ฉาก2 MM,PjA,WkAPjA : โปรเจคที่กลุ่ม

ฉาก2 MM,PjA,WkA
PjA : โปรเจคที่กลุ่มเราได้รับมอบหมายก็คือ การเพิ่มยอดขาย และสิ่งที่คิดว่าน่าจะได้ผลที่สุดก็คือการจัดทำโปรโมชั่น นี้คือที่รวบรวมมาและคิดว่าน่าจะเหมาะกับร้านเรา อยู่ในเอกสารการตรงหน้าคุณ โปรโมชั่นที่เราคิดมาคือ 1.การเช็คอินเพื่อลดราคา 2.การทำสะสมแต้มเพื่อแลกสินค้า

WkA1: โปรโมชั่นแรก เป็นถ่ายรูปและเช็คอินที่ร้านจะลดราคา 5%โปรโมชั่นแบบแรกนี้ เป็นโปรโมชั่นที่เห็นได้บ่อยมากเพราะทำได้ง่ายที่สุด การลดราคามีทั้งลดราคาเป็นเปอร์เซนต์ (%) ข้อดีของการลดราคาแบบนี้ คือช่วยให้ร้านค้าที่มีสินค้าจำนวนมากสามารถจัดการได้ง่าย นอกจากนั้น ตัวเลข 5% หรือ 10% ยังมีผลทางจิตวิทยาในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าด้วย

WkA2: ส่วนอันที่2 คือสะสมแต้มมาแลกแซนวิซฟรี1ชิ้น คือทางเราจะให้บัตรสะสมแต้มกับลูกค้า เมื่อลูกค้าสะสมแต้มครบตามที่เรากำหนดก็สามารถนำไปแลกรับของรางวัลคือแซนวิซฟรี อาจจะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าขาประจำมาก และอาจจะนำไปสู่การทำบัตรสมาชิกเพิ่มขึ้นด้วย

PjA: จาก2โปรโมชั่นที่เรานำเสนอไป คุนคิดเห็นว่ายังไงบ้าง?

MM: จากข้อมูลที่คุนให้ฉันดูแล้ว โปรโมชั่นแรกเนี่ย ส่วนใหญ่จะเหมาะใช้กับแบรนด์ใหญ่ๆ เช่น แบรนด์ในห้างก็จะมีจัดลดราคาเป็นฤดูกาลแต่โปรโมชั่นการลดราคาอาจจะเหมาะกับสินค้าขายเอากำไรสูงอย่าง เสื้อผ้า หรือเครื่องสำอาง เพราะการลดราคาถึงแม้จะช่วยให้ขายสินค้าได้เยอะขึ้นจริง แต่บางทีค่าตอบแทนอาจไม่คุ้มค่าเหนื่อยที่เสียไป ส่วนโปรโมชั่นที่2 วิธีนี้มีข้อดีตรงที่จะช่วยให้ลูกค้าไม่หนีไปซื้อสินค้าจากร้านอื่น แต่เราจะไม่ได้กำไรมากมายในเวลาอันสั้น แต่ก็มีประโยชน์ในระยะยาวจากการซื้อที่สม่ำเสมอของลูกค้า ส่วนตัวฉันคิดว่า อันที่2น่าจะเหมาะที่สุดกับร้านของเรานะ หรือใครมีความคิดเห็นว่ายังไง?

PjA: ฉันก็เห็นด้วยกับคุนนะ ว่าโปรโมชั่นที่2อาจจะเหมาะกับเรามากว่า
WkA1,2: เห็นด้วย
PjA: โอเคค่ะ จบการประชุมค่ะ

ฉาก3 MM, pjA, WkA
นั่งทำงาน
PjA: (เดินเข้ามา) พวกคุน อย่าลืมทำเอกสารที่จะต้องส่งเรื่องให้ท่านประทานด้วยนะ ถ้าใครมีปันหาอะไรติดตรงไหนบอกฉันได้นะ เดี๋ยวฉันจะไปคิดคำนวนเรื่องกำไรจากโปรเจคก่อน(เดินออก)
MM: (เดินเข้ามา) พวกคุนมีปันหาตรงไหนหรือป่าว? มีอะไรเพิ่มเติมหรือสงสัยอะไร ถามฉันได้นะ (เดินออก)
W1: เทอตอนเราคิดกันอะ คิดไว้หลายอย่าง เลือกกันลำบากมากเลยเนาะ ว่าจะเอาอันไหนดี
W2: อือใช่ๆ ตัดสินยากจนต้องส่งไปให้หัวหน้าเราเลือกอีกทีเลย แต่หัวหน้าเราก็ดูเรื่องกำไรเป็นหลักอยู่แล้ว
W1: แต่ก้อดีเนาะที่เราได้coกับMM ช่วยได้เยอะเลย หัวหน้าเราก้อทำการเงิน ที่ปรึกษาก็เป็นการตลาด
W2: เออ ได้ที่ปรึกษาเฉพาะทางแบบนี้ก้อดีเหมือนกันนะ รู้เลยว่าแบบไหนได้ผลออกมายังไง มันทำให้ตัดสินใจเร็วขึ้น งานก้อเดินไวขึ้นด้วย

