a trunk in the year 2497 when a young craftsman, Mr. Goodnight, Mr. Arya products such as decorative glass hammer has developed new ways to do more. The lime plaster sinker is pattern. Then came out with candles Candles are used to retread a different color stems. It overlooks the drum pattern was not evident later, in 2509, the dog was pretty light on new ideas to one another by carving directly onto the candle. This is the way to make candles that requires great skill. Carver henna after the famous endeavor to date, Mr. Chan and Mr. Fine Contemporary Fine Monday as
a result. In the later years of Ubon Ratchathani Candle Festival parade. Henna has organized a three types:
type 1, type the next
two. Carving out
three. Type henna ancient
Candle Festival parade. Received a boost from the province. More by the year 2520, the Tourism Authority of Thailand. Has supported a national tradition. The announcement inviting the whole of Thailand. And foreigners From then until today, visit scheduled before the waning days of the first lunar month, eight or nine months (in the case of intercalated) at Thung Si Muang Ubon Ratchathani.





การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
The candle festival Lent.History / backgroundThe Buddhist Lent day. A Buddhist tradition that hath descended since the time of the Buddha to offer to Buddha Dharma and Sangha worship worship is the Buddha? Buddha went dysmenorrhoea in forest เลไลย. To find peace. In this forest is the substance and the elephant monkey. Have to know that Buddha came to stay. Thus invited to an attendant. The elephant is drinking water philosophy seeking water. The monkey king who find the hive to present. Later the monkey"s fall fell trees die. But with the advantage that made to the Buddha had a Brahma heaven. Another legend one said. Holy rood soft disciples of the Buddha with wisdom wise. Know the monastery as masterful. Because in a former life ever offered lamp lights as well. So Buddhists who concentrate on merit. Therefore, adhere to the tradition to offer a monk in candle festival Lent.The tradition of offering candles dysmenorrhoea of Thai. Appear from the era in which the book noppamas Royal and the ceremony of rat that at month 8 Festival offering big "the อาษาฒ Christmas." Pope fall you grant appointed Royal everywhere. And offer economic cleric to the clergy. Along with the regular worship candle birthday relics. Please give the staff invite candle in the temple. The tower of blessing and to points along in that every monastery is devoted to worship the Buddha at the end of the quarter. ฝ่ายมหาชน people both in the tribes. The Royal territory boundary. The meeting was as these, according to family khana relatives, window decorations, the body contest. Candle mosques of their land. The boat. The sound vibration, gongs drums thundering everywhere ตำบลเอิกเกริก with people that the land parade. The water is a great festival. And invited to set up in the Temple Temple lamp mosques dot according to Buddha prayer, the current three months, every Temple hospital.Therefore, traditional candle, which had offered today but era. At present still act passed. C.
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: