สมุนไพรทางเลือกรักษานิ่วในไตนิ่วในไ

สมุนไพรทางเลือกรักษานิ่วในไต
นิ่วในไต อาจเป็นก้อนหินแข็งเม็ดเดียว หรือหลายเม็ด อยู่ในกรวยไต ทำให้มีอาการปวดตื้อบริเวณไต หรือ เป็นไข้ หรือมีปัสสาวะเป็นเลือด แต่ผู้ป่วยบางคนอาจไม่มีอาการ หากนิ่วในไตหลุดลงมาในท่อไต ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการปวดท้องเฉียบพลันรุนแรงกะทันหัน นอกจากนี้ยังมีนิ่วที่เกิดในกระเพาะปัสสาวะ หรือท่อปัสสาวะ นิ่วที่อยู่ในกระเพาะปัสสาวะ อาจจะเกิดขึ้นเองในกระเพาะปัสสาวะ หรือหลุดมาจากไต หรือจากต่อมลูกหมากมาค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะก็ได้ ผลเสียของนิ่วในไตคือ ทำให้มีอาการปวดท้องเมื่อนิ่วอุดท่อไต เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และถ้านิ่วมีการอุดตันนานจะทำให้เกิดการเสื่อมของไต
75% ของนิ่ว พบว่าเกิดจากผลึกแคลเซียมออกซาเลต Calcium stones การรักษาแผนปัจจุบันมีทั้งการผ่าตัดและการใช้ยาสลายนิ่ว สำหรับในทางการแพทย์แผนไทย พบว่ามีสมุนไพรที่ช่วยรักษานิ่วได้ ซึ่งหลายท่านอาจจะเคยได้ยินบ่อยๆ ถึงสมุนไพรชนิดนี้ นั่นคือ หญ้าหนวดแมว โดยมีการศึกษาของ นพ.พิชัย ตั้งสิน และ ภญ.ปริศนา แสงเจษฎา ศึกษาฤทธิ์ของยาชงหญ้าหนวดแมว ในผู้ป่วยในทางเดินปัสสาวะส่วนบน เทียบกับไฮโดรคลอไรไธอาไซด์ และโซเดียมไบคาร์บอเนต โดยแบ่งกลุ่มผู้ป่วย 9 คน พบว่ากลุ่มที่ ได้รับยาหญ้าหนวดแมวมีการเคลื่อนตัวของนิ่วบริเวณกระดูกกระเบนเหน็บ และใช้ยาแก้ปวดไม่ต่างจากกลุ่มที่ใช้ยามาตรฐาน อีกการศึกษาหนึ่งของ รศ.นพ.วีรสิงห์ เมืองมั่น ภาควิชาศัลยกรรม คณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ศึกษาในผู้ป่วยนิ่วในท่อไต ขนาดเท่าเม็ดมะละกอ หรือประมาณ 0.5 ซม. 23 คน ดื่มยาชงหญ้าหนวดแมว ใบขนาด 4 กรัม ในน้ำเดือด 750 ซีซี ต่อวัน เป็นเวลา 2-6 เดือน พบว่า 9 คน (40 %) มีนิ่วหลุดออกมา (ส่วนใหญ่ที่นิ่วหลุดจะหลุดภายใน 3 เดือน) 13 คน (60 %) หายปวดแต่นิ่วไม่หลุด หญ้าหนวดแมวมีปริมาณโพแทสเซียมที่สูง ให้หลีกเลี่ยงการใช้ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง โดยเฉพาะในระยะท้ายๆ (ระยะที่ 3 และระยะที่ 4) ซึ่งมักจะมีปริมาณแร่ธาตุโพแทสเซียมที่สูง และต้องทานยาที่ช่วยควบคุมระดับแร่ธาตุโพแทสเซียมนี้ให้อยู่ในค่าที่เหมาะสม เนื่องจากปริมาณโพแทสเซียมที่สูงในเลือดอาจส่งผลให้หัวใจเต้นผิดปกติได้ อย่างไรก็ตามในคนปกติ ที่ไม่ได้มีการทำงานของไตบกพร่องสามารถทานได้ โดยไม่เกิดผลเสียใดๆ โดยหญ้าหนวดแมวมีฤทธิ์กระตุ้นการขับปัสสาวะ ช่วยในขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ และลดความดันโลหิตได้เล็กน้อย

สมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคไต ว่าสามารถขับนิ่วได้ เป็นสมุนไพรใกล้ตัวในครัวเรือน นั่นคือ มะนาว เพราะน้ำมะนาวสามารถเพิ่มระดับ citrate ซึ่งป้องกันนิ่วที่เกิดจากเกลือแคลเซียมได้ โดยน้ำมะนาวนอกจากจะช่วยลดการสร้างนิ่วในไตแล้ว ยังป้องกันไม่ให้มีการก่อตัวของนิ่วในไต โดยลดการเกิดผลึกแคลเซียมออกซาเลทและผลึกยูริก โดยวิธีการใช้ คือ ใช้น้ำมะนาวปริมาณ 120 มิลลิลิตร เติมลงในน้ำประมาณ 2 ลิตร ดื่มต่างน้ำตลอดทั้งวัน หรือใช้น้ำมะนาวปริมาณ 60 มิลลิลิตร เติมลงในน้ำประมาณ 180 มิลลิลิตร แบ่งดื่ม 2 มื้อ เช้า เย็น หรือดื่มน้ำมะนาววันละครึ่งถ้วยชาทุกวัน นอกจากนี้ยังพบว่าการดื่มน้ำมะนาววันละ 85 มิลลิลิตรต่อวัน มีประสิทธิภาพในการรักษานิ่วเทียบเท่ากับยาโพแทสเซียมซิเตรต โดยยาโพแทสเซียมซิเตรต มีรายงานสามารถลดการเกิดนิ่วได้ร้อยละ85 แต่มีผลเพิ่มระดับโปแตสเซียมในเลือดได้ นอกจากนี้การปฏิบัติตัวก็มีส่วนสำคัญ โดยเฉพาะการดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และลดการทานอาหารเค็ม เพราะเป็นสาเหตุให้เกิดนิ่วในไตได้ (เนื่องจากโซเดียมในเกลือจะไปเพิ่มการขับแคลเซียม )