ฉาก4
PjB: การลดต้นซึ่งโดยปกติแล้วต้นทุนรวมจะประกอบด้วย ต้นทุนคงที่ประมาณ 20% ต้นทุนผันแปรประมาณ 80% ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วการลดต้นทุนที่ต้นทุนผันแปรจะลดได้ง่ายกว่าต้นทุนคงที่ เราจึงเลือกที่จะลดต้นทุนผันแปรมากกว่า

W1) อย่างแรกคือการเพิ่มราคาสินค้า ซึ่งจะทำให้ได้กำไรมากกว่าการลดต้นทุนการผลิตลง

MM: แต่ต้องระวังเรื่องกำลังซื้อของลูกค้าที่อาจจะลดลงได้

PjB: แต่ผมว่ามันเป็นทางที่ทำได้ง่ายและเห็นผลไวที่สุด

W2) ต่อมาก็คือบริหารค่าล่วงเวลาให้มีประสิทธิภาพ เราจะควบคุมค่าล่วงเวลา 20%

MM: แต่ฉันไม่เห็นเพราะเค้านิยมควบคุมค่าล่วงเวลาให้อยู่ในช่วงระหว่าง7-15%

PjB: ถ้าพนักงานได้ผลตอบแทนมากจะเป็นแรงจูงใจในการทำงานให้เราดียิ่งขึ้นและได้ประสิทธิภาพมากขึ้น

W1: ใช้วัตถุดิบที่มีราคาถูกที่สุด ไม่เลือกใช้แต่วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีเลิศ เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกกว่า เพื่อให้ลดของเสียจากวัตถุดิบที่ใช้ไม่ได้

MM: กระทบต่อคุณภาพสินค้าที่ส่งมอบลูกค้าตามที่ตกลงกัน ซึ่งการใช้วัตถุดิบราคาถูกกว่า ต้องศึกษาด้านเทคนิคก่อนในเรื่องของคุณภาพสินค้า และปริมาณที่จะนำมาทดแทน

PjB: แต่ถ้ายิ่งใช้ถูกเท่าไร เราก้อยิ่งได้กำไรมากขึ้นเท่านั้น

W2: การบริหารสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพ โดยไม่ให้มีสินค้าคงคลังในปริมาณที่มาก หรือใช้
ระบบ Just in Time

MM: ซึ่งการบริหารสินค้าคงคลังต้องพิจารณาให้ดี ต้องหาระดับสินค้าคงคลังให้เหมาะสม และต้องพิจารณาผลกระทบด้วย

PjB:อันนี้ฉันเห็นด้วยถ้ามีวัตถุดิบคงคลังในปริมาณที่น้อยเกินไป อาจทำให้ไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร หรือเครื่องจักรหลักอาจต้องหยุดเดินหากวัตถุดิบมีปริมาณไม่เพียงพอ

MM: โอเคค่ะ ก็อย่างที่ฉันอธิบายไปตอนที่พูดละค่ะ

PjB: ครับก็ตามนั้นแหละ โอเคจบการประชุม
( MM, PjB ลุกออกจากห้อง)

ฉาก5
1: เออ ตกลงว่าเราจะเปลี่ยนการควบคุมค่าล่วงเวลาเป็นกี่%นะ?? งงอ่ะ
2: เออว่ะ สับสนมากเลย ตกลงเราจะเชื่อใครดีว่ะ?
(PjB เดินเข้ามา)
PjB: พวกคุนโอเคไม? งง อะไรไม? ผมเป็นหัวหน้าพวกคุนนะ พวกคุนเป็นลูกน้องผม ถามผมได้ทุกอย่าง
1: เฮ้อ... พูดขนาดนี้ เราก็ต้องเชื่อหัวหน้าป่ะ
2: นั้นดิ
(MM เดินเข้ามา )
1: (กระซิบ) อุ้ย เข้ามาแล้วๆ
MM: สงสัยตรงไหนไม บอกได้นะ ฉันถนัดเรื่องการตลาดนะ รู้เรื่องการตลาดเยอะ พวกเทอถามได้นะ
(MM เดินออก)
2: สรุป เราต้องฟังใคร โอ้ย... สับสนไปหมดแล้วๆ
1: โครตไม่โอเคอ่ะ

