นาโนอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันเรากำลังอาศัยอยู่ในโลกอิเล็กทรอนิกส์และดิจิ การแปล - นาโนอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันเรากำลังอาศัยอยู่ในโลกอิเล็กทรอนิกส์และดิจิ อังกฤษ วิธีการพูด

นาโนอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันเรากำลัง

นาโนอิเล็กทรอนิกส์

ปัจจุบันเรากำลังอาศัยอยู่ในโลกอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัลคอมพิวเตอร์ ศาสตร์ของอิเล็กทรอนิกส์ทำให้มนุษย์เรา สรรสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกขึ้นมามากมาย และดูเหมือนไม่ว่าเราจะมองไป ณ ที่แห่งใดก็ตามที่อารยะธรรมของมนุษย์แผ่ไปถึง เราก็จะพบสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ ที่มีส่วนของอิเล็กทรอนิกส์เป็นองค์ประกอบอยู่แทบทั้งสิ้น จนอาจกล่าวได้ว่าอิเล็กทรอนิกส์เป็นพื้นฐานของอารยะธรรมสมัยใหม่ บทความนาโนเทคโนโลยีในตอนนี้ จึงมุ่งไปที่บทบาทของนาโนเทคโนโลยีที่กำลังจะเข้าไปปรับเปลี่ยนทิศทาง และพัฒนาศาสตร์ของอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกำลังจะเดินทางมาถึงจุดอับ ให้สามารถพัฒนาต่อไปได้ การกล่าวเช่นนี้ อาจทำให้หลายๆ ท่านรู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนัก วิศวกรคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ไม่อยากยอมรับความจริงข้อนี้ ความจริงที่ว่าเราอาจจะไม่สามารถรักษาสถิติเดิมๆ ที่เราสามารถพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีความเร็วสูงขึ้นในอัตราที่สูง ดังที่ กอร์ดอน มัวร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทอินเทลกล่าวไว้ว่า "จำนวนของทรานซิสเตอร์ซึ่งบรรจุอยู่บนแผ่นวงจรรวม หรือ ไมโครชิพ นี้จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกๆ 18 เดือน" คำกล่าวอันสร้างชื่อแก่เขาในฐานะกฎของมัวร์ (Moore's Law) ซึ่งได้รับการยอมรับ และเป็นแรงกดดันให้วงการผลิตชิพสามารถพัฒนาชิพ ให้มีความเร็วสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ซื้อมาใหม่มีอันต้องล้าสมัยไปทุกๆ ปีครึ่งเช่นเดียวกัน แต่กฎของมัวร์นี้กำลังจะถูกสั่นคลอน การเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์ลงไปบนชิพด้วยการย่อขนาดของวงจรกำลังจะมาถึงขีดจำกัด เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์นี้อย่างแจ่มชัด เราน่าจะมาทำความเข้าใจกับพัฒนาการของวงการอิเล็กทรอนิกส์กันก่อน
ประวัติของวงการอิเล็กทรอนิกส์
