Introductionในปัจจุบัน ความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ และสาธารณสุข รวมถึงการกระจายการให้บริการด้านสุขภาพ และการเข้าถึงข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว มีความสนใจในการดูแลตนเองมากขึ้น ทำให้อัตราการตายลดลง และอัตราการเกิดก็ลดลงเช่นกัน (ประเสริฐ อัสสันตชัย,2552) ในปี 2553 ประเทศไทย มีประชากรผู้สูงอายุ คิดเป็นร้อยละ 12.08 ของประชากรทั้งหมด (สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล, 2553) และคาดการว่าในปี พ.ศ.2563 จะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นประมาณ 10.8 ล้านคน (สำนักงานสถิติแห่งชาติ,2550) การเพิ่มของประชากรผู้สูงอายุกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุไทยร้อยละ 26 มีพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้คิดเป็นร้อยละ 30 ทั้ง นี้พฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ที่ผู้สูงอายุไทยปฏิบัติตัวได้น้อยที่สุดเรียงตามลาดับ ได้แก่ ออกกาลังกายสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 15-30 นาทีเป็นประจำคิดเป็นร้อยละ 57 ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 แก้วหรือมากกว่าเป็นประจำคิดเป็นร้อยละ 65 รับประทานผักและผลไม้เป็นประจำคิดเป็นร้อยละ 66 ไม่ดื่มสุรา/เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์คิดเป็นร้อยละ 83 และไม่สูบบุหรี่คิดเป็นร้อยละ 84 การเจ็บป่วยด้วยโรค/ปัญหาสุขภาพมีดังต่อไปนี้ โรคความดันโลหิตสูงคิดเป็นร้อยละ 41 โรคเบาหวานคิดเป็นร้อยละ 18 ข้อเข่าเสื่อมคิดเป็นร้อยละ 9 เป็นผู้พิการคิดเป็นร้อยละ 6 โรคซึมเศร้าคิดเป็นร้อยละ 1 และผู้ป่วยติดเตียงคิดเป็นร้อยละ 1 มีเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น ที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์และไม่มีโรค/ปัญหาสุขภาพ (การสำรวจสุขภาวะผู้สูงอายุไทย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, 2556) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555-2559) ใช้แนวคิดที่ต่อเนื่องจากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8-10 โดยยังคงยึดหลัก “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ที่ให้ “คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา” และ “สร้างสมดุลการพัฒนา” ในทุกมิติ มีความสอดคล้องกับ แผนผู้สูงอายุแห่งชาติ (พ.ศ.2545 – 2564) ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 1 พ.ศ.2552 ประเด็นแรกผู้สูงอายุที่มีคุณภาพที่ดี เช่น มีสุขภาพที่ดีทั้งกายและจิต มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลและข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ประเด็นที่สองครอบครัวและชุมชนเป็นสถาบันหลักที่มีความเข้มแข็ง สามารถให้การเกื้อหนุนแก่ผู้สูงอายุได้อย่างมีคุณภาพ ประเด็นที่สามระบบสวัสดิการและบริการ จะต้องสามารถรองรับผู้สูงอายุให้สามารถดำรงอยู่ กับครอบครัวและชุมชนได้อย่างมีคุณภาพและมีมาตรฐาน ประเด็นที่สี่ทุกภาคส่วนจะต้องมีส่วนร่วมในระบบสวัสดิการและบริการให้แก่ผู้สูงอายุ โดยมีการกำกับดูแลเพื่อการคุ้มครองผู้สูงอายุในฐานะผู้บริโภค ประเด็นที่ห้าต้องมีการดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุที่ทุกข์ยากและต้องการการเกื้อกูลให้ดำรงชีวิตอยู่ในชุมชนได้อย่างดีและต่อเนื่อง การจะดำเนินตามแผนให้สำเร็จนั้นต้องอาศัย การมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นกระบวนการที่สำคัญก่อให้เกิดพลังของทุกฝ่ายในระดับครอบครัว และชุมชนเพื่อการมีสุขภาพดีถ้วนหน้า ( WHO,1985 cited in Mac Donald and Chavasse,1997) ดังนั้นการพัฒนารูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชน โดยชุมชนมีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจและใช้ทรัพยากรชุมชน และทุนทางสังคม ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีบทบาทในการบริหารจัดการชุมชนในความรับผิดชอบของตนเอง เพื่อให้การดูแลสุขภาพที่สอดคล้องกับบริบททางสังคม วัฒนธรรม บ้านพังเทียม ตำบลพระทองคำ อำเภอพระทองคำ จังหวัดนครราชสีมา มีประชากร 1,146 คน มีผู้สูงอายุ 205 คน คิดเป็นร้อยละ 17.89 ของประชากรทุกช่วงอายุ (ข้อมูลสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ณ วันที่ 25 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ) เป็นหมู่บ้ายในโครงการ หมู่บ้านวิทยาลัยผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ของวิทยาลัย ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนด้านสุขภาพผู้สูงอายุ กรรณิการ์ หาญสูงเนิน และคณะ(2556) ศึกษาปัจจัยทำนายพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุบ้านพังเทียม พบว่าพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพโดยรวมอยู่ในระดับเหมาะสมมาก มีพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพรายด้านในด้านโภชนาการ ด้านการจัดการกับความเครียด ด้านความรับผิดชอบต่อสุขภาพและการเจริญทางจิตวิญญาณอยู่ในระดับเหมาะสมมาก กิจกรรมทางกาย และสัมพันธภาพระหว่างบุคคล อยู่ในระดับเหมาะสมปานกลาง มีการรับรู้ประโยชน์ของพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ การรับรู้สมรรถนะแห่งตน การสนับสนุนทางสังคม และการรับรู้อุปสรรคของพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ สามารถร่วมกับทำนายพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุบ้านพังเทียมได้ร้อยละ 84.5 ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .05 ดังนั้นคณะผู้วิจัยจึงเลือกได้พิจารณาเลือกหมู่บ้านพังเทียมในการศึกษาวิจัยการพัฒนารูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ โดยเน้นกระบวนการที่มีส่วนร่วมของชุมชน ตั้งแต่การวิเคราะห์สถานการณ์การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชน ปัญหา วางแผนและดำเนินกิจกรรมร่วมกัน และประเมินผลกิจกรรมผ่านการเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อศึกษาปัจจัยและแนวทางในการส่งเสริมสุขภาพในผู้สูงอายุ ให้สอดคล้องกับวิถีการดำเนินชีวิตและความต้องการของชุมชน The research objective.To study the factors and guidelines for health promotion in the elderly through involvement in the community.Research performed research.This research is a research workshop (Action Research), using a technical process of planning is involved (A-I-C technique), the study researchers divided into 3 phases phase explores the needs of the community. The action stage, stage community plan, which defines the activities and operations, respectively, as follows: 1. a survey of the needs of the community stage. 1.1. basic information gathering of the community include the geographic location of the village. General information qualitative data: population, social economic The cultural tradition and the wisdom of local infection lifestyle living in the village. 1.2. coordinate with the Administration in ruins and the sub-district involved. Request for cooperation and support in conducting the research. Notice of purpose. The method of operation and the duration of action research, acknowledged, as well as the request for cooperation in allowing those involved to participate in the activity in the research. 1.3. clarification of the meeting and understanding between research groups, the representative unit of the Sesame.
การแปล กรุณารอสักครู่..