ฉาก6
(ทุกคนนั่งอยู่ในห้อง ประทานเดินเข้ามา)
GM: สวัสดีค่ะ ขอบคุนทุกคนที่เข้าม่ประชุมวันนี้นะคะ ฉันได้ดูผลงานของทั้ง2โปรเจคแล้ว และคิดว่า พวกคุนทำออกมาได้ดีที่เดียว ฉันพอใจกับผลงานของพวกคุนมากค่ะ และสุดท้ายนี้ ใครมีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรให้ดารทำงานบ้างไมค่ะ?
WA1: ฉันคิดว่าการทำงานแบบนี้ มันช่วยอะไรได้มากค่ะ ช่วยในการตัดสินใจ และดำเนินงานได้ไวขึ้นค่ะ
WB2: แต่ฉันคิดว่า มีมีปัญหาตรงสับสนในการสั่งงาน เพราะว่าเรามีหัวหน้า2คน
WA2: แต่เราก็ได้ข้อมูลเชิงลึกจากการประสานงานกับฝ่ายการตลาดด้วยนะคะ ทำให้รู้ข้อดี ข้อเสียของสิ่งที่เราคิดไว้
GM: โอเคค่ะ ขอบคุนสำหรับทุกๆความคิดเห็นนะคะ โปรเจคนี้ก็สิ้นสุดลงแล้ว และผลงานออกมาดี ต้องขอขอบคุนทุกคนที่ตั้งใจทำงานนะคะ ขอบคุนค่ะ
(ทุกคนปรบมือ และลุกขึ้นจับมือกันด้วยความเคารพ)
จบ

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

2 MM, WkA, PjAProject group: PjA we are assigned, it is to increase sales and what they think will be the ultimate outcome, it is promotion. This is gathered and to think we are in front of you. We think that the promotion is a discount to check-in. 2. redemption of bonus items.WkA1: the first is the promotion of check-in at the store to take photos and 5% discount for the first promotion, promotion, this is seen very often, because most easily made. The price cuts have reduced prices as a percentage. (%) Of the advantages of this model is to give a discount store where there are lots of items can be handled easily. In addition, 5% or 10% numbers also have a psychological effect on the customer's purchase decision.WkA2: one part 2 Points are redeemed sofri 1 piece sandwich. What we will provide customers with loyalty cards. When a customer loyalty as we define it can lead to redemption of awards may be sofri sandwich is increasing the number of regular customers very much, and may lead to increased membership card.PjA: from 2 promotions we offer, go to nakhit see that Goku?MM: จากข้อมูลที่คุนให้ฉันดูแล้ว โปรโมชั่นแรกเนี่ย ส่วนใหญ่จะเหมาะใช้กับแบรนด์ใหญ่ๆ เช่น แบรนด์ในห้างก็จะมีจัดลดราคาเป็นฤดูกาลแต่โปรโมชั่นการลดราคาอาจจะเหมาะกับสินค้าขายเอากำไรสูงอย่าง เสื้อผ้า หรือเครื่องสำอาง เพราะการลดราคาถึงแม้จะช่วยให้ขายสินค้าได้เยอะขึ้นจริง แต่บางทีค่าตอบแทนอาจไม่คุ้มค่าเหนื่อยที่เสียไป ส่วนโปรโมชั่นที่2 วิธีนี้มีข้อดีตรงที่จะช่วยให้ลูกค้าไม่หนีไปซื้อสินค้าจากร้านอื่น แต่เราจะไม่ได้กำไรมากมายในเวลาอันสั้น แต่ก็มีประโยชน์ในระยะยาวจากการซื้อที่สม่ำเสมอของลูกค้า ส่วนตัวฉันคิดว่า อันที่2น่าจะเหมาะที่สุดกับร้านของเรานะ หรือใครมีความคิดเห็นว่ายังไง?PjA: ฉันก็เห็นด้วยกับคุนนะ ว่าโปรโมชั่นที่2อาจจะเหมาะกับเรามากว่าWkA1,2: เห็นด้วยPjA: โอเคค่ะ จบการประชุมค่ะฉาก3 MM, pjA, WkAนั่งทำงานPjA: (เดินเข้ามา) พวกคุน อย่าลืมทำเอกสารที่จะต้องส่งเรื่องให้ท่านประทานด้วยนะ ถ้าใครมีปันหาอะไรติดตรงไหนบอกฉันได้นะ เดี๋ยวฉันจะไปคิดคำนวนเรื่องกำไรจากโปรเจคก่อน(เดินออก)MM: (เดินเข้ามา) พวกคุนมีปันหาตรงไหนหรือป่าว? มีอะไรเพิ่มเติมหรือสงสัยอะไร ถามฉันได้นะ (เดินออก)W1: เทอตอนเราคิดกันอะ คิดไว้หลายอย่าง เลือกกันลำบากมากเลยเนาะ ว่าจะเอาอันไหนดีW2: อือใช่ๆ ตัดสินยากจนต้องส่งไปให้หัวหน้าเราเลือกอีกทีเลย แต่หัวหน้าเราก็ดูเรื่องกำไรเป็นหลักอยู่แล้วW1: แต่ก้อดีเนาะที่เราได้coกับMM ช่วยได้เยอะเลย หัวหน้าเราก้อทำการเงิน ที่ปรึกษาก็เป็นการตลาด W2: เออ ได้ที่ปรึกษาเฉพาะทางแบบนี้ก้อดีเหมือนกันนะ รู้เลยว่าแบบไหนได้ผลออกมายังไง มันทำให้ตัดสินใจเร็วขึ้น งานก้อเดินไวขึ้นด้วยฉาก4PjB: การลดต้นซึ่งโดยปกติแล้วต้นทุนรวมจะประกอบด้วย ต้นทุนคงที่ประมาณ 20% ต้นทุนผันแปรประมาณ 80% ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วการลดต้นทุนที่ต้นทุนผันแปรจะลดได้ง่ายกว่าต้นทุนคงที่ เราจึงเลือกที่จะลดต้นทุนผันแปรมากกว่า
W1) อย่างแรกคือการเพิ่มราคาสินค้า ซึ่งจะทำให้ได้กำไรมากกว่าการลดต้นทุนการผลิตลง

