บริษัท เอส.บี.อุตสาหกรรมเครื่องเรือน เจ้าของแบรนด์ “เอส.บี.เฟอร์นิเจอร์” ซึ่งเป็นผู้นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาสู่วงการเฟอร์นิเจอร์ไทยอย่างต่อเนื่อง และเป็นธุรกิจครอบครัวที่เติบโตมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ชอว์บราเดอร์ ซึ่งทำธุรกิจเครื่องเรือนห้องนอนจากไม้สักเมื่อ 30 กว่าปีก่อน โดยในปี 2514 ได้ริเริ่มทำแคตตาล็อกเพื่ออำนวยความสะดวกในการสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ ทำให้มียอดสั่งซื้อจนผลิตไม่ทัน ต่อมาบริษัทเห็นว่า ไม้สักจากป่าซึ่งเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติเริ่มลดน้อยลงและมีปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า บริษัทจึงบุกเบิกการนำเข้าไม้ปาร์ติเคิลบอร์ดจำนวนมากจากนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นไม้ที่ผลิตจากไม้ยางพาราบดนำมาอัดเป็นแผ่นแข็ง แล้วปิดผิวหน้าด้วยกระดาษปิดผิวซึ่งเลือกลายได้ มีคุณสมบัติทนทานสามารถทำเป็นเฟอร์นิเจอร์แทนไม้ธรรมชาติได้ แต่ต้องนำเข้าจากเยอรมนี
โดยในช่วงแรกที่วางตลาด ผู้บริโภคยังไม่รู้จักไม้ชนิดนี้ บริษัทจึงพยายามสร้างตลาดด้วยการผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กๆ ก่อน เพื่อให้ผู้บริโภคทดลองใช้ รวมทั้งจัดสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับไม้แบบใหม่และแนะนำเทคนิคการขายให้กับร้านค้าที่มีอยู่ทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ดังกล่าวไม่สามารถทำให้ผู้บริโภคยอมรับได้ สินค้าถูกตีกลับหมด บริษัทจึงเปลี่ยนแนวคิดหันมาเปิดตลาดใหม่ด้วยรูปแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนด้วยการนำเฟอร์นิเจอร์เข้าไปขายในห้างสรรพสินค้า ภายใต้แบรนด์เอส.บี.เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งย่อมาจากชอว์บราเดอร์นั่นเอง โดยจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นห้อง พร้อมกับการลงทุนโฆษณาในหนังสือพิมพ์ร่วมล้านบาท ซึ่งส่งผลให้แบรนด์เอส.บี.เริ่มติดตลาดทันที หลังจากนั้นก็ยังคงสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่องมาตลอด 5 ปีด้วยสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ที่ใช้งบประมาณกว่า 40 ล้านบาท เพื่อตอกย้ำให้ผู้บริโภครับรู้และเชื่อมั่นในบทบัญญัติ 4 ประการของบริษัท ซึ่งสั่งสมมาจากจุดเด่นของผู้บริหารงานแต่ละรุ่น ได้แก่ นวัตกรรม, ทันสมัย, น่าเชื่อถือ และใส่ใจ โดยกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญ คือ การสร้างแบรนด์และตอกย้ำบุคลิกภาพของแบรนด์ให้ชัดเจน เพื่อสร้างความแตกต่างจากสินค้าแบรนด์อื่น
สำหรับรูปแบบการดีไซน์ของ เอส.บี.จะอิงแนวยุโรปผสมผสานกับเยอรมันหรืออิตาลี เน้นที่ความละเอียดและความรู้สึกเมื่อใช้งาน วัสดุที่ใช้ประกอบส่วนใหญ่นำเข้าจากเยอรมันกับอิตาลี รวมทั้งใช้เครื่องจักรจากเยอรมันเกือบ 100% ในส่วนของ R&D ก็มีการส่งนักออกแบบไปดูงานต่างประเทศ รวมทั้งเชิญนักออกแบบชาวอิตาลีเข้ามาสอนงาน ทั้งนี้ จุดเด่นของเอส.บี.คือ เฟอร์นิเจอร์ไม้และเฟอร์นิเจอร์ห้องนอน ซึ่งมีลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายเก่าที่เป็นคู่ค้ามากว่า 30 ปี โดยมีลูกค้าที่ซื้อซ้ำ (Repeating Purchase) ไม่ต่ำกว่า 50% ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีการนำเสนอสินค้าเพิ่มขึ้นหลากหลายประเภท โดยแยกแบรนด์ออกเป็นกลุ่ม อาทิ แบรนด์ Cuisine เป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องครัว, แบรนด์ Zelection เป็น เฟอร์นิเจอร์แบบ built - In และ แบรนด์ Koncept ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์คุณภาพดีที่ราคาย่อมเยากว่าเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคกลุ่มใหญ่โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด นอกจากนี้ ยังมีการส่งออกไปกว่า 30 ประเทศทั่วโลกด้วยแบรนด์ของตนเอง ซึ่งเป็นไปในลักษณะคล้ายแฟรนไชส์ โดยมีข้อตกลงว่าตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศจะต้องขายสินค้าภายใต้ แบรนด์ของ เอส.บี. หรือ Koncept เท่านั้น