การปฐมพยาบาล1. นำสิ่งอุดตันทางเดินหายใจออกก่อนเพื่อให้สามารถหายใจได้สะ การแปล - การปฐมพยาบาล1. นำสิ่งอุดตันทางเดินหายใจออกก่อนเพื่อให้สามารถหายใจได้สะ อังกฤษ วิธีการพูด

การปฐมพยาบาล1. นำสิ่งอุดตันทางเดินห

การปฐมพยาบาล
1. นำสิ่งอุดตันทางเดินหายใจออกก่อนเพื่อให้สามารถหายใจได้สะดวก โดยล้วงสิ่งอุดตันออกจากปากถ้ามองเห็น หรือใช้วิธีการตบบริเวณกลางหลัง ระหว่างสะบักทั้ง 2 ข้าง แรงๆ 2-3 ครั้ง เพื่อให้สิ่งที่อุดตันนั้นหลุดออก
2. ถ้าอากาศเป็นพิษ หรือมีอากาศไม่เพียงพอ ให้รีบนำผู้เป็นลมออกมาในที่มีอากาศบริสุทธิ์ และถ่ายเทได้ดีก่อน
3. เมื่อแก้ไขในข้อ 1 และข้อ 2 แล้ว จึงให้การช่วยเหลือ โดยจัดท่าให้ผู้เป็นลมนอนหงายให้ศีรษะต่ำ อาจหาวัสดุรองยกปลายเท้าให้สูงประมาณ 1 ฟุต ให้หันหน้าตะแคงไปข้างใดข้างหนึ่ง คลายเสื้อผ้าให้หลวม อย่าให้คนมุงดู เพราะต้องการให้อากาศถ่ายเทได้ดี ให้ดมแอมโมเนียหรือยาดม แล้วใช้ผ้าซุบน้ำเช็ดหน้า ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรนำส่งโรงพยาบาล
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ไฟไหม้และน้ำร้อนลวก
เมื่อมีเหตุเพลิงไหม้ เกิดขึ้นก็อาจมีผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งอาจจะเป็นประชาชนผู้ประสบภัย หรือ ตัวเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ที่เข้า ปฏิบัติหน้าที่เอง และที่หน่วยพยาบาลพบก็จะมีอาการสำลักควันไฟ และไฟไหม้ผิวหนังที่ห่อหุ้มปกคลุมร่างกายของเราเมื่อผิวหนังถูกทำร้ายด้วยความร้อนเกิดเป็นแผลไหม้จะะทำให้เกิดอันตรายตั้งแต่น้อยจนถึงเสียชีวิตได้แผลไหม้เกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายสัมผัสกับความร้อนสารเคมี กระแสไฟฟ้าหรือรังสีมากเกินไป ทำให้ผิวหนังไหม้ เนื้อเยื่อถูกทำลาย หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกต้องทันทีความรุนแรงของแผลไหม้ก็ยิ่งจะมีผลต่อผู้ประสบภัยมากขึ้นเท่านั้น การปฐมพยาบาลเบื้องต้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
หลักการปฐมพยาบาลไฟไหม้และน้ำร้อนลวก
1. หยุดยั้งความร้อนโดยปฏิบัติดังนี้
- ดับไฟด้วยน้ำราด หรือใช้ผ้าหนา ๆ คลุมตัว
- ถอดเสื้อผ้าที่ไฟไหม้ หรือถูกน้ำร้อนพร้อมเครื่องประดับที่อมความร้อนออกให้หมด
2. ตรวจร่างกาย ดูการหายใจ ดังนี้
- การหายใจถ้าพบสิ่งผิดปกติ เช่น เสียงแหบ หายใจผิดปกติ ต้องรีบช่วยหายใจโดยเร็ว
- ชีพจรถ้าเบามากหรือไม่เต้นต้องรีบช่วยนวดหัวใจ
- ถ้าบาดเจ็บมีเลือดออกต้องรีบห้ามเลือดก่อน
ผู้ป่วยแผลไหม้จากสารเคมี ถ้าเป็นสารเคมีอันตราย บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้าไปยังจุดที่เกิดเหตุโดยเด็ดขาด ให้ติดต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น กรมควบคุมมลพิษนำผู้ป่วยออกจากที่เกิดเหตุ ล้างทำความสะอาดแล้วค่อยเข้าให้การช่วยเหลือต่อไปแต่หากไม่ใช่สารเคมีอันตราย มีวิธีปฏิบัติดังนี้
1.สารเคมีชนิดผง ให้รีบถอดเสื้อผ้า เครื่องประดับและปัดสารออกจากผิวหนัง ก่อนใช้น้ำสะอาดล้างโดยวิธีตักราดหรือเปิดน้ำไหลผ่านนานประมาณ 10 นาที
2.สารเคมีที่เป็นของเหลว ถอดเสื้อผ้าเครื่องประดับ ล้างด้วยน้ำสะอาด 10-15 นาที