MM: แต่ต้องระวังเรื่องกำลังซื้อของลูกค้าที่อาจจะลดลงได้

PjB: แต่ผมว่ามันเป็นทางที่ทำได้ง่ายและเห็นผลไวที่สุด

W2) ต่อมาก็คือบริหารค่าล่วงเวลาให้มีประสิทธิภาพ เราจะควบคุมค่าล่วงเวลา 20%

MM: แต่ฉันไม่เห็นเพราะเค้านิยมควบคุมค่าล่วงเวลาให้อยู่ในช่วงระหว่าง7-15%

PjB: ถ้าพนักงานได้ผลตอบแทนมากจะเป็นแรงจูงใจในการทำงานให้เราดียิ่งขึ้นและได้ประสิทธิภาพมากขึ้น

W1: ใช้วัตถุดิบที่มีราคาถูกที่สุด ไม่เลือกใช้แต่วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีเลิศ เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกกว่า เพื่อให้ลดของเสียจากวัตถุดิบที่ใช้ไม่ได้

MM: กระทบต่อคุณภาพสินค้าที่ส่งมอบลูกค้าตามที่ตกลงกัน ซึ่งการใช้วัตถุดิบราคาถูกกว่า ต้องศึกษาด้านเทคนิคก่อนในเรื่องของคุณภาพสินค้า และปริมาณที่จะนำมาทดแทน

PjB: แต่ถ้ายิ่งใช้ถูกเท่าไร เราก้อยิ่งได้กำไรมากขึ้นเท่านั้น

W2: การบริหารสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพ โดยไม่ให้มีสินค้าคงคลังในปริมาณที่มาก หรือใช้
ระบบ Just in Time

MM: ซึ่งการบริหารสินค้าคงคลังต้องพิจารณาให้ดี ต้องหาระดับสินค้าคงคลังให้เหมาะสม และต้องพิจารณาผลกระทบด้วย

PjB:อันนี้ฉันเห็นด้วยถ้ามีวัตถุดิบคงคลังในปริมาณที่น้อยเกินไป อาจทำให้ไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร หรือเครื่องจักรหลักอาจต้องหยุดเดินหากวัตถุดิบมีปริมาณไม่เพียงพอ

MM: โอเคค่ะ ก็อย่างที่ฉันอธิบายไปตอนที่พูดละค่ะ

PjB: ครับก็ตามนั้นแหละ โอเคจบการประชุม
( MM, PjB ลุกออกจากห้อง)

