“ จากเด็กสู่ผู้ใหญ่เวลาผ่านไปไปเหมือนโกหก ”
จากอดีดสู่ปัจจุบันก็เป็นเวลาเกือบ 21 ปีแล้วที่ฉันเกิดมาและใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เวลามันช่างผ่านไปเร็วจนไม่น่าเชื่อ จนตอนนี้เองมันทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ฉันโตมาจากครอบครัวเล็กๆที่แสนจะอบอุ่น ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ดี รอบบ้านของฉันแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ ป่าไม้ ทุ่งนา แม่น้ำ ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงาม พ่อแม่ของฉันเป็นชาวนา บ้านฉันใกล้ชายแดนกัมพูชา ดั้งนั้นภาษาถิ่นของฉันคือ ภาษาเขมร ฉันเป็นคนที่ผิวดำ เพื่อนที่มหาลัยชอบเรียกฉันว่าเขมรดำ แม่เคยเล่าให้ฉันฟังว่า ตอนเด็กน้อย ฉันเป็นคนขี้แย ฉันเป็นคนซุ้มซ่ามอย่างมาก ฉันชอบมีโลกส่วนตัว เวลาที่ฉันอยู่ในโลกของฉัน ฉันจะมีความสุขมาก ฉันเป็นคนพูดเก่ง ยิ้มเก่ง ขี้สงสัย ชอบทำอะไรที่เด็กผู้หญิงเขาไม่ทำกัน เช่น ปีนต้นไม้ ยิงนก เตะฟุตบอล พอฉันได้เข้าไปเรียนมัธยมปลายโรงเรียนในเมือง จากนิสัยที่ชอบพูดภาษาเขมรกับคุณครูในสมัยตอนเด็กๆก็หายไป เพราะว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนอำเภอ เด็กนกเรียนส่วนมากเป็นเด็กในเมือง ไม่ค่อยมีเด็กนอกเมืองไปเรียนสักเท่าไร ฉันเลยจำเป็นต้องพูดภาษาไทยกับครูและเพื่อนๆ แต่ยังไงฉันก็ยังพูดภาษาไทยตกเขมรอยู่ดี นิสัยฉันในตอนมัธยมปลายเด็กบ้านนอกยังไงก็อย่างนั้น เสาร์-อาทิตย์ ไปนาเลี้ยงวัว เลิกเรียนเอาวัวเข้าคอก ชีวิตของฉันตอนนั้นสนุกมาก มีเพื่อนที่ดี ถ้าเพื่อนอกหัก ฉันคนเดียวในกลุ่มที่ต้องไปปลอมใจเพื่อน เพราะว่าฉันไม่สวยไม่เคยอกหัก เลยไม่รู้จักอกหัก ฉันจะไม่ค่อยปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเพื่อน ฉันเป็นคนที่ร่าเริง ชอบมีมุขมาทำให้เพื่อนหัวเราะเสมอ เวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมาก พอเข้ามหาลัยทำให้ฉันได้เปิดโลกกว้างขึ้น ได้เห็นสังคมที่กว้างขึ้น แต่ฉันก็ยังจำคำสอนที่พ่อแม่พร่ำสอน ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ไม่ลืมบ้านเกิด จะทำอะไรก็จะนึกถึงพ่อแม่เป็นที่หนึ่ง รวมกับการใช้เงิน ฉันจะใช้เงินที่ประหยัด ฉันสงสารพ่อแม่ของฉันที่ตากแดดทำนาส่งให้ฉันเรียน ณ ตอนนี้ฉันต้องตั้งใจเรียน เพื่ออนาคตของครอบครัวและฉันเอง
แม้วันเวลาจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ไม่ว่าจะเด็กหรือโตฉันคนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยน เรื่องราวของฉันมันยังคงมีคุณค่าและมีความหมายกับฉันเสมอ นี่ก็คือฉัน