ประวัติศาสตร์หน้าแรกของวงการอิเล็กทรอนิกส์ น่าจะเริ่มมาจากการประดิษฐ์หลอดรังสีคาโธด (Cathode Rays Tube) ของเซอร์ วิลเลียม ครุกส์ (Sir William Crookes) ในปี ค.ศ. 1875 อันนำไปสู่การค้นพบรังสีเอ็กซ์โดย เรินท์เกน (Wilhelm Conrad Roentgen) ในปี ค.ศ. 1895 และการค้นพบอิเล็กตรอนโดย ทอมสัน (Joseph Thomson) ในปี ค.ศ. 1897 จากนั้นในปี ค.ศ. 1904 เฟลมิง (John Ambrose Fleming) ได้ประดิษฐ์หลอดไดโอดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งก็เป็นพื้นฐานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด จากนั้นอีก 2 ปีต่อมา ฟอเรสต์ (Lee De Forest) ก็สามารถประดิษฐ์หลอดไตรโอดซึ่งสามารถควบคุมกระแสการไหลของอิเล็กตรอนได้ ถัดมาอีก 13 ปี คือในปี ค.ศ. 1919 ชอตต์กี (Walter Schottky) คิดค้นหลอดสุญญากาศแบบหลายขั้ว นอกจากนั้นเขายังได้พัฒนาทฤษฎีที่ใช้อธิบายการไหลของอิเล็กตรอนและหลุมในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

พัฒนาการที่สำคัญของวงการอิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1940 หลังจากที่หลอดสุญญากาศแสดงบทบาท ในฐานะอุปกรณ์ควบคุมในเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายมาร่วม 3 ทศวรรษ โดยโอลห์ (Russell Shoemake Ohl) ค้นพบว่าผลึกซิลิกอนสามารถจะนำมาสร้างเป็นอุปกรณ์ไดโอดได้ ซึ่งนำไปสู่การคิดค้นทรานซิสเตอร์ของ ชอคลี (William Bradford Schockley) แบรตเทน (Walter H. Brattain) และ บาร์ดีน (John Bardeen) ในปี ค.ศ. 1948 หลังจากนั้นอุปกรณ์พวกสารกึ่งตัวนำได้เริ่มเข้ามาแทนที่หลอดสุญญากาศ ทำให้เครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ มีขนาดเล็กลงและราคาถูกลงมาก อย่างไรก็ตามก็ยังไม่เป็นที่พึงพอใจของอุตสาหกรรมเท่าไรนัก เนื่องจากว่าการสร้างเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ยังคงต้องนำอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำจำนวนมากมาต่อเชื่อมกันให้เป็นวงจรรวม ซึ่งเป็นงานที่ค่อนข้างยุ่งยาก จึงเกิดแนวความคิดที่จะทำให้อุปกรณ์หล่านั้น รวมทั้งวงจร ถูกยุบรวมเข้าไปบนสารกึ่งตัวนำที่เป็นชิ้นเดียว และแล้วในปี ค.ศ. 1959 เออร์นี (Jean Hoerni) และ นอยซ์ (Robert Noyce) ก็สามารถพัฒนาแผงวงจรรวมดังกล่าว (Integrated Circuit หรือ IC) ได้สำเร็จ และเพียงปีเดียวเท่านั้นแผงวงจรรวมดังกล่าวก็เข้าไปแทนที่อุปกรณ์สารกึ่งตัวนำแบบแยกส่วนถึง 90% เลยที่เดียว ในช่วงต้นๆ ของทศวรรษ 1960 นั้น วงจรรวมยังไม่มีความซับซ้อนมาก โดยอาจมีทรานซิสเตอร์ประมาณ 20-200 ตัวต่อแผ่นชิพหนึ่งแผ่น และเพิ่มขึ้นมาเป็น 200-5000 ตัวในช่วงปี 1970 ปัจจุบันนี้เรามีแผงวงจรรวมที่มีทรานซิสเตอร์นับล้านตัวเลยทีเดียว

รูปที่ 1 ความซับซ้อนของวงจรรวม (ภาพจาก IBM)
การผลิตไอซี - บทบาทของไมโครเทคโนโลยี
ถึงแม้ปัจจุบันการผลิตชิพไอซีจะมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากจนกระทั่งคนในวงการอุตสาหกรรมเรียกมันว่าไฮเทคโนโลยีก็ตาม ขั้นตอนและกระบวนการที่ใช้ผลิตก็ยังอาศัยแบบแผนที่คิดค้นขึ้นมาตั้งแต่สมัยของเออร์นี และ นอยซ์

