สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ “เฉินฮุ่ยหลาน” ตอนนี้กำลังศึกษาปริญญาตรีอยู่ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี คณะศิลปศาสตร์ หลักสูตรภาษาจีน และคาดว่าจะจบการศึกษาภายในเดือนพฤษภาคม ฉันเรียนภาษาจีนมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนฮั้วเฉียวกงฮักอุบลราชธานี จึงทำให้เกิดความผูกพันและรักในภาษาจีนตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา แต่ทั้งนี้การเรียนภาษาจีนของฉันก็ไม่ต่อเนื่องกัน เพราะสอบเข้าเรียนต่อโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ไม่ได้มีการเรียนการสอนภาษาจีน เมื่อศึกษาต่อปริญญาตรีฉันจึงตัดสินใจเลือกเรียนเอกภาษาจีนที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ฉันเข้าร่วมกิจกรรมระหว่างเรียนในมหาวิทยาลัย คือ การร่วมกิจกรรมวันตรุษจีน การเคยไปฝึกสอนภาษาจีนให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ค่ะ การเรียนภาษาจีนของฉันตลอดระยะเวลา 4 ปี ทำให้ฉันมีความรู้ภาษาจีนปานกลาง มีทักษะการฟังและการอ่านค่อนข้างดี แต่การเขียนและการพูดค่อนข้างพอใช้ เนื่องจากปัจจัยอื่นๆ และสภาพแวดล้อมภายนอกที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาทักษะ ฉันไม่เคยไปประเทศจีน ดังนั้นฉันจึงอยากเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศจีน เพื่อพัฒนาตัวเองในด้านทักษะทางด้านภาษา หาประสบการณ์ และเพื่อเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาพัฒนาความสัมพันธ์ต่างๆระหว่างประเทศไทย-จีน ให้เจริญมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นฉันจึงมีความสนใจและมั่นใจที่จะเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคุนหมิง เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ มีชื่อเสียง และสามารถผลิตบุคลากรออกมาได้อย่างมีคุณภาพ มีสาขาที่ตรงตามความต้องการ อีกทั้งยังมีความชอบทางด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และแหล่งท่องเที่ยวของเมืองที่มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ ประจวบกับสภาพอากาศที่เหมาะกับร่างกายตัวเอง ค่าครองชีพ ที่อยู่อาศัย และอาหารการกินที่เหมาะสมในการใช้ชีวิตระหว่างการศึกษา ดังนั้นการศึกษาต่อปริญญาโทครั้งนี้ ฉันมีเป้าหมายว่าต้องการที่จะพัฒนาทักษะการใช้ภาษาจีนให้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์อื่นๆ ที่หาได้ระหว่างเรียนที่ประเทศจีน มาแก้ไขตรงจุดด้อย พัฒนาสิ่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม และแนะนำแก่บุคคลรุ่นหลังๆ มาสนใจในวัฒนธรรมจีนมากขึ้น
หากฉันได้ถูกคัดเลือกเข้าเรียนในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคุนหมิง สำหรับฉันในฐานะที่เป็นนักศึกษาต่างชาติ ฉันจะเตรียมตัวล่วงหน้าสามเดือนก่อนเข้าเรียน ตั้งแต่การเดินทาง ด้านภาษา การดำรงชีวิตระหว่างเรียน เตรียมความพร้อมทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย การบริหารการเรียนและเวลา จากการเตรียมความพร้อมหลายอย่าง เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาประเทศจีน จึงจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานที่ต่างแดน เนื่องจากเป็นหลักสูตรปริญญาโทกำหนดให้เรียน 3 ปี ดังนั้นในช่วงของการเรียนในช่วงแรก ฉันจะดูแผนหลักสูตรทั้งหมดก่อนว่า มีสิ่งใดบ้างที่เราจะต้องทำความเข้าใจเป็นอันดับแรก เช่น การลงทะเบียนเรียน แหล่งช่วยเหลือและพัฒนานักศึกษาเมื่อมีปัญหาการเรียน อาจารย์ที่ปรึกษาตลอดจนการทำวิจัย ก่อนที่จะเข้าเรียนในทุกคาบจะต้องมีการทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิชานั้นๆก่อนจะเริ่มเรียนในวันนั้น