ฉาก5
1: เออ ตกลงว่าเราจะเปลี่ยนการควบคุมค่าล่วงเวลาเป็นกี่%นะ?? งงอ่ะ
2: เออว่ะ สับสนมากเลย ตกลงเราจะเชื่อใครดีว่ะ?
(PjB เดินเข้ามา)
PjB: พวกคุนโอเคไม? งง อะไรไม? ผมเป็นหัวหน้าพวกคุนนะ พวกคุนเป็นลูกน้องผม ถามผมได้ทุกอย่าง
1: เฮ้อ... พูดขนาดนี้ เราก็ต้องเชื่อหัวหน้าป่ะ
2: นั้นดิ
(MM เดินเข้ามา )
1: (กระซิบ) อุ้ย เข้ามาแล้วๆ
MM: สงสัยตรงไหนไม บอกได้นะ ฉันถนัดเรื่องการตลาดนะ รู้เรื่องการตลาดเยอะ พวกเทอถามได้นะ
(MM เดินออก)
2: สรุป เราต้องฟังใคร โอ้ย... สับสนไปหมดแล้วๆ
1: โครตไม่โอเคอ่ะ

ฉาก6
(ทุกคนนั่งอยู่ในห้อง ประทานเดินเข้ามา)
GM: สวัสดีค่ะ ขอบคุนทุกคนที่เข้าม่ประชุมวันนี้นะคะ ฉันได้ดูผลงานของทั้ง2โปรเจคแล้ว และคิดว่า พวกคุนทำออกมาได้ดีที่เดียว ฉันพอใจกับผลงานของพวกคุนมากค่ะ และสุดท้ายนี้ ใครมีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรให้ดารทำงานบ้างไมค่ะ?
WA1: ฉันคิดว่าการทำงานแบบนี้ มันช่วยอะไรได้มากค่ะ ช่วยในการตัดสินใจ และดำเนินงานได้ไวขึ้นค่ะ
WB2: แต่ฉันคิดว่า มีมีปัญหาตรงสับสนในการสั่งงาน เพราะว่าเรามีหัวหน้า2คน
WA2: แต่เราก็ได้ข้อมูลเชิงลึกจากการประสานงานกับฝ่ายการตลาดด้วยนะคะ ทำให้รู้ข้อดี ข้อเสียของสิ่งที่เราคิดไว้
GM: โอเคค่ะ ขอบคุนสำหรับทุกๆความคิดเห็นนะคะ โปรเจคนี้ก็สิ้นสุดลงแล้ว และผลงานออกมาดี ต้องขอขอบคุนทุกคนที่ตั้งใจทำงานนะคะ ขอบคุนค่ะ
(ทุกคนปรบมือ และลุกขึ้นจับมือกันด้วยความเคารพ)
จบ

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

The scene 2 MM PjA WkA,,,PjA: project group assignment is to increase sales. What should be the upshot is and preparation promotion. This is collected and think would suit store. In the front of you. The promotion we think here 1. Check-in to reduce 2. Do accumulate points to exchange goods.WkA1: first promotion is photographed and check-in at the store discount promotions 5% first. As a promotion to see very often because it as simple as possible. Discount discount is the percentage (%), the advantages of price. Is to help the shops with many goods can be handled easily. In addition, the numbers 5% or 10% ยังมีผล psychological in the purchase decision of customers.WkA2: the second is accumulated points exchanged sandwiches free 1 pieces. Is the way we make point cards to customers. When customers accumulate points as we define it can be applied to all the redemption is a sandwich for free. Can help increase the number of regulars. And may lead to increased do membership card.PjA: from 2 promotions that we present to you think that?MM: from the information that you let me see, first promotion is mainly suitable to use with big brands, such as brand in the store is organized as the season but promotions discount discount may be suitable for selling products get high profit. Clothes or cosmetics. Because the price even help sell more real. But perhaps the compensation may not worth lost the promotion to number two. This method has the advantages in that will help customers didn"t buy items from the shop. But we will not profit a lot in a short time. But it is useful on long term purchase) of customers, personally, I think the second most น่าจะเหมาะ to our shop. Or any ideas?PjA: I agree with you that the second promotion may be suitable for us.WkA1, the 2: agreed.PjA: OK, the end of the meeting.The scene 3 MM pjA WkA,,,Sitting work.PjA: (walks) who you are, don"t forget to do the documents that must be sent to the president. If there"s a problem what stick it, tell me. I"ll figure about profits from pro.