Bent said the policy phindi of Mr. Donald Tharam tends to focus on reforms and not support trade liberalization, which will give direction to economic policy, the U.S. Government is different from before, quite clearly. Emphasizing the importance of increasing domestic demand (in particular promoting investment through tax measures), focus on protecting u.s. trade policy. It is clear that to reject foreign refugees and foreign workers, and less for environmental issues. For foreign policy. Are likely to review the relationship, and to provide assistance to partner countries a new? However, there are also issues like the possibility of these policies that is practical or not, which may lead to no longer believe in the economic system and cause volatility in the short term.Short term effects. Expected to have an impact on the financial markets, capital markets, clearly, but the real economic sectors (Real Sector) is not likely to change significantly by. Money market, capital market has clearly affected. As well as the impact of the case Brexit that makes global stock market volatility, dollar values. Soft values. The stock market fall dramatically However, during the rest of the year. The U.S. economic situation and the overall world economy probably hasn't changed much. Thus, Thailand's exports during the remaining still likely expand based on the forecast. สำหรับในปีต่อไปนั้น ไทยคงต้องจับตาการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ที่อาจจะเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงและไม่แน่นอนที่อาจมีขึ้นในเศรษฐกิจโลก ที่อาจส่งผลด้านต่าง ๆ เช่น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีขึ้นหรือไม่ ราคาน้ำมันจะขึ้นตามที่คาดไว้หรืออาจจะเกิดการผันผวนอย่างมาก ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับดอกเบี้ยขึ้นตามที่คาดหรือไม่ ฯลฯ ซึ่งความผันผวนเหล่านี้ จะส่งผลต่อการส่งออกและการค้าระหว่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีความผันผวน และราคาสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ผลกระทบจากนโยบายลดภาษียังต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวต่ำกว่าการคาดการณ์ของIMF(ร้อยละ 2.2 และร้อยละ 3.4 ตามลำดับ) โดยภาพรวมแล้วจะทำให้การส่งออกของไทยในปี 2560 มีความเสี่ยงและท้าทายมากขึ้น เพื่อที่จะกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 ปีผลกระทบระยะยาว ด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศนายโดนัลด์ ทรัมป์มีแนวโน้มคัดค้าน TPP อย่างชัดเจน แต่คาดว่าจะมีการเจรจาการค้าฉบับใหม่ที่มีลักษณะปกป้องผลประโยชน์พลเรือนอเมริกันมากขึ้น ซึ่งอาจนำมาสู่การขยายแนวความคิดด้านชาตินิยมและไม่ให้ความสำคัญกับการค้าเสรีไปสู่ประเทศต่างๆ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการขยายตัวปริมาณการค้าโลก ซึ่งในประเด็นนี้ไทยก็พร้อมจะพิจารณาสานความสัมพันธ์ทางการค้าผ่านเวทีอื่นๆเพื่อเป็นทางเลือกด้านนโยบายการคลัง ความไม่สอดคล้องกันระหว่างการลดภาษีภายในประเทศเพื่อกระตุ้นการลงทุน ผนวกกับแนวโน้มการกีดกันการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ เมื่อรวมกับผลกระทบจากต้นทุนทางการเงิน และหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น อาจนำไปสู่ความยุ่งยากในการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ ซึ่งในระยะยาว อาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญได้ นอกจากนั้น นโยบายปรับลดภาษีนิติบุคคล เพื่อส่งเสริมการลงทุนและการจ้างงานในประเทศ ในขณะที่มีการปกป้องการค้าจากประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้น น่าจะทำให้การลงทุนของสหรัฐฯ ในต่างประเทศยังอยู่ในระดับปกติ (เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้) โดยเฉพาะประเทศ/กลุ่มคู่ค้าที่มีศักยภาพสูง ส่วนเศรษฐกิจโลก ความผันผวนและนโยบายกีดกัน อาจทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์เดิม ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวน และจะมีความซับซ้อนจากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่นายทรัมป์อาจจะประกาศต่อไปนางอภิรดีฯ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึง ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการส่งออกไทย ว่าการส่งออกจะมีความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันสหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย (ถ้าไม่นับอาเซียน 10 ประเทศรวมกัน) โดยในปี 2558 ไทยมีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ 24,055 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.2 ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด โดยมีสินค้าสำคัญ อาทิ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์และส่วนประกอบ และเครื่องนุ่มห่ม รวมทั้งอาหารทะเลและผลไม้กระป๋องแปรรูป ซึ่งสินค้าเหล่านี้มีสัดส่วนรวมกันถึงร้อยละ 51.4 ของการส่งออกไทยไปสหรัฐฯทั้งหมด ดังนั้น หากสหรัฐฯ มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าในทิศทางที่มีการกีดกันมากขึ้น ประกอบกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าโลกโดยรวม จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการส่งออกของไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ค่อนข้างมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จึงมั่นใจว่า ผลกระทบต่อเราจะไม่รุนแรงมากนัก แต่อยากให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายเล็กเตรียมปรับตัวเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงและความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นไว้ โดยเฉพาะที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนในด้านการเจรจาการค้ากับประเทศอื่นๆ อาจจะมีโอกาสที่จะปรับตัวดีขึ้น เพื่อชดเชยการค้าที่ลดลงกับสหรัฐฯ ในขณะที่การลงทุนโดยตรงจากสหรัฐฯ ในไทย ในระยะนี้อาจไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงมากนัก เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและมีศักยภาพในการขยายตัวในเกณฑ์ดี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นระยะๆอย่างต่อเนื่องท้ายสุด กระทรวงพาณิชย์ก็ขอยินดีกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ภายใต้นโยบายใหม่ๆ ซึ่งไม่ว่าใครจะได้รับการคัดเลือกจากประชาชนให้เข้ามาเป็นผู้นำสหรัฐฯ รัฐบาลไทยก็ยินดีและพร้อมจะทำงานด้วยทุกคน เพื่อประโยชน์ของประชาชนของทั้งสองประเทศ
การแปล กรุณารอสักครู่..