3.สารเคมีพวกฟอสฟอรัส ห้ามใช้น้ำหรือสารละลายใดๆ ล้างโดยเด็ดขาด ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลผู้ป่วยแผลไหม้จากไฟฟ้าซ็อต ประเมิน
ภาวะการหายใจและระบบไหลเวียนโลหิต แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล
ผู้ที่ได้รับรังสี ให้การช่วยเหลือดังนี้
1.ให้หลบเข้าที่กำบัง เช่นกำแพง ตึก ลำคลอง ทันที หาเครื่องปกคลุมร่างกาย หลับตาไม่มองรังสีหรือระเบิด
2.ปัดฝุ่นละออง สลัดเสื้อผ้า
3.ห้ามผู้ป่วยรับประทานอาหารหรือน้ำทุกชนิด แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล
การปฐมพยาบาลแผลไหม้
1. เฉพาะชั้นผิวหนัง
- ระบายความร้อนออกจากแผล โดยใช้ผ้าชุบน้ำประคบบริเวณบาดแผล แช่ลงในน้ำหรือเปิดให้น้ำไหลผ่านบริเวณบาดแผลตลอดเวลานานประมาณ 10 นาทีซึ่งจะช่วยบรรเทาความเจ็บป่วยได้
- ทาด้วยยาทาแผลไหม้
- ห้ามเจาะถุงน้ำหรือตัดหนังส่วนที่ผองออก
- ปิดด้วยผ้าสะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ถ้าแผลไหม้บริเวณกว้าง หรืออวัยวะที่สำคัญต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล
2. ลึกถึงเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง
- ไม่ต้องระบายความร้อนออกจากแผล เพราะจะทำให้แผลติดเชื้อมากขึ้น
- ห้ามใส่ยาใดๆ ทั้งสิ้นลงในบาดแผล
- ใช้ผ้าสะอาดห่อตัวผู้บาดเจ็บเพื่อป้องกันสิ่งสกปรก ให้ความอบอุ่น และรีบนำส่งโรงพยาบาล
บาด แผลไฟลวก ปัญหาจากบาดแผลไฟลวกเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยจากอุบัติเหตุ การดูแลรักษาประกอบด้วยหลักการที่สำคัญหลายประการ ในการประเมินความรุนแรงของบาดแผลไฟลวก จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
ระดับความลึกของแผลไฟลวก (Burn depth) แบ่งออกได้เป็น
ระดับที่หนึ่ง First-degree burns
ถือ เป็นบาดแผลที่น้อยที่สุด ตรวจพบความเสียหายที่ชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น ผิวหนังมีลักษณะแดง เจ็บปวด กดเจ็บ ไม่เห็นลักษณะผิวพอง และการตรวจประสาทรับสัมผัสระหว่างสองจุดบนผิวหนังไม่พบว่าผิดปกติแต่อย่างใด บาดแผลในระดับที่หนึ่งนี้จะหายภายในเวลา 3-5 วันโดยไม่เกิดแผลเป็น
ระดับที่สอง Second-degree burns
แบ่งย่อยออกเป็นสองชนิด superficial partial-thickness และ deep partial-thickness burns จะ พบว่าโครงสร้างที่เป็นส่วนประกอบของผิวหนังบางอย่างยังไม่ได้รับ
ความเสียหาย และร่างกายสามารถซ่อมแซมได้ โดยมากไม่ต้องทำการผ่าตัดปลูกย้ายผิวหนังแต่อย่างใด บาดแผลระดับที่สองชนิดตื้น หรือที่เรียกว่า superficial partial-thickness burn จะเกิดขึ้นที่ชั้นหนังกำพร้าและส่วนบนของหนังแท้ ทำให้ผิวหนังพอง เกิดเป็น blisters ลักษณะเป็นสีแดงเรื่อๆ ชื้น อ่อนนุ่ม เจ็บ การหายของแผลใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ไม่เกิดแผลเป็น ส่วนบาดแผลระดับที่สองชนิดลึก หรือที่เรียกว่า deep partial-thickness burns จะลึกถึงชั้น reticular dermis ของ หนังแท้ ผิวพองมีลักษณะหนาและแตกง่าย เซลล์ต่างๆ จะเริ่มแบ่งตัวภายใน 7-10 วัน บาดแผลชนิดนี้มีโอกาสเกิดแผลเป็นได้แต่ไม่มากถ้าไม่มีการติดเชื้อซ้ำเติม แผลมักจะหายได้ภายใน 3-6 สัปดาห์การใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่จะช่วยให้แผลไม่ติดเชื้อ