และเตรียมคำศัพท์มาเป็นอย่างดี หลังเรียนเสร็จก็ต้องหมั่นฝึกทบทวนท่องคำศัพท์อย่างเข้มข้นและทำความเข้าใจกับบทเรียนทุกวัน หรือให้เพื่อนชาวจีนคอยช่วยเป็นครูสอน คอยหมั่นสังเกตปัญหาที่ตัวเองว่ายังมีปัญหาทักษะใดที่ไม่เอื้อยอำนวยต่อการเรียนภาษาจีน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องมีการพัฒนาตนเองทุกวัน โดยจะจัดตารางการอ่านหนังสือทุกวัน และปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษาในส่วนที่ไม่เข้าใจจริงๆ จนทำให้ตัวเองมีความเคยชินและฝึกจนเป็นนิสัยประจำ ถ้าหากทางมหาวิทยาลัยมีการจัดกิจกรรมต่างๆขึ้น ฉันจะพยายามเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเป็นการสร้างสัมพันธ์ไมตรีกับเพื่อนต่างชาติอื่นๆ และพัฒนาการเรียนรู้นอกจากในห้องเรียนด้วย แต่ทั้งนี้ในระหว่างเรียนฉันก็พยายามนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ในบทเรียนมาปรับใช้ในการคิดหัวข้อวิจัยไปด้วย และเสนอแนะแก่อาจารย์ที่ปรึกษา หลังจากนั้นเมื่อเข้าสู่ในปีที่สอง ฉันจะเริ่มคิดและเขียนแผนการทำวิจัยล่วงหน้าในระหว่างเรียน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมทั้งในด้านเวลาและเนื้อหาระหว่างการทำวิจัย ฉันเป็นคนที่มีความพยายามและมุ่งมั่นตั้งใจสูงมาก ดังนั้นฉันจึงมั่นใจว่าจะสามารถเรียนหลักสูตรปริญญาโทให้จบได้ภายใน 3 ปี ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด และเป็นบัณฑิตรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพพร้อมที่จะทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อองค์กรระหว่างประเทศไทยและประเทศจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
จากในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าประเทศจีนมีอุตสาหกรรมการค้าที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลต่อหลายประเทศ หนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทยที่มีความสัมพันธ์ไมตรีอันดีงามต่อประเทศจีนทั้งด้านการศึกษา วัฒนธรรม หรือการตกลงทำธุรกิจร่วมกัน ประเทศไทยถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีชาวจีนหรือคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก จึงทำให้วัฒนธรรมจีนถูกเผยแพร่ต่อคนไทยอย่างรวดเร็ว ในยุคของอาเซียนที่จะมาถึงนี้ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน มหาวิทยาลัย สำนักงานรัฐบาล หรือบริษัทเอกชนต่างๆ ต่างก็อยากจะได้บุคคลที่มีความสามารถทางด้านภาษาจีนเข้าร่วมทำงาน ทั้งนี้จึงทำให้บุคคลที่กำลังศึกษาอยู่หรือคาดว่ากำลังจะจบต่างก็อยากจะเรียนรู้ภาษาจีนเป็นภาษาที่สอง และมีความพยายามที่จะสามารถพูดภาษาจีนได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อมองที่ต้นเหตุของปัญหาของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดความรู้ภาษาจีนในประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ก็คือ บุคลากรด้านการสอนภาษาจีนนั้นจะมีอยู่สามประเภทคือ ประเภทแรกจะเป็นผู้ที่มีความรู้ภาษาจีนอย่างถ่องแท้ แต่ไม่สามารถที่จะถ่ายทอดให้แก่คนอื่นได้อย่างเข้าใจและถูกต้อง เนื่องจากไม่ได้จบด้านการสอนมา ซึ่งมีเยอะมาก ส่วนในประเภทที่สองก็คือ เป็นผู้ที่มีความรู้ในภาษาจีนในระดับหนึ่ง และสามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้เข้าใจ เนื่องจากไม่มีการพัฒนาทักษะทางด้านภาษาอย่างต่อเนื่องแต่มีทักษะทางด้านการสอน ซึงมีเยอะมากที่สุด และประเภทสุดท้ายคือ เป็นผู้ที่มีความรู้ภาษาจีนอย่างถ่องแท้ และสามารถที่จะถ่ายทอดให้แก่คนอื่นได้อย่างเข้าใจและถูกต้อง แต่มีจำนวนน้อย ดังนั้นฉันจึงมีความคิดเห็นว่า เมื่อนำบุคลากรมาเปรียบ