1960s France is the first country who volunteer to host the European Football Championship, in 1997 the national team to a new Europe are sent to compete in a team total of 17 cities, Marseille and Paris, staged in the semi-finals, finals and three finals, and it is the country's warlord Soviet Masters champion is allowed to the first euros with win. Yugoslav national team 2-1 in extra time amid fans witnessing satat Stadium Parc de Prince in Paris, more than 18,000 people.1980.The system has been changed to 8 races, the team through to the final where Italy host will be divided into two lines, and race team, then all matches with maximum points going into the final round at Italy, which in that year Germany into the encounter. Belgium in the final at Rome, and Khun phonna CD won with a two-goal Germany, dominate the leadership development coursechiang hos haru to victory in that year with the score 2-1.1984 Cancellation of the Qing, the third position from this list, and puts the football tournament after the losing team in the finals, will not have to kick the Qing, the third-ranked team, including cancelled three out of the tournament, to go with the. Outstanding, but the champion with the runners-up in the finals only. 1996. การแข่งขันฟุตบอลแห่งชาติยุโรปเริ่มได้รับความสนใจจากประเทศน้อยใหญ่ที่อยู่ในเครือข่ายมากขึ้น มีทีมที่แจ้งความประสงค์จะเข้าร่วมการแข่งขันถึง 48 ทีม รูปแบบการแข่งขันจึงเปลี่ยนไปอีกครั้ง จาก 48 ทีม ฝ่ายจัดการแข่งขันและฟีฟ่าได้ตัดสินใจเพิ่มโควต้าทีมในรอบสุดท้ายเป็น 16 ทีมเป็นครั้งแรก เพื่อพาเหรดกันเข้าสู่เกาะอังกฤษเพื่อแข่งขันในรอบสุดท้าย โดยการแข่งขันยูโรฯ รอบสุดท้ายในครั้งนั้น รอบแรกแบ่งออกเป็นสี่สายและทีมที่มีคะแนนอันดับที่หนึ่งและสองก็จะเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งใช้ระบบแพ้ตกรอบ จากนั้นก็จะทะลุผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศซึ่งมีสี่ทีม และคู่ชิง นอกจากนี้ยังได้มีการนำกฎ โกลเด้นโกล มาใช้งานเป็นครั้งแรก ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในครั้งนี้ด้วย โดยแชมป์ในครั้งนั้นก็คือ ทีมชาติเยอรมันนี หลังจากโอลิเวอร์ เบียโฮฟ ดาวยิงประจำทีม ซัดประตู "โกลด์เด้นโกล" ประวัติศาสตร์ เฉือนเอาชนะ สาธารณรัฐเช็กไปได้ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษในรอบชิงชนะเลิศThe year 2000. ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรวมไปถึงการรายการฟุตบอลระดับนานาชาติที่มีสองชาติเป็นเจ้าภาพร่วมกันจัดการแข่งขัน นั่นคือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ และ เบลเยี่ยม ปรากฎการดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (International Football Association) หรือ ฟีฟ่า (FIFA) จะตัดสินให้ ประเทศ เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพร่วม ในการจัดฟุตบอลโลกในอีก 2 ปีถัดมา อย่างไรก็ตาม ชาติที่ได้ครองแชมป์ในปี 2002 นั่นคือ ทีม "ตราไก่" ฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นการครองถ้วย อองรี เดอลานี่ย์ เป็นครั้งที่สองของทีมหลังจากที่ดาวิด เทรเซเกล ดาวยิงตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมา ซัดประตู "โกลเด้นโกล" เฉือน ทีม "อัซซูรี่ " อิตาลี ไปได้ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ2004. ประเทศโปรตุเกส เป็นเจ้าภาพ ได้มีการยกเลิกกฎ "โกล์เด้นโกล์" และนำกฎ "ซิลเวอร์โกล์" มาใช้แทน โดยแต่เดิมนั้นกฎ "โกลเด้นโกล์" จะใช้ในกรณีที่คู่แข่งขันลงเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาที ซึ่งหากทีมใดทำประตูได้ก่อนในช่วงเวลาดังกล่าว เกมก็จะยุติทันที ขณะที่ กฎ "ซิลเวอร์โกล" นั่นจะใช้ในกรณีที่คู่แข่งขันลงเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาทีเช่นกัน แต่ต่างตรงที่ หากทีมได้ทำประตูได้ก่อนเกมจะยังไม่ยุติทันทีแต่จะรอให้หมดเวลาในช่วงต่อเวลาพิเศษในครึ่งแรก 15 นาทีเสียก่อน เกมถึงจะยุติ นั่นหมายความว่า ยังให้โอกาสทีมที่โดนนำทำประตูตีคืนให้ได้ในช่วงเวลาที่เหลือดังกล่าวนั่นเองสำหรับการแข่งขันในปีนั้น ได้มีการนำ กฏ "ซิลเวอร์โกล" มาใช้เพียงครั้งเดียวในรอบก่อนรองชนะเลิศในเกมระหว่าง ทีมชาติกรีซ พบกับ สาธารณรัฐเช็ก ก่อนที่ ทีมจากดินแดนเทพนิยายจะเอาชนะไปได้ และก้าวไปคว้าแชมป์ยูโรได้เป็นสมัยแรกของทีมได้อย่างยิ่งใหญ่ ในท้ายที่สุด ด้วยลูกโหม่งของ จอร์จ อันดราเด้ เซ็นเตอร์แบ็ค ปลิดชีพ ทีมเจ้าภาพอย่างโปรตุเกส ไปด้วยสกอร์ 1-0 พร้อมกับสร้างตำนานอีกหน้าหนึ่งให้กับรายการฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปให้กล่าวขวัญถึงอีกนานเท่านานปีล่าสุด 2008 การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 13 โดยมีประเทศ ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมกันในการจัด ฟุตบอลยูโร 2008 รอบสุดท้าย ซึ่งจะระเบิดศึกขึ้นในระหว่างวันที่ 7 มิถุนายน ถึง 29 กรกฎาคม 2008 โดยมี 16 ชาติแกร่งที่ต้องฝ่าด่านอรหัตน์จากรอบคัดเลือกกว่า 51 ทีมทั่วทวีปยุโรป ที่ทำการแข่งขันตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2006 เป็นต้นมา จนสามารถผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายได้ สำหรับประเทศเจ้าภาพจะได้สิทธิ์ผ่านเข้ารอบโดยอัตโนมัติ นั่นหมายความว่า ออสเตรีย และ สวิตเซอร์แลนด์ จะเป็น 2 ทีมแรกที่เข้าไปรอบนสังเวียนเรียบร้อยแล้ว ทำให้เหลือตั๋วเพียง 14 ใบเท่านั้น ที่ทีมต่างๆ จะต้องแย่งชิงมาครองให้ได้ อาจกล่าวได้ว่า การเป็นเจ้าภาพร่วมสองชาติระหว่าง ออสเตรียและ สวิตเซอร์แลนด์ ในครั้งนี้ ถือเป็นความไว้วางใจจากสมาคมฟุตบอลยุโรป ในการตัดสินใจให้มีเจ้าภาพร่วมกันเป็นครั้งที่สามแล้ว นับตั้งแต่จัดการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้ขึ้นมา โดยก่อนหน้านี้ ประเทศ เบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ ก็ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมกันมาแล้วในปี 2000 นอกจากนี้ ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป ปี 2012 ประเทศโปแลนด์ และ ยูเครน จะได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพร่วมอีกครั้งเช่นกัน
การแปล กรุณารอสักครู่..