ระดับที่สาม Third-degree burns
เป็นแผลชนิดที่เรียกว่า full-thickness burns หมาย ถึง มีการทำลายทั้งส่วนของหนังกำพร้าและหนังแท้ ที่สำคัญคือเส้นเลือดฝอยที่อยู่ในชั้นหนังแท้ถูกทำลายจนหมดลักษณะแผลมีสีขาวมองเห็นเส้นเลือดที่มีก้อนเลือดอุดตัน และผิวหนังส่วนที่เป็นบาดแผลนั้นจะมีอาการชา ปราศจากความรู้สึก ส่วนใหญ่ต้องทำการรักษาโดยการผ่าตัดปลูกย้ายผิวหนัง ยกเว้นแผลเล็กมากขนาดน้อยกว่า 1 เซ็นติเมตร
ระดับที่สี่ Fourth-degree burns
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
การปฐมพยาบาล1. นำสิ่งอุดตันทางเดินหายใจออกก่อนเพื่อให้สามารถหายใจได้สะดวก โดยล้วงสิ่งอุดตันออกจากปากถ้ามองเห็น หรือใช้วิธีการตบบริเวณกลางหลัง ระหว่างสะบักทั้ง 2 ข้าง แรงๆ 2-3 ครั้ง เพื่อให้สิ่งที่อุดตันนั้นหลุดออก2. ถ้าอากาศเป็นพิษ หรือมีอากาศไม่เพียงพอ ให้รีบนำผู้เป็นลมออกมาในที่มีอากาศบริสุทธิ์ และถ่ายเทได้ดีก่อน3. เมื่อแก้ไขในข้อ 1 และข้อ 2 แล้ว จึงให้การช่วยเหลือ โดยจัดท่าให้ผู้เป็นลมนอนหงายให้ศีรษะต่ำ อาจหาวัสดุรองยกปลายเท้าให้สูงประมาณ 1 ฟุต ให้หันหน้าตะแคงไปข้างใดข้างหนึ่ง คลายเสื้อผ้าให้หลวม อย่าให้คนมุงดู เพราะต้องการให้อากาศถ่ายเทได้ดี ให้ดมแอมโมเนียหรือยาดม แล้วใช้ผ้าซุบน้ำเช็ดหน้า ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรนำส่งโรงพยาบาล การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ไฟไหม้และน้ำร้อนลวก เมื่อมีเหตุเพลิงไหม้ เกิดขึ้นก็อาจมีผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งอาจจะเป็นประชาชนผู้ประสบภัย หรือ ตัวเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ที่เข้า ปฏิบัติหน้าที่เอง และที่หน่วยพยาบาลพบก็จะมีอาการสำลักควันไฟ และไฟไหม้ผิวหนังที่ห่อหุ้มปกคลุมร่างกายของเราเมื่อผิวหนังถูกทำร้ายด้วยความร้อนเกิดเป็นแผลไหม้จะะทำให้เกิดอันตรายตั้งแต่น้อยจนถึงเสียชีวิตได้แผลไหม้เกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายสัมผัสกับความร้อนสารเคมี กระแสไฟฟ้าหรือรังสีมากเกินไป ทำให้ผิวหนังไหม้ เนื้อเยื่อถูกทำลาย หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกต้องทันทีความรุนแรงของแผลไหม้ก็ยิ่งจะมีผลต่อผู้ประสบภัยมากขึ้นเท่านั้น การปฐมพยาบาลเบื้องต้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งหลักการปฐมพยาบาลไฟไหม้และน้ำร้อนลวก1. หยุดยั้งความร้อนโดยปฏิบัติดังนี้- ดับไฟด้วยน้ำราด หรือใช้ผ้าหนา ๆ คลุมตัว- ถอดเสื้อผ้าที่ไฟไหม้ หรือถูกน้ำร้อนพร้อมเครื่องประดับที่อมความร้อนออกให้หมด2. ตรวจร่างกาย ดูการหายใจ ดังนี้- การหายใจถ้าพบสิ่งผิดปกติ เช่น เสียงแหบ หายใจผิดปกติ ต้องรีบช่วยหายใจโดยเร็ว- ชีพจรถ้าเบามากหรือไม่เต้นต้องรีบช่วยนวดหัวใจ- ถ้าบาดเจ็บมีเลือดออกต้องรีบห้ามเลือดก่อนผู้ป่วยแผลไหม้จากสารเคมี ถ้าเป็นสารเคมีอันตราย บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้าไปยังจุดที่เกิดเหตุโดยเด็ดขาด ให้ติดต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น กรมควบคุมมลพิษนำผู้ป่วยออกจากที่เกิดเหตุ ล้างทำความสะอาดแล้วค่อยเข้าให้การช่วยเหลือต่อไปแต่หากไม่ใช่สารเคมีอันตราย มีวิธีปฏิบัติดังนี้1.สารเคมีชนิดผง ให้รีบถอดเสื้อผ้า เครื่องประดับและปัดสารออกจากผิวหนัง ก่อนใช้น้ำสะอาดล้างโดยวิธีตักราดหรือเปิดน้ำไหลผ่านนานประมาณ 10 นาที