การผลิตชิพนั้นเริ่มต้นโดยการนำทรายมาแยกเอาซิลิกอนที่มีความบริสุทธิ์สูง ระดับ 99.9999999 เปอร์เซ็นต์ นั่นก็คือในหนึ่งพันล้านอะตอมนั้น จะมีอะตอมของธาตุอื่นปลอมปนมาได้ไม่เกินหนึ่งอะตอมเท่านั้น โดยปล่อยให้ซิลิกอนตกผลึกเป็นแท่งกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 6 ถึง 8 นิ้ว จากนั้นนำแท่งซิลิกอนมาฝานออกเป็นแผ่นกลมบางๆ ที่มีความหนาขนาด 0.002 นิ้ว ที่เรียกว่าแผ่นเวเฟอร์ (wafer) ขั้นตอนต่อไปก็คือ ทำให้ผิวของเวเฟอร์นั้นอยู่ในรูปของออกไซด์ โดยนำไปสัมผัสกับไอน้ำร้อนๆ ออกไซด์ดังกล่าวมีประโยชน์ในการเป็นฉนวนไฟฟ้า เป็นตัวควบคุมสนามไฟฟ้า เป็นตัวป้องกันการโดพ (dope) สารในบริเวณที่ไม่ต้องการ เนื่องจากความสามารถในการป้องกันแผ่นเวเฟอร์ จากการรบกวนจากภายนอกของชั้นออกไซด์ แผ่นเวเฟอร์จึงแทบจะไม่มีประโยชน์เลยหากถูกเคลือบโดยออกไซด์ทั้งหมด

ขั้นตอนต่อไปจึงต้องทำการขจัดชั้นของออกไซด์ออกไปในบริเวณที่จะใช้งาน วิธีนี้เรียกว่าวิธีสร้างลายวงจรด้วยแสง (Photolithography) โดยนำแผ่นเวเฟอร์มาเคลือบด้วยสารเคมีที่ไวต่อแสง โดยสารเคมีดังกล่าวจะละลายในตัวทำละลายได้ดีหากโดนแสง ดังนั้นเมื่อนำลายวงจรมาเป็นฉากกั้นหน้าแผ่นเวเฟอร์ แล้วฉายแสงลงไปบนฉาก บริเวณที่แสงส่องลงไปโดนเวเฟอร์นี้ แสงจะไปเปลี่ยนคุณสมบัติของสารเคมีที่เคลือบอยู่ทำให้ละลายออกได้ง่าย ซึ่งเมื่อผ่านตัวทำละลายลงไป มันก็จะไปขจัดเอาชั้นออกไซด์ออกไปด้วย ส่วนบริเวณที่ไม่โดนแสงก็ยังคงมีชั้นออกไซด์นั้นอยู่ ดังนั้นการทำ Photolithography หลายๆ ครั้ง ก็จะสามารถสร้างลายวงจรที่มีความซับซ้อนได้

รูปที่ 2 แผ่นเวเฟอร์หนึ่งแผ่นสามารถผลิตชิพได้นับร้อย สี่เหลี่ยมสีแดงในภาพคือขนาดของวงจรรวมทั้งหมดที่จะนำไปบรรจุในชิพ (ภาพจาก Fullman Company)
เมื่อได้แผ่นเวเฟอร์ที่มีลายวงจรมาแล้ว แผ่นเวเฟอร์จะถูกนำมาโดพด้วยสิ่งแปลกปลอมเพื่อให้ซิลิกอนมีสมบัตินำไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไป
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
Nano electronics At present we are living in a world of electronic and digital computers. Science of electronics makes the man; Build a facility up and it seems that we will not look at any property of human morals and spread out to Araya, the invention of the human being with the best of the electronic elements are almost all. Until the other electronic forms the basis of modern civilized the Dharma. Nano-technology in the article now focuses to a role of nanotechnology that are to adjust the direction and development of electronic, which are going to be arriving at the spots, can be developed. This can make for many travelers, the discomfort? Most computer engineers do not want to accept the truth. The fact that we may not be able to maintain the same statistics that we can develop a computer, there is a higher rate of speed that is higher, as Gordon Moore Intel disobeyed company founder. "the number of transistor, which is contained on this circuit, or microchip is increased.Only once every 18 months, "notong