หาดแม่รำพึง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดระยอง
อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 11 กิโลเมตร จากถนนสุขุมวิท มีทางแยกขวาที่กิโลเมตร 229 เลียบเข้าชายหาด
เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ เขาแหลมหญ้า ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยาน 500 เมตร ห่างจาก
บ้านเพประมาณ 6 กิโลเมตร
ตัวหาดทรายขาวสะอาดอยู่ฝั่งแผ่นดินใหญ่ ถือเป็นหาดที่ยาวที่สุดของฝั่งทะเลด้านตะวันออก มีความยาว 12 กิโลเมตร
สุดหาดเป็นที่ตั้งของบ้านก้นอ่าวอันเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมงพื้น บ้าน ในอดีตบ้านก้นอ่าวเป็นหมู่บ้านที่ไกลที่สุด และมีลักษณะเป็นอ่าวเล็กๆ จึงเรียกกันว่า บ้านก้นอ่าว
ถนนเลียบชายหาดมีความยาว 10 กิโลเมตร มีที่พักและร้านอาหารทะเลมากมายไว้บริการนักท่องเที่ยว
จุดชมวิวที่น่าสนใจ แห่งหนึ่งของหาดแม่รำพึงคือ ลานหินขาว ตั้งอยู่ระหว่างกลางของหาด มีการจัด
วางสวนหินไว้อย่างสวยงาม ไว้สำหรับนั่งพักผ่อน โดยเฉพาะยามเย็นจะเห็นนักท่องเที่ยวแวะมานั่ง
เล่นมากมายรวมทั้งชาวบ้านในแถบนี้เองด้วย
ตำนานของหาดแม่รำพึงมาจากนิยายท้องถิ่นของจังหวัด เรื่อง ตาม่องล่าย
ตาม่องล่าย เป็นชาวพม่า มีเมียชื่อยายท้าว มีลูกสาวชื่อยมโดย ยมโดยเป็นสาวสวยจึงมีชายหนุ่ม มา
สนใจมากมาย แต่ตาม่องล่ายตั้งใจยกให้พระเจ้ากรุงจีน เพราะเห็นว่าร่ำรวย ลูกสาวจะได้สบาย
ส่วนยายท้าว ตั้งใจจะยกให้เจ้าลายซึ่งเป็นหนุ่มหน้าตาดีและขยัน ต่างฝ่ายต่างยกลูกสาวให้ โดยไม่ปรึกษาหารือกัน และไม่ถามความรู้สึกของลูกสาวแม้แต่น้อย
ครั้นใกล้วันแต่งงานตาม่องล่ายก็เตรียมออกไปหาปลา มาทำอาหารเลี้ยงแขก พบปลากระเบนใหญ่เข้าตัวหนึ่ง ก็ใช้หอกพุ่งเข้าแทง ปลากระเบนหลบทัน หอกเลยพุ่งทะลุเกาะเข้าเกาะหนึ่ง ทำให้เกาะนั้นมีรอยโหว่ใหญ่ ชาวประมงเลยเรียกว่า "เกาะทะลุ" ซึ่งอยู่หน้าอ่าวเพ ในปัจจุบัน
ถึงวันแต่งงานขันหมากของพระเจ้ากรุงจีนก็ยกมาพอดีกับขันหมากของเจ้าลาย
ตาม่องล่ายกับยายท้าวต่างฝ่ายต่างกล่าวหาว่า อีกฝ่ายหนึ่งทำอะไรโดยไม่ปรึกษาหารือ ในที่สุดก็ทะเลาะกันรุนแรง
ยายท้าวโกรธมาก หนีไปสงบสติอารมณ์ที่ชายหาดระยอง จึงเรียกชื่อต่อมาว่า "หาดแม่รำพึง" จนทุกวันนี้
นอกจากนี้ยังมีอีกตำนานหนึ่งที่เล่าสืบต่อกันมาว่า มีหญิงสาวชาวบ้านมาโดดน้ำฆ่าตัวตายที่ทะเลแห่งนี้ เนื่องจากผิดหวังในความรักจึงเป็นที่มาของ "หาดแม่รำพึง" เช่นกัน
ไม่ว่าตำนานจะร่ำลือเช่นไร ปัจจุบันหาดแม่รำพึงก็มีชื่อว่าเป็นหาดอาถรรพณ์ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวมาจบชีวิตที่หาดแห่งนี้ทุกปี ดังที่เป็นข่าวให้ได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน
แต่บรรดานักท่องเที่ยวก็ไม่หวาดหวั่น ยังคงเดินทางมาอย่างไม่ขาดสาย และในที่สุดก็จบชีวิตลงอย่างที่มีการร่ำลือกัน