มินต์เป็นผักที่ให้กลิ่นหอม มนุษย์จึงนำมินต์มาใช้แต่งกลิ่นในอาหารหลายชนิด เช่น ซุป สลัด ซอสต่างๆ และอาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์ นอกจากจะใช้แต่งกลิ่นในอาหารคาวแล้ว ยังนิยมใช้เป็นส่วนประกอบในหมากฝรั่งและลูกอม เพราะจะช่วยกำจัดกลิ่นปากและให้ปากหอมสดชื่น หรือนำมาใช้ปรุงแต่งกลิ่นในเครื่องดื่ม เช่น ชาและกาแฟได้
ยาไทยหลายชนิดก็มีส่วนผสมของมินต์ เช่น ยาแก้ไอ ยาหม่อง ยาแก้ปวดท้อง เพราะมินต์มีสรรพคุณทางยา คือ แก้ไข้ลดการกระหายน้ำ ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ ขับปัสสาวะ ขับประจำเดือน นอกจากนี้กลิ่นหอมๆ ของมันยังช่วยคลายเครียดและแก้ปวดศรีษะได้อีกด้วย
มินต์มีน้ำมันและเมนทอลสูง 80-89 เปอร์เซ็นต์ มีสรรพคุณให้กลิ่นหอมเย็นลึก ช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระตุ้นให้เกิดความกระปรี้กระเปร่า ช่วยให้ความจำดีขึ้น ช่วยลดความโกรธยับยั้งเชื้อโรค รักษาสมดุล และลดอาการเจ็บปวด จึงทำให้บรรดาธุรกิจสปานำเอาน้ำมันหอมระเหยที่สกัดได้จากมินต์ มาใช้ในการบำบัดสุขภาพด้วยกลิ่น หรือที่เรียกว่า อโรมาเธอราพี (aromatherapy) เพราะกิ่นของมินต์จะช่วยบำบัดความรู้สึกและจิตใจให้สงบ ทำให้ร่างกายเกิดการตอบสนอง และทำให้รู้สึกสดชื่นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะวัยคนทำงาน แต่ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย รวมถึงหญิงมีครรภ์ เพราะอาจเป็นพิษต่อเด็กในครรภ์
นอกจากนี้ใบนิต์ยังมีระดับสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูงกว่าผลไม้ เมล็ดธัญพืชต่างๆ และในผักบางชนิด โดยจะมีค่าดัชนีแอนติออกซิแดนต์ 12.60 มีเบตาแคโรทีน 4.47 มก. แซนโทฟิลด์ 26.49 มก. และวิตามินซี 12.74 มก. จึงถือเป็นผักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเรา เช่น ช่วยกำจัดแบคทีเรียหรือระงับอาการปวด และความเจ็บปวดบางอย่างได้ เป็นต้น และไม่ว่าจะเป็นลูกอมจนถึงหมาก ฝรั่งหรือช็อกโกแลตรสเปปเปอร์มินต์ก็ตาม จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น และช่วยดับกลิ่นปากหากรับประทานหลังอาหารมื้อหลัก อีกทั้งการดมกลิ่นมินต์ในขณะที่เรากำลังหลับยังช่วยเพิ่มการเต้นของหัวใจ และกิจกรรมของคลื่นสมองอีกด้วย
คราวนี้กลับมาดูสะระแหน่ไทยบ้านเรากันบ้าง สะระแหน่ (Lemon balm) เป็นพืชสมุนไพรยืนต้นตระกูลมินต์ วงศ์กะเพราะ มีแหล่งกำเนิดมาจากแถบยุโรปตอนใต้และแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อโตเต็มที่จะมีความสูงประมาณ 70-150 เซนติเมตร ส่วนใบจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับใบพืชในตระกูลมินต์ มีกลิ่นหอมคล้านใบมะนาว และทุกๆ ปลายฤดูร้อนต้นสะระแหน่จะออกดอกสีขาวๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำหอมน้ำหวานอยู่ภายใน และยังมีรสชาติคล้ายกับตะไคร้หอม มะนาว และแอลกอฮอล์
สาระสำคัญที่พบทั้งใบและลำต้นมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งประกอบด้วยสารเมนทอล (Menthol) ไลโมนีน (Limonene) นีโอเมนทอล (Neomenthol) เป็นต้น
มีสรรพคุณเป็นยาเย็น รสเผ็ด ช่วยขจัดลมร้อน ใช้เป็นยาดับร้อน ถอนพิษไข้ ขับลม ขับเหงื่อ รักษาอาการหวัดลมร้อนใช้ผสมยาหรือยาอมเพื่อให้เย็นชุ่มคอ ปัจจุบันได้มีการสกัดน้ำมันหอมระเหยในใบสะระแหน่ด้วยแอลกอฮอล์ ออกมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ เรียกว่า “เหล้าสะระแหน่” เพื่อใช้เป็นยาน้ำสำรหับรับประทานแก้อาการปวดท้อง ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ จุก เสียด
ในอุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมยา ก็มีการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากสะระแหน่ออกมาใช้ประโยชน์เช่นกัน เนื่องจากสะระแหน่เป็นพืชในสกุลมินต์ จึงมีกลิ่นคล้ายเมนทอล อันเป็นส่วนประกอบสำคัญของลูกอมประเภทรสเย็นทั้งหลาย แม้สะระแหน่ไทยจะมีส่วนประกอบของเมนทอลอยู่ในน้ำมันหอมระเหยน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับมินต์ชนิดอื่นๆ แต่สะระแหน่ก็มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ดีเด่นไม่แพ้มินต์ชนิดใดๆ อนาคตคงมีการพัฒนานำเอากลิ่นสะระแหน่ไปใช้ประโยชน์แก่มนุษย์ได้กว้างขวางยิ่งขึ้นเรื่องๆ ตามความก้าวหน้าของวิทยาการและความนิยมผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น
แม้สะระแหน่ หรือมินต์ของไทย จะมีคุณสมบัติในเรื่องกลิ่นสู้มิ้นต์ต่างประเทศไม่ได้ แต่ถ้าใช้วิธีรับประทานสดๆ ก็จะสามารถได้รับประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหยจากสะระแหน่อย่างเต็มที่เหมือนกัน นอกเนือจากนี้น้ำมันหอมระเหยของพืชตระกูลเบซิล เช่น โหระพา กะเพราะ แมงลัก สมุนไพรยอดนิยมของครัวไทย ก็มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารได้ดีไม่แพ้สมุนไพรของต่างประเทศ และยังช่วยลดความเครียด ปรุงแต่งอารมณ์ให้สดชื่นหลังจากเหนื่อยล้าได้อีกด้วย