Say an name him as the rules of Moore (Moore Law), which has been accepted and is the pressure to produce chips, industry development phasamarot chip, there is a high speed, fast personal computer purchased new with an obsolete to every need. A year and a half, but this is going to be Moore's rule, wobbly. To increase the number of transistor to contain the size of the thumbnails on the circuit are coming to understand this situation limits severely all round obvious we would have come to understand the development of the electronics industry.The history of the electronics industry.History of the home of the electronic industry will start to come from the invention of the tube, ovary, colors, price of thot (Cathode Rays Tube), Sir William (Sir William Crookes) khruk in 1875 lead to the discovery of the x-ray, by roen (Wilhelm Conrad Roentgen) Genting Highlands in 1895, and the discovery of the electron by Thompson (Joseph Thomson) in 1897, and then in 1904 Fleming (John Ambrose Fleming) is a tube diode fabrication for the first time, which is the basis of all kinds of electronic equipment, and then again two years later, the forest (Lee De Forest) was able to fabricate a tube triode which can control the flow of electrons. The next year, another 13 are in the year 1919 chotki (Walter Schottky) invented the multiple vacuum tube anode. In addition, he has developed a theory that is used to describe the flow of electrons and holes in the electronic devices.พัฒนาการที่สำคัญของวงการอิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1940 หลังจากที่หลอดสุญญากาศแสดงบทบาท ในฐานะอุปกรณ์ควบคุมในเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายมาร่วม 3 ทศวรรษ โดยโอลห์ (Russell Shoemake Ohl) ค้นพบว่าผลึกซิลิกอนสามารถจะนำมาสร้างเป็นอุปกรณ์ไดโอดได้ ซึ่งนำไปสู่การคิดค้นทรานซิสเตอร์ของ ชอคลี (William Bradford Schockley) แบรตเทน (Walter H. Brattain) และ บาร์ดีน (John Bardeen) ในปี ค.ศ. 1948 หลังจากนั้นอุปกรณ์พวกสารกึ่งตัวนำได้เริ่มเข้ามาแทนที่หลอดสุญญากาศ ทำให้เครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ มีขนาดเล็กลงและราคาถูกลงมาก อย่างไรก็ตามก็ยังไม่เป็นที่พึงพอใจของอุตสาหกรรมเท่าไรนัก เนื่องจากว่าการสร้างเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ยังคงต้องนำอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำจำนวนมากมาต่อเชื่อมกันให้เป็นวงจรรวม ซึ่งเป็นงานที่ค่อนข้างยุ่งยาก จึงเกิดแนวความคิดที่จะทำให้อุปกรณ์หล่านั้น รวมทั้งวงจร ถูกยุบรวมเข้าไปบนสารกึ่งตัวนำที่เป็นชิ้นเดียว และแล้วในปี ค.