ผู้เขียน : เภสัชกรหญิงอาสาฬา เชาวน์เจริญ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Herbal alternatives to treat kidney stones.Kidney stones may be single or multiple grain pellet hardness are in cones, kidney pain causes the kidney area or a billion or a blood, urine, but there are some patients may have no symptoms. If kidney stones fall down in the dialysis tubing Most patients will have a sudden acute abdominal pain. It also has kidney stones, resulting in bladder or urethra. Kidney stones that are located in the bladder may occur in the bladder or the kidney came from the fall or from the prostate coming stuck in the bladder. The effect of kidney stones is, when abdominal pain, kidney stones, kidney tubes clogged. Risk of urinary tract infections and kidney stones, if there is a blockage can cause degeneration of the kidney.75% ของนิ่ว พบว่าเกิดจากผลึกแคลเซียมออกซาเลต Calcium stones การรักษาแผนปัจจุบันมีทั้งการผ่าตัดและการใช้ยาสลายนิ่ว สำหรับในทางการแพทย์แผนไทย พบว่ามีสมุนไพรที่ช่วยรักษานิ่วได้ ซึ่งหลายท่านอาจจะเคยได้ยินบ่อยๆ ถึงสมุนไพรชนิดนี้ นั่นคือ หญ้าหนวดแมว โดยมีการศึกษาของ นพ.พิชัย ตั้งสิน และ ภญ.ปริศนา แสงเจษฎา ศึกษาฤทธิ์ของยาชงหญ้าหนวดแมว ในผู้ป่วยในทางเดินปัสสาวะส่วนบน เทียบกับไฮโดรคลอไรไธอาไซด์ และโซเดียมไบคาร์บอเนต โดยแบ่งกลุ่มผู้ป่วย 9 คน พบว่ากลุ่มที่ ได้รับยาหญ้าหนวดแมวมีการเคลื่อนตัวของนิ่วบริเวณกระดูกกระเบนเหน็บ และใช้ยาแก้ปวดไม่ต่างจากกลุ่มที่ใช้ยามาตรฐาน อีกการศึกษาหนึ่งของ รศ.นพ.วีรสิงห์ เมืองมั่น ภาควิชาศัลยกรรม คณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ศึกษาในผู้ป่วยนิ่วในท่อไต ขนาดเท่าเม็ดมะละกอ หรือประมาณ 0.5 ซม. 23 คน ดื่มยาชงหญ้าหนวดแมว ใบขนาด 4 กรัม ในน้ำเดือด 750 ซีซี ต่อวัน เป็นเวลา 2-6 เดือน พบว่า 9 คน (40 %) มีนิ่วหลุดออกมา (ส่วนใหญ่ที่นิ่วหลุดจะหลุดภายใน 3 เดือน) 13 คน (60 %) หายปวดแต่นิ่วไม่หลุด หญ้าหนวดแมวมีปริมาณโพแทสเซียมที่สูง ให้หลีกเลี่ยงการใช้ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง โดยเฉพาะในระยะท้ายๆ (ระยะที่ 3 และระยะที่ 4) ซึ่งมักจะมีปริมาณแร่ธาตุโพแทสเซียมที่สูง และต้องทานยาที่ช่วยควบคุมระดับแร่ธาตุโพแทสเซียมนี้ให้อยู่ในค่าที่เหมาะสม เนื่องจากปริมาณโพแทสเซียมที่สูงในเลือดอาจส่งผลให้หัวใจเต้นผิดปกติได้ อย่างไรก็ตามในคนปกติ ที่ไม่ได้มีการทำงานของไตบกพร่องสามารถทานได้ โดยไม่เกิดผลเสียใดๆ โดยหญ้าหนวดแมวมีฤทธิ์กระตุ้นการขับปัสสาวะ ช่วยในขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ และลดความดันโลหิตได้เล็กน้อย สมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคไต ว่าสามารถขับนิ่วได้ เป็นสมุนไพรใกล้ตัวในครัวเรือน นั่นคือ มะนาว เพราะน้ำมะนาวสามารถเพิ่มระดับ citrate ซึ่งป้องกันนิ่วที่เกิดจากเกลือแคลเซียมได้ โดยน้ำมะนาวนอกจากจะช่วยลดการสร้างนิ่วในไตแล้ว ยังป้องกันไม่ให้มีการก่อตัวของนิ่วในไต โดยลดการเกิดผลึกแคลเซียมออกซาเลทและผลึกยูริก โดยวิธีการใช้ คือ ใช้น้ำมะนาวปริมาณ 120 มิลลิลิตร เติมลงในน้ำประมาณ 2 ลิตร ดื่มต่างน้ำตลอดทั้งวัน หรือใช้น้ำมะนาวปริมาณ 60 มิลลิลิตร เติมลงในน้ำประมาณ 180 มิลลิลิตร แบ่งดื่ม 2 มื้อ เช้า เย็น หรือดื่มน้ำมะนาววันละครึ่งถ้วยชาทุกวัน นอกจากนี้ยังพบว่าการดื่มน้ำมะนาววันละ 85 มิลลิลิตรต่อวัน มีประสิทธิภาพในการรักษานิ่วเทียบเท่ากับยาโพแทสเซียมซิเตรต โดยยาโพแทสเซียมซิเตรต มีรายงานสามารถลดการเกิดนิ่วได้ร้อยละ85 แต่มีผลเพิ่มระดับโปแตสเซียมในเลือดได้ นอกจากนี้การปฏิบัติตัวก็มีส่วนสำคัญ โดยเฉพาะการดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และลดการทานอาหารเค็ม เพราะเป็นสาเหตุให้เกิดนิ่วในไตได้ (เนื่องจากโซเดียมในเกลือจะไปเพิ่มการขับแคลเซียม )Author: female pharmacist Ah la quotient can flourish. Chaophya abhaibhubejhr hospital.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

Alternative herbal treatment for kidney stones,
