Thotthotthathot mountain gorilla (English: Mountain gorilla [1] Gorilla beringei beringei scientific name:;,) is a subspecies of the Eastern Gorilla. (G. beringei ฺ) One type.Thotthotthotthotthot mountain gorilla species are found in the Virunga mountains on the border, only three countries, namely the Democratic Republic of the Congo, Rwanda and Uganda by famous places is most keen bawi National Park. In Uganda, which has a population of approximately 300, from the whole quantity in nature in the present rail 800 [3].•••••••••กอริลลาภูเขา มีพฤติกรรมเหมือนกับกอริลลาชนิดอื่น ๆ คือ อาศัยอยู่เป็นครอบครัว ประกอบด้วยตัวผู้จ่าฝูงที่มีหลังขนหลังสีหงอกเทาหรือสีเงิน หรือที่เรียกว่า "หลังเงิน" (Silverback) ตัวเมียและลูก ๆ จัดเป็นกอริลลาที่มีขนาดใหญ่มากอีกชนิดหนึ่ง โดยเป็นกอริลลาที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากกอริลลาที่ลุ่มตะวันออก (G. b. graueri) ซึ่งถือเป็นกอรริลาตะวันออกอีกชนิดหนึ่งเท่านั้น[4] ตัวผู้ที่โตเต็มที่หนักได้ถึง 195 กิโลกรัม (430 ปอนด์) และสูงเมื่อยืนด้วยสองขาหลังประมาณ 150 เซนติเมตร (59 นิ้ว) และน้ำหนักในตัวเมีย 100 กิโลกรัม (220 ปอนด์) และสูงประมาณ 130 เซนติเมตร (51 นิ้ว)[5]ช่วงแขนที่วัดจากปลายนิ้วข้างหนึ่งถึงอีกข้างหนึ่งอาจยาวถึง 2 เมตร[6] อาศัยอยู่ในป่าดิบทึบและป่าเมฆที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,200–4,300 เมตร (7,200–14,100 ฟุต[7] [8]) ในพื้นที่ ๆ อุณหภูมิมีความหนาวเย็นประมาณ 10 องศาเซลเซียสและชื้นแฉะ[3]The mountain gorilla is an animal that eats thotthotthotthotthotthathot plants as the main food types a variety of edible plants. When ingested, and then take the information, which is similar to a human's feces, according to various religions abang Bush sumthum time may leave the shot along the way. There is a tricky move that behavior to the exact source unknown. A fully grown adult will eat up to 30 kg per day, while female 18 kg [3]•••••••ในช่วงทศวรรษที่ 1960–1970 กอริลลาภูเขาเป็นสัตว์ที่ถูกล่าอย่างรุนแรง เพราะถูกคุกคามในเรื่องถิ่นอยู่อาศัยจากมนุษย์ ทำให้มีปริมาณลดลงเหลือประมาณ 250 ตัวเท่านั้น จากเดิม 400–500 ตัว แต่ได้รับการศึกษาและกลายมาเป็นการอนุรักษ์จาก ไดแอน ฟอสซีย์ นักวานรวิทยาหญิงชาวอเมริกัน ซึ่งฟอสซีย์ได้เริ่มต้นศึกษากอริลลาภูเขาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1967 เป็นระยะเวลานานถึง 18 ปี จนในที่สุดกอริลลาภูเขาตัวหนึ่งได้ยื่นนิ้วมาแตะมือของเธอระหว่างเคี้ยวอาหารอยู่ นับเป็นครั้งแรกที่กอริลลาซึ่งเป็นสัตว์ป่าได้ยินยอมที่สัมผัสกับตัวมนุษย์ และฟอสซีย์ก็ได้เป็นผู้ตั้งต้นในการตั้งโครงการอนุรักษ์กอริลลาภูเขาขึ้นมา ซึ่งยังดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน[6] [9] สถานะของกอริลลาภูเขาในปัจจุบัน ถือว่าจัดอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์อย่างวิกฤต [2] ในระยะเวลาอีก 40–50 ปี อาจสูญพันธุ์ไปจากโลกก็เป็นได้ [3]••••••••••ปัจจุบัน การเที่ยวชมกอริลลาภูเขาค่อนข้างทำได้ลำบาก อันเนื่องจากสถานที่อยู่อาศัยที่เข้าไปถึงได้ลำบาก โดยมีกฎข้อห้ามที่เข้มงวดหลายประการในการชม คือ ห้ามสวมใส่เสื้อสีสันฉูดฉาด, ห้ามรับประทานอาหารหรือสูบบุหรี่ที่จะรบกวนความเป็นอยู่ของกอริลลาภูเขาโดยเด็ดขาด รวมทั้งห้ามส่งเสียงดัง, ห้ามจ้องตา โดยเฉพาะกับตัวผู้จ่าฝูง เพราะกอริลลาภูเขาจะถือเป็นการท้าทาย และห้ามเข้าใกล้กอริลลาภูเขาเกินกว่า 7 เมตร ยกเว้นกอริลลาภูเขาจะเป็นฝ่ายเข้ามาหาเอง และมีเวลาในการเยี่ยมชมในแต่ละคณะไม่เกิน 2 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งการมีกฎที่เข้มงวดเหล่านี้ถือเป็นการคัดกรองคุณภาพและปริมาณนักท่องเที่ยวไปในตัว และการเที่ยวชมกอริลลาภูเขานั้นมิได้จะพบเจอทุกครั้งไป ในบางครั้งอาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง หรือไม่เจอเลยก็มี แต่ในบางครั้งอาจใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เจอแล้ว โดยมัคคุเทศน์ผู้นำทางจะเป็นชาวพื้นเมือง ใช้วิธีการตามรอยจากกองมูล และสืบหาพืชที่กอริลลาภูเขาชอบกิน[3]
การแปล กรุณารอสักครู่..