ศ. 1959 เออร์นี (Jean Hoerni) และ นอยซ์ (Robert Noyce) ก็สามารถพัฒนาแผงวงจรรวมดังกล่าว (Integrated Circuit หรือ IC) ได้สำเร็จ และเพียงปีเดียวเท่านั้นแผงวงจรรวมดังกล่าวก็เข้าไปแทนที่อุปกรณ์สารกึ่งตัวนำแบบแยกส่วนถึง 90% เลยที่เดียว ในช่วงต้นๆ ของทศวรรษ 1960 นั้น วงจรรวมยังไม่มีความซับซ้อนมาก โดยอาจมีทรานซิสเตอร์ประมาณ 20-200 ตัวต่อแผ่นชิพหนึ่งแผ่น และเพิ่มขึ้นมาเป็น 200-5000 ตัวในช่วงปี 1970 ปัจจุบันนี้เรามีแผงวงจรรวมที่มีทรานซิสเตอร์นับล้านตัวเลยทีเดียว Figure 1 the complexity of an integrated circuit (from IBM)The production of micro-technology, ICSAlthough current production chips, phaai c, there will be a lot of progressive technology, until the people in the industry call it high-tech no Lo-Yi, according to the. The process and procedures used to produce the live map formulated since the reign of oeni and Noyce.การผลิตชิพนั้นเริ่มต้นโดยการนำทรายมาแยกเอาซิลิกอนที่มีความบริสุทธิ์สูง ระดับ 99.9999999 เปอร์เซ็นต์ นั่นก็คือในหนึ่งพันล้านอะตอมนั้น จะมีอะตอมของธาตุอื่นปลอมปนมาได้ไม่เกินหนึ่งอะตอมเท่านั้น โดยปล่อยให้ซิลิกอนตกผลึกเป็นแท่งกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 6 ถึง 8 นิ้ว จากนั้นนำแท่งซิลิกอนมาฝานออกเป็นแผ่นกลมบางๆ ที่มีความหนาขนาด 0.002 นิ้ว ที่เรียกว่าแผ่นเวเฟอร์ (wafer) ขั้นตอนต่อไปก็คือ ทำให้ผิวของเวเฟอร์นั้นอยู่ในรูปของออกไซด์ โดยนำไปสัมผัสกับไอน้ำร้อนๆ ออกไซด์ดังกล่าวมีประโยชน์ในการเป็นฉนวนไฟฟ้า เป็นตัวควบคุมสนามไฟฟ้า เป็นตัวป้องกันการโดพ (dope) สารในบริเวณที่ไม่ต้องการ เนื่องจากความสามารถในการป้องกันแผ่นเวเฟอร์ จากการรบกวนจากภายนอกของชั้นออกไซด์ แผ่นเวเฟอร์จึงแทบจะไม่มีประโยชน์เลยหากถูกเคลือบโดยออกไซด์ทั้งหมดขั้นตอนต่อไปจึงต้องทำการขจัดชั้นของออกไซด์ออกไปในบริเวณที่จะใช้งาน วิธีนี้เรียกว่าวิธีสร้างลายวงจรด้วยแสง (Photolithography) โดยนำแผ่นเวเฟอร์มาเคลือบด้วยสารเคมีที่ไวต่อแสง โดยสารเคมีดังกล่าวจะละลายในตัวทำละลายได้ดีหากโดนแสง ดังนั้นเมื่อนำลายวงจรมาเป็นฉากกั้นหน้าแผ่นเวเฟอร์ แล้วฉายแสงลงไปบนฉาก บริเวณที่แสงส่องลงไปโดนเวเฟอร์นี้ แสงจะไปเปลี่ยนคุณสมบัติของสารเคมีที่เคลือบอยู่ทำให้ละลายออกได้ง่าย ซึ่งเมื่อผ่านตัวทำละลายลงไป มันก็จะไปขจัดเอาชั้นออกไซด์ออกไปด้วย ส่วนบริเวณที่ไม่โดนแสงก็ยังคงมีชั้นออกไซด์นั้นอยู่ ดังนั้นการทำ Photolithography หลายๆ ครั้ง ก็จะสามารถสร้างลายวงจรที่มีความซับซ้อนได้ Figure 2 one wafer can produce hundreds of chips, ripped. The red rectangle in the image is the size of the integrated circuit, all of which will be packaged in a chip (from Fullman Company).When the wafer with a laiwongchon. Wafer to contain anything from domain to Silicon, nami, electrical properties that changed.
