การศึกษาโครงสร้างสัณฐานวิทยาของตัวเ

การศึกษาโครงสร้างสัณฐานวิทยาของตัวเร่งปฏิกิริยาแคลเซียมออกไซด์ที่ถูกเอิบชุ่มด้วยสารเคมีชนิดต่างๆ ได้แก่ โพแทสเซียมฟลูออไรด์ (Potassium Fluoride: KF) โพแทสเซียมคลอไรด์ (Potassium Chloride: KCl) โพแทสเซียมโบรไมด์ (Potassium Bromide: KBr) โพแทสเซียมไอโอไดด์ (Potassium Iodide: KI) และแบเรียมคลอไรด์ (Barium Chloride: BaCl2) เปรียบเทียบกับแคลเซียมออกไซด์ที่ได้จากเปลือกหอยเสียบโดยเทคนิคการวิเคราะห์โครงสร้างทางกายภาพด้วยลำแสงอิเล็กตรอนแบบส่องกราด (Scanning Electron Microscopy: SEM) เมื่อทำการพิจารณารูปที่ 4.1 (A), (B) และ (C) คือเปลือกหอยเสียบก่อนเผา พบว่ามีพื้นผิวค่อนข้างขรุขระ ไม่มีรูพรุนเลย หลังจากนั้นเมื่อนำเปลือกหอยเสียบไปเผาภายใต้อุณหภูมิ 900 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 2 ชั่วโมง พบว่าลักษณะสัณฐานวิทยาของเปลือกหอยกะพงหลังเผา รูปที่ 4.1 (D), (E) และ (F) มีลักษณะพื้นผิวที่ค่อนข้างเรียบและมีรูพรุนเป็นจำนวนมาก โดยลักษณะของรูพรุนที่เกิดขึ้นจะเกิดจากการสลายตัวของแคลเซียมคาร์บอเนตได้เป็นแคลเซียมออกไซด์และคาร์บอนไดออกไซด์ จึงทำให้พื้นผิวของตัวเร่งปฏิกิริยาเป็นลักษณะที่เป็นรูพรุนเกิดขึ้น
เมื่อพิจารณาจากรูปที่ 4.1 (G), (H) และ (I) ซึ่งเป็นแคลเซียมออกไซด์ที่ถูกเอิบชุ่มด้วยโพแทสเซียมฟลูออไรด์ พบว่ามีลักษณะเป็นก้อนขนาดเล็กและมีพื้นผิวที่ค่อนข้างเรียบ ซึ่งทำให้เกิดเป็นรูพรุน
เมื่อพิจารณาจากรูปที่ 4.1 (J), (K) และ (L) ซึ่งเป็นแคลเซียมออกไซด์ที่ถูกเอิบชุ่มด้วยโพแทสเซียมคลอไรด์ พบว่ามีลักษณะเป็นก้อนสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ถูกปกคลุมด้วยอนุภาคขนาดเล็กจำนวนมาก ซึ่งก้อนสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่อาจเกิดจากการบดที่ไม่ละเอียด โดยจะพบรูพรุนขนาดใหญ่จำนวนเล็กน้อย
เมื่อพิจารณาจากรูปที่ 4.1 (M), (N) และ (O) ซึ่งเป็นแคลเซียมออกไซด์ที่ถูกเอิบชุ่มด้วยโพแทสเซียมโบรไมด์ พบว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกับแคลเซียมออกไซด์ที่ถูกเอิบชุ่มด้วยโพแทสเซียมคลอไรด์ แต่อนุภาคที่ขนาดเล็กที่ปกคลุมอยู่มีลักษณะที่อัดกันแน่นน้อยกว่า ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นรูพรุนขนาดใหญ่
เมื่อพิจารณาจากรูปที่ 4.1 (P), (Q) และ (R) ซึ่งเป็นแคลเซียมออกไซด์ที่ถูกเอิบชุ่มด้วยโพแทสเซียมไอโอไดด์ พบว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกับแคลเซียมออกไซด์ที่ถูกเอิบชุ่มด้วยโพแทสเซียมคลอไรด์ แต่อนุภาคขนาดเล็กจะมีการอัดตัวกันจนเกิดเป็นอนุภาคขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เกิดรูพรุนขนาดใหญ่เพียงเล็กน้อย
เมื่อพิจารณาจากรูปที่ 4.1 (S), (T) และ (U) ซึ่งเป็นแคลเซียมออกไซด์ที่ถูกเอิบชุ่มด้วยแบเรียมคลอไรด์ พบว่าพื้นผิวมีลักษณะขรุขระ ซึ่งเกิดจากการอยู่รวมกันของก้อนอนุภาคขนาดเล็กที่มาเกาะกันอยู่เป็นจำนวนมาก

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

The study of the structure morphology of calcium oxide catalyst being oep with various kinds of chemical potassium fluoride (KF: Potassium Fluoride) potassium chloride (KCl Potassium Chloride:), potassium (Potassium Bromide: KBr) bromide, potassium iodide (KI Potassium Iodide:) and barium chloride (BaCl2 Barium Chloride:) compared with calcium oxide from the shell plug technique in physical structure analysis with scanning electron beam (Scanning Electron Microscopy: SEM) when considering the figure 4.1 (A), (B) and (C) is plugged into the shells prior to burn.It found that there was a relatively rough surface. There are no pores, Loei. After that, when the shell plug to burn 900 degrees Celsius temperature for 2 hours, found that the characteristic morphology of sea-shells fired. Figure 4.1 (D), (E) and (F) have a relatively smooth surface characteristics and porosity are many. By the appearance of pores which occur due to the dissolution of calcium carbonate and calcium oxide is carbon dioxide. Thus, the surface of the catalyst is the manner in which a porous occurs.When considering Figure 4.1 (G), (H) and (I) which is calcium oxide with potassium fluoride is the oep. It found that resembles a small chunk, and there is a relatively smooth surface. This causes a porousWhen considering Figure 4.1 (J), (K) and (L), which is the oep is calcium oxide with potassium chloride. It found that resembles a large square that is covered with many small particles. Large rectangular bales which may result from the grinding detail is found by the small amount of large pores.When considering Figure 4.1 (M), (N) and (O) which is calcium oxide with potassium bromide is the oep. Found to be similar to calcium oxide with potassium chloride but oep are particles which covered small bunches looks less, which would cause a large pore.เมื่อพิจารณาจากรูปที่ 4.1 (P), (Q) และ (R) ซึ่งเป็นแคลเซียมออกไซด์ที่ถูกเอิบชุ่มด้วยโพแทสเซียมไอโอไดด์ พบว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกับแคลเซียมออกไซด์ที่ถูกเอิบชุ่มด้วยโพแทสเซียมคลอไรด์ แต่อนุภาคขนาดเล็กจะมีการอัดตัวกันจนเกิดเป็นอนุภาคขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เกิดรูพรุนขนาดใหญ่เพียงเล็กน้อยเมื่อพิจารณาจากรูปที่ 4.1 (S), (T) และ (U) ซึ่งเป็นแคลเซียมออกไซด์ที่ถูกเอิบชุ่มด้วยแบเรียมคลอไรด์ พบว่าพื้นผิวมีลักษณะขรุขระ ซึ่งเกิดจากการอยู่รวมกันของก้อนอนุภาคขนาดเล็กที่มาเกาะกันอยู่เป็นจำนวนมาก