2.สารเคมีที่เป็นของเหลว ถอดเสื้อผ้าเครื่องประดับ ล้างด้วยน้ำสะอาด 10-15 นาที
3.สารเคมีพวกฟอสฟอรัส ห้ามใช้น้ำหรือสารละลายใดๆ ล้างโดยเด็ดขาด ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลผู้ป่วยแผลไหม้จากไฟฟ้าซ็อต ประเมิน
ภาวะการหายใจและระบบไหลเวียนโลหิต แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล
ผู้ที่ได้รับรังสี ให้การช่วยเหลือดังนี้
1.ให้หลบเข้าที่กำบัง เช่นกำแพง ตึก ลำคลอง ทันที หาเครื่องปกคลุมร่างกาย หลับตาไม่มองรังสีหรือระเบิด
2.ปัดฝุ่นละออง สลัดเสื้อผ้า
3.ห้ามผู้ป่วยรับประทานอาหารหรือน้ำทุกชนิด แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล
การปฐมพยาบาลแผลไหม้
1. เฉพาะชั้นผิวหนัง
- ระบายความร้อนออกจากแผล โดยใช้ผ้าชุบน้ำประคบบริเวณบาดแผล แช่ลงในน้ำหรือเปิดให้น้ำไหลผ่านบริเวณบาดแผลตลอดเวลานานประมาณ 10 นาทีซึ่งจะช่วยบรรเทาความเจ็บป่วยได้
- ทาด้วยยาทาแผลไหม้
- ห้ามเจาะถุงน้ำหรือตัดหนังส่วนที่ผองออก
- ปิดด้วยผ้าสะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ถ้าแผลไหม้บริเวณกว้าง หรืออวัยวะที่สำคัญต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล
2. ลึกถึงเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง
- ไม่ต้องระบายความร้อนออกจากแผล เพราะจะทำให้แผลติดเชื้อมากขึ้น
- ห้ามใส่ยาใดๆ ทั้งสิ้นลงในบาดแผล
- ใช้ผ้าสะอาดห่อตัวผู้บาดเจ็บเพื่อป้องกันสิ่งสกปรก ให้ความอบอุ่น และรีบนำส่งโรงพยาบาล
บาด แผลไฟลวก ปัญหาจากบาดแผลไฟลวกเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยจากอุบัติเหตุ การดูแลรักษาประกอบด้วยหลักการที่สำคัญหลายประการ ในการประเมินความรุนแรงของบาดแผลไฟลวก จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
ระดับความลึกของแผลไฟลวก (Burn depth) แบ่งออกได้เป็น
ระดับที่หนึ่ง First-degree burns
ถือ เป็นบาดแผลที่น้อยที่สุด ตรวจพบความเสียหายที่ชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น ผิวหนังมีลักษณะแดง เจ็บปวด กดเจ็บ ไม่เห็นลักษณะผิวพอง และการตรวจประสาทรับสัมผัสระหว่างสองจุดบนผิวหนังไม่พบว่าผิดปกติแต่อย่างใด บาดแผลในระดับที่หนึ่งนี้จะหายภายในเวลา 3-5 วันโดยไม่เกิดแผลเป็น
ระดับที่สอง Second-degree burns
แบ่งย่อยออกเป็นสองชนิด superficial partial-thickness และ deep partial-thickness burns จะ พบว่าโครงสร้างที่เป็นส่วนประกอบของผิวหนังบางอย่างยังไม่ได้รับ
ความเสียหาย และร่างกายสามารถซ่อมแซมได้ โดยมากไม่ต้องทำการผ่าตัดปลูกย้ายผิวหนังแต่อย่างใด บาดแผลระดับที่สองชนิดตื้น หรือที่เรียกว่า superficial partial-thickness burn จะเกิดขึ้นที่ชั้นหนังกำพร้าและส่วนบนของหนังแท้ ทำให้ผิวหนังพอง เกิดเป็น blisters ลักษณะเป็นสีแดงเรื่อๆ ชื้น อ่อนนุ่ม เจ็บ การหายของแผลใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ไม่เกิดแผลเป็น ส่วนบาดแผลระดับที่สองชนิดลึก หรือที่เรียกว่า deep partial-thickness burns จะลึกถึงชั้น reticular dermis ของ หนังแท้ ผิวพองมีลักษณะหนาและแตกง่าย เซลล์ต่างๆ จะเริ่มแบ่งตัวภายใน 7-10 วัน บาดแผลชนิดนี้มีโอกาสเกิดแผลเป็นได้แต่ไม่มากถ้าไม่มีการติดเชื้อซ้ำเติม แผลมักจะหายได้ภายใน 3-6 สัปดาห์การใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่จะช่วยให้แผลไม่ติดเชื้อ