kidney stones. It is rock solid grain or multi-grain hoppers in kidney dialysis or a dull pain, fever or blood in urine. However, some patients may be asymptomatic. If kidney stones fall into the ureter. Most patients with acute severe abdominal pain immediately. There are also stones in the bladder. Or urethra Stones in the bladder May occur in the bladder. Or dropped from kidney Or to remain in the prostate or bladder. Cause of kidney stones is. The symptoms are abdominal pain when the stones blocking the ureter. The risk of urinary tract infections. If a gallstone blockage can cause a deterioration of kidney
stones showed that 75% of the crystals of calcium oxalate Calcium stones treated with medicine, surgery and the use of ESWL. Medical plan for Thailand Found that the herb can help treat gallstones. Many of you may have heard of it. This type of herb that is exerted by the study. Dr. Pichai set of goods and security problems. Puzzle light Jesadavat the study drug infusion OG. In patients with upper urinary tract. Compared to a thiamine hydrochloride site. And sodium bicarbonate Consisting of nine patients who met the group. OG treated with the movement of the stones Sacralization. And pain medication did not differ from the standard drug. Another study of Assoc. Prof. MD. Wir Lion City's Department of Surgery. Faculty of Medicine, Ramathibodi Hospital, Mahidol University Studies in patients with ureteral calculi. Fruit or grain size of approximately 0.5 cm 23 people drink maker OG leaves 4 grams in 750 cc of water per day for 2-6 months, nine people (40%) have gallstones removed. (Most of the stones will fall out within 3 months) 13 (60%), pain, gallstones, but not out. OG has a high potassium content Avoid use in patients with chronic kidney disease. Especially in the final phase (Phase 3 and Phase 4), which often contain high amounts of minerals potassium. And the need to take medicine to help control the mineral potassium is in the right. Due to the high amount of potassium in the blood can result in cardiac disorders. However, in normal Who did not have renal dysfunction can eat. Without any effect. By OG stimulate urination. Helped drive the stones in the urinary tract. And lower blood pressure slightly, another herb that has been confirmed by medical professionals kidney disease. That can drive finger Is an herb that is close to home, because lemon juice increased levels of citrate, which can prevent kidney stones caused by calcium salts. The lemon juice will help reduce kidney stones then. To prevent the formation of kidney stones. By reducing the crystallization of calcium oxalate and uric crystals. By the way, the lemon juice is added to the amount of 120 ml of water about 2 liters of drinking water throughout the day. Or 60 ml of lemon juice added to drinking water to about 180 ml ​​split two meals a day, drinking lemonade or a cup of tea a day, every day. It also found that drinking 85 milliliters of juice per day. Effective in the treatment of gallstones equivalent dose of potassium citrate. The drug, potassium citrate. It has been reported to reduce the incidence of gallstones was 85 percent. But increased levels of potassium and calcium in the blood. This practice is the key. By drinking lots of water. At least eight glasses of diet and reduce salinity. It can cause kidney stones. (The sodium in salt is added to a calcium) Author: female volunteer pharmacists, hospitals, sports extraterrestrial civilization XVI Abhaibhubejhr.