ตอน..." ลงโพรงกระต่าย "
อลิซเริ่มเบื่อที่จะนั่งอยู่ข้าง ๆ พี่สาวโดยที่ไม่มีอะไรทำ เธอเหลือบมองหนังสือ ที่พี่สาวของเธอ ถือไว้ในมือหลายครั้ง ด้วยหนังสือเล่มนั้นไม่มีรูปภาพและบท สนทนาที่น่าสนุกและน่าสนใจอะไร เลยสักนิด...อลิซคิด แต่เป็นเพราะด้วยเธอ เป็นผู้อ้อนวอนให้พี่สาวอ่านหนังสือให้เธอฟังนั่นเอง อลิซชั่งใจ ว่าการทำอย่างอื่น คงจะสนุกกว่าการนั่งฟังอยู่อย่างเงียบ ๆ อย่างนี้หรือ ปล่าวน้า...
" ทันใดนั้นเอง" กระต่ายขาวตาสีชมพูตัวหนึ่งก็วิ่งผ่านมา แต่ภาพที่เห็นนั้นดูไม่มีอะไรแปลกประหลาด เพราะอลิซก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องผิดปกติเท่าไรนักที่ได้ยินกระต่ายพูดกับตัวเอง แบบรีบร้อนว่า " ตายแล้ว ! ตายแล้ว ! ฉันต้องสายแน่ ๆ เลย " แล้วจากนั้นกระต่าย ก็หยิบนาฬิกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อกั๊ก พร้อม กับก้มลงมองเวลา แล้ววิ่งต่อไปด้วย ท่าทางที่รีบร้อน อลิซลุกขึ้นยืน เพราะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า เธอยังไม่เคยเห็นกระต่ายที่ ไหนใส่เสื้อกั๊กหรือพกนาฬิกาแบบนี้มาก่อนเลย.....
และด้วยความที่สงสัยอย่างเหลือประมาณ อลิซรีบวิ่งตามกระต่ายตัวนั้น ไปในท้องทุ่ง และโชคดี ที่วิ่งไปทันและเห็นมันหายลงไปในโพรงกระต่าย ที่เป็นหลุมใหญ่โพรงหนึ่ง เพียงเดี๋ยวเดียว อลิซก็กระโดดตามลง ไปในโพรงนั้น โดยไม่ได้ฉุกใจคิดแม้แต่น้อยเดียวว่า เธอจะกลับออกมาจากโพรงนี้ได้ด้วยวิธีใด เสียด้วยสิ....ในโพรงกระต่ายนั้นทอดยาวไปเหมือนอุโมง แล้วจู่ ๆ ทางก็หักลงต่ำ จนอลิซต้องชะงักเท้าของตัวเองแทบไม่ทัน มารู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อเธอได้ร่วงลงไป ในเหวลึกนั่นเสียแล้ว
"ว้า..สายไปเสียแล้ว ไม่น่าที่จะกระโดดตามมาเลย นี่ถ้าแม่รู้ คงต้องโกรธแน่ ๆ เพราะแม่เคยบอกไม่ให้เราทำในสิ่งไหนที่ดูเหมือนว่า อาจจะเป็นอันตรายเสียด้วยสิ"
ถ้าไม่ใช่เพราะเหวนี้ลึกมากก็แสดงว่าอลิซคงจะตกลงไปอย่างช้า ๆ เพราะขณะที่ ตกลงไปนั้น เธอยังมีเวลาเหลือเฟือที่จะเหลียวมองไปรอบ ๆ ตอนแรกเธอ พยายามมองลงไปที่ข้างล่างสุด แต่มันก็ดูเหมือนว่าจะมืดเสียจนมองอะไรไม่เห็น เธอจึงเปลี่ยนมามองที่ด้านข้างและได้พบว่ามีตู้เสื้อผ้าและชั้นหนังสือเต็มไปหมด บางช่วงก็มีแผนที่กับรูปภาพแขวนอยู่บนขอด้วย อลิซหล่นลงไป หล่น ลงไป ลงไป ลงไปเรื่อย ๆ มันจะมีวันจบสิ้นไหมนะ ! อลิซคิด
" สงสัยจังว่าฉันตกลง มาได้กี่ไมล์แล้วนะ" อลิซอดที่จะพูดออกมาดัง ๆ ไม่ได้
"คงใกล้ถึงกลางโลกแล้วมั้งเนี่ย ขอคิดเดี๋ยวนะ....ฉันว่าคงสักสี่พัน ไมล์ ได้ละมั้งนี่....ใช่คงจะลึกราว ๆ นั้นแหละนะ...แต่ เอ๊ะ นี่ฉันจะร่วงผ่านไปถึงโลกอีก ซีกหนึ่งเลย หรือเปล่า ! ถ้าไปโผล่ที่นั่นแล้วไปเจอคนเดินกลับหัวคงตลกดี ! เขา เรียกว่าประเทศที่อยู่ด้านปรปักษ์กันของโลกไง"
...อลิซยังคงหล่นลงไป ลงไป ลงไปเรื่อย ๆ และเมื่อไม่มีอะไรให้ทำเธอรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะเคลิ้มหลับ เธอจึง เอื้อมมือไปคว้าหวีกับกระจกส่องหน้ามาได้ " แหมพอดีเลย กำลังว่างอยู่ทีเดียว ถ้าจะได้เจอคน หลาย ๆ ประเทศ แล้วละก็ ก็ต้องหวีผมเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าก่อนนะ เพราะเดี๋ยวจะต้องไปอายขายหน้าเขา ด้วยผมที่ยุ่ง ๆนี่น่ะสิ ! "
แล้วทันใดนั้นเอง...ก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น ตัวของเธอนั่นเองได้ตกลงไปบนกองกิ่งไม้และใบ ไม้แห้ง แล้วการล่วงหล่นก็จบสิ้นลงเสียที.......อลิซไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด เธอรีบ ลุกขึ้นยืนแล้วแหงนหน้ามองขึ้นไปที่ด้านบน ก็เห็นแต่เพียงความมืดมิด ข้างหน้า มีทางยาวอีกเส้นหนึ่ง พอเพ่งมองไปก็เห็น กระต่ายขาวเดินอยู่ไม่ไกลนัก มันยัง คงเร่งรุดไปข้างหน้าไม่ยอมรอช้าแม้แต่ครู่เดียว อลิซรีบวิ่งตัวปลิว ตามไป และทัน ได้ยินมันพูดในตอนเลี้ยวหัวมุมว่า
" โธ่...หูฉัน...หนวดฉัน ป่านนี้สายแย่แล้ว ! โธ่ โธ่..."