ระดับที่สาม Third-degree burns
เป็นแผลชนิดที่เรียกว่า full-thickness burns หมาย ถึง มีการทำลายทั้งส่วนของหนังกำพร้าและหนังแท้ ที่สำคัญคือเส้นเลือดฝอยที่อยู่ในชั้นหนังแท้ถูกทำลายจนหมดลักษณะแผลมีสีขาวมองเห็นเส้นเลือดที่มีก้อนเลือดอุดตัน และผิวหนังส่วนที่เป็นบาดแผลนั้นจะมีอาการชา ปราศจากความรู้สึก ส่วนใหญ่ต้องทำการรักษาโดยการผ่าตัดปลูกย้ายผิวหนัง ยกเว้นแผลเล็กมากขนาดน้อยกว่า 1 เซ็นติเมตร
ระดับที่สี่ Fourth-degree burns
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
First aid.1. Bring the blockages the exhale first to be able to breathe easily. By reaching the blockages from mouth if visible. Or use hit middle area between the 2 side after pressing, a strong 2-3 times to make what obstruction that off.2. If air pollution or air is not enough. To take the wind out in the fresh air and heat well.3. When editing in the 1 and 2, he helped by posed the wind back to the head low. May find the secondary material lift feet tall 1 feet. To face its to one side, loosen loose clothes. Don't let people look for want of air transfer well to smell the ammonia or salts. Then use the soup water face fabric If symptoms do not improve should be taken to the hospital.First aid.Fire and burn.When there is a fire. Happen it may be injured, which may be the victims or the fireman to duty. And the nursing unit found will be choking smoke. And fire the skin covered covered our body when the skin was attacked by heating a burn is dangerous since at least until death burns occur because the body in contact with the heat of chemicals. Too much electricity or radiation, burn skin tissue is destroyed. If not properly support immediately the severity of burns it would greatly affect the disaster victims. First aid is very important.Principles of first aid on the fire and burn.1. Stop heating by following.- fire water pouring, or use a thick cloth cover.- take off the clothes on fire. Or hot water with hot jewelry that give out.2. Examination, breathing, as follows.- breathing if found any abnormalities, such as gruff, abnormal respiration and should help to breathe quickly.If the light pulse or dance must help the heart massage.- if the injury bleeding must stop the bleeding.Patients with chemical burns if a dangerous chemicals, related persons.
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: