แหล่งกำเนิดอารยธรรมโบราณของโลก
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
ปัจจัยทางภูมิศาสตร์กับการตั้งถิ่นฐานอารยธรรมเมโสโปเมเมีย กำเนิดขึ้นในบริเวณลุ่มแม่น้ำ 2 สาย คือ แม่น้ำไทกริสและแม่น้ำยูเฟรทีส เป็นแหล่งอารยธรรมแห่งแรกของโลก บริเวฯนี้เป็นเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำอันอุดมสมบูรณ์ ท่ามกลางอาณาบริเวณที่เป็นทะเลทรายและเขตภูเขา แม่น้ำทั้งสองไหลลงสู่ทะเลที่อ่าวเปอร์เซีย ดินแดนเมโสโปเตเมียเป็นดินแดนที่ควบคุมอาณาเขตกว้างขวาง พื้นที่ตอนบนของลุ่มแม่น้ำมีลักษณะเป็นพื้นที่ราบสูงกว่าตอนใต้ และจะลาดต่ำลงมายังพื้นที่ราบลุ่มตอนล่าง พื้นที่ตอนบนของลุ่มแม่น้ำจึงมีความแห้งแล้ง การกสิกรรมจะต้องใช้ระบบชลประทาน ส่วนพื้นที่่ราบลุ่มตอนล่างเป็นที่ราบต่ำเป็นที่ราบดินดอนที่อุดมสมบูรณ์ เกิดจาการทับถมของดินตะกอนที่แม่น้ำทั้งสองสายพัดเอาโคลนตมมาทับถมไว้บริเวณ ปากน้ำ ทำให้เกิดพื้นดินงอกตรงปากแม่น้ำทุกปี บริเวณนี้เรียกว่า “บาบิโบเนีย”
ลักษณะภูมิอากาสของดินแดนเมโสโปเตเมีย เป็นดินดนที่มีฝนตกน้อยมาก เพราะมีภูมิอากาศเป็นแบบทะเลทรายกึ่งทะเลทราย อากาศจึงแห้งแล้ง ส่นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ ดินอันอุดมสมบูรณ์โดยเฉพาะดินเหนีวซึ่งนำมาทำอิฐในการสร้างบ้านเรือนและศาสน สถาน ส่วนแร่ธาตุ คือ เหล็กและเกลือ
ลักษระชุมชนที่ตั้งถิ่นฐานในแหล่งอารยธรรมเมโสโปเตเมีย เป็นชนหลายกลุ่มเผ่าผลัดกันมาตั้งถิ่นฐานและมีอำนาจในดินแดนแถบนี้ ได้แก่ พวกสุเมเรียน ต่อมาเป็นพวกเผ่าเซเมติก ได้แก่ แอคคัด และพวกอามอไรต์ หลักจากนั้นมีพวกอินโดอารยัน ได้แก่ พวกฮิตไทต์ และพวกเปอร์เซียน
ชาวสุเมเรียน ชาวสุเมเรียนเป็นชนเผ่าแรกที่มีอำนาจครอบครองดินแดนเมดสโปเตเมียวึ่งอยู่ ระหว่างแม่น้ำไทกริสและแม่น้ำยูเฟรทีส ชาวสุเมเรียนเอาชนะธรรมชาติด้วยการสร้างทำนบใหญ่สองฟากฝั่งแม่น้ำ สร้างครองระบายน้ำ เขื่อนกั้นน้ำ ประตูน้ำและอ่างเก็บน้ำเพื่อระบายน้ำไปยังบริเวณที่แห้งแล้งที่อยู่ไกลออกไป ชาวสุเมเรียนจึงเป็นพวกแรกที่ทำระบบชลประทานได้
วัฒนธรรมสุเมเรียนส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนาแทบทั้งสิ้น พวกสุเมเรียนจึงนิยมสร้างศาสนสถานขนาดใหญ่เรียกว่า “ซิกรูแลต” ซึ่งมีรูปร่างแบบสถาปัคยกรรมคล้ายภูเขาขนาดใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ที่ประทับของเทพเจ้าต่างๆ ซิกรูแรตสร้างด้วยอิฐตากแห้งพวกสุเมเรียนเป็นชนกลุ่มแรกที่รู้จักประดิษฐ์อักษรได้ราว 3,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช อักษรที่ใช้ในการบันทึกนี้เรียกว่า “อักษาลิ่ม” หรือ “คูนิฟอร์ม” อักษรลิ่มนี้นับว่าเป็นหลักฐานที่เป็นลายอักษรที่เก่าแก่ที่สุดในทางประวัติ ศาสตร์ วรรณกรรมที่สำคัญของพวกสุเมเรียน ได้แก่ มหากาพย์ กิลกาเมช เป็นเรื่องกี่ยวกับผจญภัยของวีรบุรุษที่แสวงหาชีวิตอันเป็นอมตะ พวกสุเมเรียนมีความเจริญทางด้านคณิตศาสตร์ ปฎิทิน และการชั่ง ตวง วัด
อาณาจักรบาบิโลเนีย
หลักจากที่พวกสุเมเรียนเสื่อมอำนาจลง เพราะการสงครามกับชนเผ่าอื่นที่เข้ามารุกรานและการแย่งชิงความเป็นใหญ่ใน ระหว่างพวกสุเมเรียนด้วยกันเอง ต่อมาพวกอามอไรต์ ได้ตั้งอาณาจักรบาบิโลเนียขึ้นมา มีเมืองหลวงที่มีบาบิโลน ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรทีส อาราจักรบาบิโลเนียเป็นอาณาจักรที่เข้มแข็ง มีการปกครองแบบรวมศูนย์ มีการเก็บภาษีอากรและการเกษฑ์ทหาร รับควบคุมการค้าต่างๆ ผลงานที่สำคัญของอาณาจักรบาบิโลเนีย ได้แก่ การประมวลกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษร ในสมัยพระเจ้าฮัมมูราบี ซึ่งมีชื่อเรียกว่า ประมวลกฏหมายกฏหมายของพระเจ้าฮัมมูราบี ประมวลกฏหมายของฮัมมูราบี ยึดถือหลัก ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
จักรวรรดิอัสซีเรีย
ในศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสต์ศักราช พวกอัสซีเรียน ได้เข้ายึดครองกรุงบาบิโลน และอาณาจักรต่างๆ ในเอเซียตะวันตก พวกอัสซีเรียนเป็นนักรบที่กล้าหาญ มีวินัย ใช้อาวุธทำด้วยเหล็ก ชาวอัสซิเรียนนิยมสร้างวังให้มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมากกว่าศาสนสถาน มรดกทางศิลปกรรมที่สำคัญ ได้แก่ การล่าสัตว์ และการทำสงครามปราบปรามชนชาติต่างๆ มีการรวบรวมงานเขียนทีี่เป็นแผ่นจารึกต่างๆ ไว้ในห้องสมุดที่เมืองนิเนเวห์ ถึง 22,000แผ่น นับว่าเป็นห้องสมุดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น อาณาจักรคาลเดีย
พวกคาลเดียมีการสร้างพระราชวังและวิหารขนาดใหญ่บนฝั่งแม่น้ำยูเฟรทีส และเหนือพระราชวังขึ้นไปมีการสร้างสวนขนาดใหญ่เรียกว่า ” สวนลอยแห่งบาบิโลน” ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งมหศจรรย์ของโลกยุคโบราณเพราะสามารถใช้ความรู้ในการชล ประทาน ทำให้สวนลอยแห่งนี้เขียวขจีได้ตลอดทั้งปี นอกจากนั้นพวกคาลเดียนในบาบิโลเนียใหม่ยังปรับปรุงด้านเกษตรกรรม และเริ่มต้นงานด้านวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่่างยิ่งทางด้านดาราศาสตร์ มีการแบ่งสัปดาห์ออกเป็น 7 วัน แบ่งวันออกเป็น 12 คาบ คาบละ 120 นาที
อารยธรรมอียิปต์
อารยธรรมที่มีความยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโลกที่มีถิ่นกำเนิดในดินแดนใกล้เคียงกับอารยธรรมเมโสโปเตเมีย คือ อารยธรรมอียิปต์ อารยธรรมอียิปต์เป็นอารยธรรมที่รู้จักกันอย่างกว้างขว้างและมีผลต่อพัฒนาการทางความคิดในหลายๆ ด้าน เนื่องจากมีมรดกทางสถาปัตยกรรม เช่น ปิรามิดและแนวความคิดและความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาและปรัชญาอีกด้วย
อียิปต์โปราณตั้งอยู่ระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออก โลกตะวันตกคือดินแดนที่อยู่รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนโลกตะวันออก ได้แก่ ดินแดนเมโสโปเตเมียและดินแดนในแถบลุ่มแม้น้ำสินธุ ทิศเหนือของอียิปต์จรดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทิศตะวันตกติดกับทะเลทรายซาฮารา ทะเลทรายลิเบีย และทะเลทรายนูเบียทางทิศตะวันออก ถัดไปคือ ทะเลแดง ทิศใต้จรดประเทศนูเบียหรือซูดานในปัจจุบัน อียิปต์เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ เนื่องจากมีพื้นที่ตั้งอยู่บนสองฟากฝั่งแม่น้ำไนล์ แม่น้ำไนล์มีลักษณะที่ต่างไปจากแม่น้ำอื่นๆ คือ ทอดตัวไหลจากภูเขาทางตอนใต้ลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนเหนือ มีผลต่อการดำเนินชีวิตของชาวอียิปต์โบราณ มีนคือเส้นทางคมนาคมสายหลักและเป็นเสมือนเข็มทิศในการเดินทาง โดยใช้ร่วมกับทิศทางการขึ้นและตกของดาวอาทิตย์ ชาวอียิปต์แบ่งช่วงแม่น้ำไนล์เป็น 2 ช่วง คือ ต้นน้ำทางตอนใต้เรียกว่า “อียิปต์บน” (Upper Egypt) และปลายแม่น้ำในดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำทางเหนือว่า “อียิปต์ล่าง” (Lower Egypt)
แผนที่อียิปต์โบราณ
ประมาณ 3,150 ปีก่อนคริสตกาล พระเจ้าเมเนส (Menes) หรือนาเมอร์ (Narmer) สามารถรวบรวมเมืองต่างๆ ทั้งในอียิปต์บนและอียิปต