ตอนที่เลี้ยวนั้นอลิซตามหลังมันมาติด ๆ แต่พอเลี้ยวมาแล้ว กลับมอง ไม่เห็นมันอีกเลย...
สักแค่อึดใจเดียวอลิซพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ สว่างไสวไปหมด ภายในห้องโถงมี ประตูมากมายหลายบาน แต่ทุกบานปิดล๊อกไว้ทั้งหมด หลังจากที่ไปลองเปิดประตูทุกด้าน ทุกบานดูแล้ว อลิซก็เดินอย่างเศร้าสร้อยมาที่ กลางห้อง นึกในใจว่าเธอจะออกไป จากที่นี่ได้อย่างไรกัน ทันใดนั้นอลิซก็เหลือบไปเห็นโต๊ะกลมสามขาตัวหนึ่ง ทำด้วย แก้วทั้งตัวมีสิ่งหนึ่งวางอยู่ที่บนโต๊ะ นั่นมันเป็นกุญแจทองคำดอกจิ๋วนี่ ทีแรกอลิซคิด ว่ามันจะต้องเป็นลูกกุญแจของประตูบานใดบานหนึ่งอย่าง แน่ ๆ
แต่...โธ่เอ๋ย ถ้าไม่ใช่ รูกุญแจจะใหญ่เกินไปแล้ว ลูกกุญแจก็คงจะเล็กจนเกินไปแหละ เพราะ ไม่ว่ายังไง ๆ มันก็ไขประตูไม่ได้เลยสักบาน แต่เมื่ออลิซพยายามอีกครั้งเธอก็ได้พบว่ามีประตูอยู่ บานหนึ่งที่สอดลูกกุญแจจิ๋วดอกนั้นลงไปได้อย่างพอดีพอเหมาะ อ้า...ดีใจจริง ๆ ที่ ไขได้ ! อลิซเปิดประตูบานนั้นออก ปรากฏว่าเห็นเป็นทางเส้นเล็ก ๆ ใหญ่กว่าโพรง หนูนิดเดียวเอง เธอ คุกเข่าแล้วพยายามมองเข้าไปภายใน ภาพที่เห็นคือสวนที่สวยงาม ที่สุดเท่าที่เคยได้เห็นมา อลิซอยากเข้าไปเดินเล่นในสวนที่เห็น แต่ว่า ประตูนั่นก็เล็ก เสียจนเธอจะเสือกหัวลอดเข้าไปก็ยังไม่ได้ และเท่าที่ผ่าน ๆ มามีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้น เยอะแยะ จนอลิซชักจะเริ่มคิดว่า ในโลกนี้มีเรื่องที่เป็นไปไม่ได้น้อยเหลือเกินจริง ๆ.... และดูเหมือนว่าการรอคอยและการนั่งคิดอยู่ตรงหน้าประตูจิ๋วเล็ก ๆ ที่เข้าไปไม่ได้นั้น มันดูว่าจะ ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาเสียเลย
อลิซจึงกลับไปที่โต๊ะสามขาตัวเดิมอีกครั้ง แอบหวังว่าบางที อาจจะมีลูกกุญแจ อีกดวงวางอยู่ แต่คราวนี้เธอพบขวดเล็ก ๆ ใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ที่ตรงคอขวดมีแถบกระดาษพันไว้ และมีตัวหนังสือเขียนกำกับไว้ว่า ..." ดื่มฉันสิ " พิมพ์ไว้อย่างสวยงามด้วยอักษรขนาดใหญ่ ก็ดีอยู่หรอกนะที่เขียนว่า " ดื่มฉันสิ " แต่อลิซผู้ฉลาดเฉลียวไม่รีบร้อนทำอะไรแบบ นั้นหรอก
" ไม่ ฉันจะต้องดูก่อนว่า มันมีเครื่องหมายแสดงว่า
" เป็นพิษ " อยู่หรือเปล่า " อลิซพูด แต่ว่าขวดใบนี้ไม่มี เครื่องหมายบอกว่า " เป็นพิษ" อลิซจึงกล้าตัดสินใจยกมันขึ้นดื่มดู ปรากฏว่าเพียง เดี๋ยวเดียวอลิซก็ดื่มจนหมดขวด
" แปลกจัง " อลิซพูดขึ้น " รู้สึกว่าตัวฉันกำลังหด ลงไปเรื่อย ๆ แน่ ๆ เลย " และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ตอนนี้อลิซตัวสูงแค่สิบนิ้ว เธอยิ้มแป้น เพราะรู้ว่าตอนนี้ เธอตัวเล็กพอที่จะเข้าไปในสวนทางประตูเล็ก ๆ นั่น ได้แล้ว แต่เดี๋ยวก่อน เธอต้องรอดูสักครู่ว่าตัว เธอจะหดเล็กลงไปมากกว่านี้อีกหรือ เปล่า
อลิซรู้สึกหวั่นใ