The invasion Iraq war is an example of an obvious point that war in this era, no matter where it occurs, it's not a far longer. It is always a month ago where around us is full of war through the media. Nervous eyes and ears of the us is dropping, with news of the battle and destruction, which is exciting, and the track. Moreover, the expansion of the war monument and the deep reservoir of ideas and access to our minds. The war became a matter near the close that would.All the while, we keep track of the news and commentary about events in Iraq. A new monument in the heart of the sample has occurred; In this monument of our being destroyed by a sense of violence that came with the picture and sound. When they realized the lack of sense-consciousness. The drug charge, but the excitement from our minds the news of tea even more innocent people against killings against people suffering poor anathon from war. That means we have lost as many men.สำหรับคนจำนวนไม่น้อย สมรภูมิกลางใจนั้นร้อนแรงด้วยอำนาจแห่งความโกรธแค้นชิงชัง จนจิตใจถูกความอาฆาตพยาบาทยึดครอง ไม่ว่าสนับสนุนหรือคัดค้านสงคราม สิ่งหนึ่งที่อาจไม่แตกต่างกันเลยก็คือ ความรู้สึกเคียดแค้นทหารของอีกฝ่าย ควบคู่กับความยินดีที่เห็นคนเหล่านั้นประสบกับความพินาศ ทุกครั้งที่รู้สึกเช่นนั้น ความเป็นมนุษย์ของเราก็ลดน้อยถอยลงเป็นลำดับความโกรธเกลียดพยาบาทได้กลายเป็นไฟที่จุดระเบิดให้เกิดสมรภูมิไปทั่วทั้งโลก ทั้งในใจคน บนท้องถนน และตามสื่อต่าง ๆ มองในแง่นี้มันจึงมีอานุภาพมากกว่าลูกระเบิดหรือขีปนาวุธ แต่เรากำลังปล่อยให้มันลุกลามอย่างรวดเร็ว จนรอบตัวและกลางใจเรานั้นอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความรุนแรงและความเกลียดชังไม่มีใครรู้ว่าสงครามครั้งใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่ที่ค่อนข้างแน่คือไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะช่วยกันยุติได้ในเร็ววัน แม้กระนั้นบรรยากาศแห่งสงครามที่พร้อมจะอบอวลไปทั่วก็หาเกินวิสัยที่เราจะจัดการได้ไม่ ดังนั้นจึงไม่ควรนิ่งนอนใจ และทำตัวเป็นผู้นั่งเสพข่าวสารอย่างเดียวเท่านั้น อย่างแรกที่เราทำได้คือรักษาจิตใจไม่ให้ความเป็นมนุษย์ของเราถูกทำลาย อย่าให้ความโกรธเกลียดครอบงำจิตใจจนเกิดความคิดมุ่งร้ายอีกฝ่าย และยินดีในความวิบัติของเขา จะเป็นทหารฝ่ายใด ชีวิตของเขาก็มีคุณค่า มีคนรักอยู่ข้างหลังที่คอยการกลับมาของเขาเราอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ตาม ไม่ควรยินดีในความพินาศของเขาเพียงเพื่อที่จะได้เห็นฝ่าย “ของฉัน” เป็นผู้ชนะ ถึงที่สุดแล้วไม่มีใครเป็นผู้ชนะในสงครามเลย มีแต่ผู้สูญเสีย แม้แต่คนภายนอกที่นั่งเชียร์ก็สูญเสียเช่นกัน นั่นคือสูญเสียความเป็นมนุษย์เราจึงควรปัดเป่าบรรยากาศแห่งความเกลียดชังออกไปจากสังคมของเรา อย่างน้อยเราควรช่วยกันยับยั้งไม่ให้สงครามเพิ่มความรุนแรงให้มากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ด้วยการผนึกกำลังสร้างบรรยากาศแห่งสันติ เช่น ร่วมกันชุมนุมอย่างสงบและภาวนาให้เกิดสันติภาพ อย่างน้อยก็เพื่อทัดทานกระแสแห่งความโกรธเกลียดที่เกิดขึ้นจากแบ่งฝักแบ่งฝ่ายตามลัทธิอุดมการณ์ ศาสนา สีผิว หรือผลประโยชน์ ขณะเดียวกันก็ควรช่วยกันตักเตือนสื่อมวลชน ไม่ว่าหนังสือพิมพ์ วิทยุ หรือโทรทัศน์ ที่เสนอข่าวและความเห็นในลักษณะที่มุ่งสนองความตื่นเต้นหรือสนุกเร้าใจอย่างเกมกีฬา ควรร่วมกันเรียกร้องผลักดันให้สื่อมวลชนคำนึงถึงมิติแห่งความเป็นมนุษย์ให้มากขึ้นแทนที่จะเน้นแต่ยุทธวิธีทางทหารและอานุภาพของเทคโนโลยี ความจริงอีกด้านของสงครามอันได้แก่ความทุกข์ยากของผู้คนที่ประสบภัยสงคราม เป็นสิ่งที่สื่อมวลชนพึงให้ความสนใจมากขึ้นเช่นเดียวกับข่าวความเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพการสร้างบรรยากาศแห่งสันติตั้งแต่ระดับจิตใจ ครอบครัว ไปจนถึงสังคม เป็นขั้นตอนสำคัญอันจะนำไปสู่การสร้างสันติภาพในอีกซีกโลกหนึ่ง แม้เส้นทางดังกล่าวจะยาวไกลแต่ก็เป็นสิ่งยืนยันว่าเราแต่ละคนสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างสันติภาพได้ มิใช่เป็นแค่คนเล็กคนน้อยที่ไร้พลัง ที่สำคัญก็คือปฏิบัติการดังกล่าวยังมีอานิสงส์ไปถึงเราแต่ละคน ขณะเดียวกันก็มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อบ้านเมืองของเรา ใช่หรือไม่ว่าเมืองไทยนั้นมีเชื้อมูลแห่งสงครามมากมายที่พร้อมจะประทุในอนาคต ไม่ใช่กับคนชาติอื่นเท่านั้น หากรวมถึงคนในชาติเดียวกันด้วย การผนึกกำลังเพื่อสันติภาพนอกบ้านอาจช่วยให้เชื้อสงครามในบ้านเราอันได้แก่ความโกรธ ความเกลียดมีกำลังน้อยลง จนยากที่จะปลุกเร้าให้เกิดการจับอาวุธฆ่าฟันกันก็ได้ ใครจะไปรู้
การแปล กรุณารอสักครู่..