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
Nanoelectronics present we are living in a world of digital electronics and computers. Electronic Arts makes us human Creating many more amenities. And it seems that we will not look at any of that civilization spread to humans. We also found a human invention. Electronic components are a part of almost everyone. It can be said that electronics are the basis of modern civilization. In this article Nanotechnology Focuses on the role of nanotechnology is to change the direction. Development of Electronic and Science Which is set to arrive airless. To develop further To say this, Many may I do not feel as much at ease Most computer engineers did not want to accept this fact. The fact that we may not be able to maintain the same statistics. That we can develop a high-speed computer up at a higher rate as Gordon Moore, founder of Intel said. "The number of transistors on integrated circuits containing or microchip will double every 18 months increased," said a name for himself as Moore's Law (Moore's Law), which was accepted. And the pressure on the chip can develop chips. A higher speed quickly. And the newly purchased personal computers are a must for every obsolete. Half the same year But Moore's Law is going to be shaky. Increasing the number of transistors on the chip with the size of the cycle is coming to the limit. In order to understand this situation clearly. We will come to understand the development of the electronics industry's first electronic record of the history of the electronics industry. It began with the invention of the cathode ray tube (Cathode Rays Tube) Sir William Brooks (Sir William Crookes) in 1875, which led to the discovery of X-rays by the Rural Health. Bougainville (Wilhelm Conrad Roentgen) in 1895 and the discovery of the electron by Thomson (Joseph Thomson) in 1897 and then in 1904 Flemming (John Ambrose Fleming). light emitting diode was fabricated for the first time. It is the basis of all electronic devices, and then again two years later, the forest (Lee De Forest), it can be fabricated triode which can control the flow of electrons, the next 13 years is in the year. . Prof. 1919 Schott Music (Walter Schottky) invented the vacuum tube, multi-polarity. He also developed a theory that describes the flow of electrons and holes in electronics Development of the electronics industry, was formed in 1940 after the character vacuum fluorescent display. As electronic control devices in their third decade together by Old John (Russell Shoemake Ohl) found that crystalline silicon can be used to create a device diodes. This led to the invention of the transistor Shore Clean (William Bradford Schockley) Brad T. Farnsworth (Walter H. Brattain) and a Dean (John Bardeen) in 1948, after the semiconductor device. began replacing vacuum tubes Makes various electronic appliances Smaller and much cheaper. However, it was not much satisfaction in the industry. Since the creation of electronic semiconductor devices continue to be heavily connected to an integrated circuit. This is a relatively tricky Thus was born the idea to make devices for the predators that were merged into the circuit on a semiconductor is a single piece, and then in 1959, Ernie (Jean Hoerni) and Noyce (Robert Noyce. ) was able to develop integrated circuits such (Integrated Circuit or IC) has been achieved and only one year of integrated circuits, such that it replaces the semiconductor Separate up to 90% on the same period of the early 1960s. The integrated circuit is not very complicated. The transistor may have about 20-200 per sheet chips, one sheet. And increased to 200-5000 during the current year 1970, we have integrated circuits with millions of transistors ever Figure 1, the complexity of an integrated circuit (image from IBM) to manufacture IC - the role of micro-technology. Although current production of IC chips are more advanced technology in the industry, calling it a high-tech way. Procedures and processes for the production still relies Pattern invented since the days of Ernie and Neuss the chip begins by bringing sand to remove silicon with a high purity level 99.9999999 percent there. that is, one billion atoms. Atoms are so debased by no more than one atom only. By allowing the silicon to crystallize a circular bar with a diameter of 6 to 8 inches and then to slice silicon ingots into thin circular disks. With a thickness of 0.002 inch size, called wafers (wafer), the next step is. The surface of the wafer is in the form of oxides. By brought into contact with hot steam. Such oxides are useful in electrical insulation. As a control, electric field As the blocker doses (dope) in the area of unwanted substances. Due to its ability to prevent the wafers. By interference from the outside of the oxide layer. Wafer is almost useless if all ingredients are coated with oxide , the next step must be to eliminate layers of oxide to be active in the area. This method is called to create a circuit with light. (Photolithography) by bringing the wafer coated with light-sensitive chemicals. Such chemicals are dissolved in a solvent, if exposure to light. Therefore, when a short circuit wafer Partition page. Then beaming onto the scene. In the light shone into wafers by this. Light to change the properties of a chemical coating melt away easily. When the solvent down. It will eliminate a layer of oxide. The area is not being light, it still has an oxide layer is so for Photolithography many times it takes to build a complex circuit in Figure 2, a sheet wafer can produce hundreds of chips. Red square in the picture is the size of the whole circuit to be packed in a chip (picture Fullman Company) on a wafer, a circuit already. The wafer is taken up by unknown tracks to silicon electrical properties change.
















การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
1875 which led to the discovery of X-ray by roentgen (Wilhelm Conrad Roentgen) in A.D. 1895 and discovery อิเล็กตรอนโดย, Thomson. (Joseph Thomson) in A.D. 1897 then in 1975.The history of Electronics
history home of electronics. Should start from the invention of cathode ray tube (Cathode Rays Tube) of Sir William crook (Sir William Crookes) in 2009.Nano Electronics

.At present, we are living in the world of electronics and digital computers. The science of electronics to us humans. Create the facilities up many. And it looks like, whether we look atAnd the development of the science of electronics. Which is going to arrive, the deadlock can be further developed. Said this may make as many of you feel so uncomfortable. Computer engineers, most don't want to accept this.We find the invention of the human. With the electronics section composition almost all It can be said that electronic is the basis of modern civilization. Nanotechnology article now.We can develop computer to have higher speed at a higher rate, as Gordon Moore, the guy who founded Intel says. "The number of transistors on the integrated circuit which contains a sheet or microchip.A year and a half as well. However, Moore's law is be shaken. Increasing the number of transistors on a chip with the reduced size of the circuit is coming. In order to understand the situation clearly.18 month "speech also created a name for him as Moore's Law (Moore 's Law) which has been accepted. And the pressure to produce the chip industry can develop chip. To speed up drastically.The history of Electronics
history home of electronics. Should start from the invention of cathode ray tube (Cathode Rays Tube) of Sir William crook (Sir William Crookes) in 2009.The next 13 years is in C.1875 which led to the discovery of X-ray by roentgen (Wilhelm Conrad Roentgen) in A.D. 1895 and discovery อิเล็กตรอนโดย, Thomson. (Joseph Thomson) in A.D. 1897 then in 1975.1904 Fleming (John Ambrose Fleming) artificial tube diode up for the first time. It is the basis of all kinds of electronic equipment. Then again 2 years later forest (Lee De Forest).Professor 1919 shott GI (Walter Schottky) invented the vacuum tube with multiple poles. He also developed a theory that is used to describe the flow of electrons and holes in the electronics

key developments of electronic happened last year. Ad1940 after vacuum tubes play a role As a control device in electronic appliances shall join 3 decades by ole analysis (Russell Shoemake Ohl) discover that crystalline silicon can be used in a diode device.Choc Lee (William Bradford Schockley) Brad mountain (Walter H.Which is quite complicated. Thus, it will make the equipment, including the bombers circuit disbanded integrated on semiconductors as one piece, and then in C.After the semiconductor device 1948 began replaced vacuum tubes. The electronic apparatus. The smaller and cheaper down. However, it is still not satisfied of the industry very much.Brattain) and Bardeen (John Bardeen) in 2009.Prof.A decade 1960, integrated circuit is also very complex. By may have about 20-200 per sheet one transistor chip pad and increased as 200-5000 in the last years 1970 nowadays we have integrated circuits with transistor millions quite
.1959 Ernie (Jean Hoerni) and noise (Robert Noyce) can develop such integrated circuits (Integrated Circuit or IC) success. And just for one year only integrated circuits also replaced modular semiconductor device to 90% one.
Figure 1 complexity of integrated circuit (IC)
image from the IBM production - the role of MEMS
.Even if the present production chip IC technology is very advanced in the industry until called it that high technology. Procedures and processes used to produce also uses pattern invented since the days of Ernie.Production begins by introducing
chip sand remove silicon with high purity levels 99.9999999 percent. That is in one billion atoms. There will be other impurity atoms to no more than one atom. By letting silicon crystallization is a round bar with a diameter 6 to 8 inches.The thickness, size 0.002 inch called the wafer (wafer) the next step is. The surface of the wafer that is in the form of the oxide. By the contact with the steam and hot. Oxide such useful in a dielectric as a control electric field.(dope) substances in the unwanted. Due to the ability to prevent the wafer From the external disturbances of oxide. The wafer is almost useless if it is coated by oxide all
.
.The next step is to eliminate the layer of oxide out in the area to use. This method is called how to build the circuit with light (Photolithography). The wafer coating chemicals sensitive to light.Therefore, when the circuit to partition the front wafer and shine down on the scene, the แสงส่ look down a wafer. The light will change properties of the chemical coating thaw out easily. When through the solvent down.
Figure 2 wafer chip has one sheet can produce hundreds of Red Square in is the size of the integrated circuit to the packing in the chip (the picture of Fullman Company)
.The area without light still have I oxide is, so do Photolithography several times, can create a flexible circuit
.
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: