ปัจจุบันมีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจาก

ปัจจุบันมีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากธรรมชาติกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งผลิตภัณฑ์บางชนิดมีสรรพคุณลดการดูดซึมอาหารที่รับประทานเข้าไป และนอกจากนี้ผลิตภัณฑ์นั้นๆยังช่วยเพิ่มการขับถ่ายอีกด้วย แพทย์หญิง ดวงรัตน์ เชี่ยวชาญวิทย์ จากโรงพยาลบาลบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก ไทยแลนด์ ได้แนะนำเรื่องสมุนไพร ชื่อ แมงลัก ใน นิตยสารสุขภาพ ชีวจิต ฉบับที่ 50 ปีที่ 3 1 พฤศจิกายน 2543 เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่มีคุณสมบัติลดการดูดซึมอาหารได้ และแมงลักยังจัดเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งด้วย เรารู้จักแมงลักกันดี ที่ทำเป็นขนมหวานใส่น้ำแข็ง ใส่น้ำหวาน เมล็ดแมงลัก สาคู วุ้น ฯลฯ และเคยรับประทานกันมาแล้ว
แมงลักมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า โอซิมัม ซิตริโอโดรัม (Ocimum citriodorum Linn.forma citrtum Back) อยู่ในวงศ์ ลาบิเอตี (Labiatae) เป็นพืชล้มลุกอยู่ในสกุลเดียวกับพวก กะเพราะ โหรพา ลักษณะของต้นแมงลักคล้ายกับต้นกะเพราะ ต่างกันที่กลิ่นและใบมีสีเขียวจางกว่าใบกะเพรา ลำต้นสูงประมาณ 65 เซนติเมตร ลักษณะของลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม และมีกลิ่นหอมทุกๆส่วน ทั้งลำต้น กิ่ง ก้าน ใบ ดอก
ใบ เป็นใบเดี่ยว มีขนอ่อน มีกลิ่นหอม ใบมีรูปร่างเป็นรูปหอกหรือรูปรี ใบจะออกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ ปลายใบและโคนใบจะแหลม ขอบใบเรียบหรือหยักมน ใบแมงลักใช้ประกอบอาหารเช่นเดียวกับกะเพราะ โหระพา ส่วนมากใช้รับประทานกับขนมจีน หรือใส่เครื่องแกงต่างๆ
ใบแมงลักมีสารอาหารสำคัญหลายอย่าง ดร.สุธาทิพย์ ภมรประวัติ ได้แนะนำสารอาหารที่สำคัญของใบแมงลัก ในคอลัมน์ บทความพิเศษ นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 357 มกราคม 2552 ใบแมงลักสด 100 กรัมมีสารอาหารที่สำคัญ เช่น
แคลเศี่ยม 150 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 86 มิลลิกรัม
เหล็ก 4.9 มิลลิกรัม วิตามิน เอ 10.66 หน่วยสากล(IU)
ไทอามิน 0.3 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0.14 มิลลิกรัม
ไนอาซิน 1.0 มิลลิกรัม วิตามิน ซี 78 มิลลิกรัม
เส้นใยอาหาร 2.6 กรัม คาร์โบไฮเดรต 11.1 กรัม
ไขมัน 0.8 กรัม โปรตีน 2.9 กรัม
พลังงาน 32 แคลอรี
ดอก ออกเป็นช่ออยู่ปลายยอด ช่อดอกจะออกรอบๆก้านดอกเรียงเป็นชั้นๆ ชั้นละ 2 ช่อดอก แต่ละช่อดอกประกอบด้วย 3 ดอกย่อย กลีบดอกมีสีขาวและร่วงง่าย
ผล จะเป็นผลชนิดแห้ง ภายในมี 4 ผลย่อย ซึ่งผลย่อยของต้นแมงลัก แต่ละผลนั้นเรียกว่า เมล็ดแมงลัก

แพทย์หญิง ดวงรัตน์ เชี่ยวชาญวิทย์ กล่าวว่า ส่วนที่นำมาใช้เป็นยาของแมงลัก คือ เมล็ดแมงลักที่แก่ บริเวณเปลือกนอกของผลจะมี สารเมือก ซึ่งสามารถพองตัวในน้ำได้ถึง 45 เท่า และได้ทำการศึกษาวิจัยพบว่า มีสรรพคุณเป็นยาระบายชนิดเพิ่มกาก (Bulk laxative) เนื่องจากสารเมือกเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะไม่ถูกย่อย จึงช่วยเพิ่มกากอาหารได้ และสารเมือกนี้ยังช่วยหล่อลื่น ทำให้อุจจาระอ่อนตัวสามารถขับถ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น
จึงมีการนำเมล็ดแมงลักมารับประทานก่อนอาหาร หรือบางคนก็รับประทานแทนอาหารเพื่อไม่ให้กระเพาะว่าง จึงสามารถช่วยลดความอ้วนได้ เพราะเมล็ดแมงลักไม่ก่อให้เกิดแคลอรี่ (พลังงาน) เนื่องจากไม่มีการย่อยสลายและดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
ข้อที่ควรต้องระวังเป็นอย่างมาก คือ ถ้ารับประทานเมล็ดแมงลักในขณะที่ยังพองตัวไม่เต็มที่ จะมีการดูดน้ำจากกระเพาะอาหารได้ ทำให้เมล็ดแมงลักจับตัวเป็นก้อนแข็งอุดตันลำไส้ ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้มากขึ้น ดังนั้นเวลาแช่เมล็ดแมงลักก่อนรับประทาน จะต้องใส่น้ำให้มากพอสมควร
สำหรับใบของแมงลักยังประกอบด้วย น้ำมันหอมระเหยประเภท การบูร (Camphor) บอร์นีออล (Borneol) ซินีออล (Cioneol) ซึ่งมีสรรพคุณช่วยขับลม ทำให้ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และยังมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคกลาก บรรเทาอาการหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล
เมล็ดแมงลักยังใช้รับประทานเป็นของหวาน นอกจาก ใส่น้ำหวาน เมล็ดแมงลัก วุ้น และใส่น้ำแข็ง ขนมวุ้นหน้าเมล็ดแมงลัก นอกจากนี้ในปัจจุบันยังใส่ในไอศครีมเพื่อนำให้เนื้อไอศครีมเหนียวขึ้น และนิยมใส่ในน้ำเต้าหู้ร่วมกับวุ้น สาคู ถั่วแดง ฯลฯ ซึ่งมีขายตามตลาดต่างๆในตอนเช้าหรือตอนเย็น

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Use products that are made from natural, widely. Some products which are commonly used to reduce the absorption of food, eating into their products, and also to increase excretion. Doctor Sun jewel (female) Specializes in computer science from bang krathum of Phitsanulok province benefited Thailand phayan is herbs, instructions. The name Lemon Basil in a health magazine. She wachit original 50 years 3 1 November 2543 is natural products that reduce the absorption of food, and Lemon Basil is a type of herb. We know well that a Lemon Basil Sweet ice Lemon Basil seed tapioca vermicelli sweet water, etc and never eaten. Lemon Basil is the name of the science that the maximum video. SI domain, click o rum (Ocimum citrtum Back Linn.forma citriodorum) is in the House. La publication (Labiatae) as bikini a. plants get the same failing them because I was taking a shift. The style of the early shift, similar to Lemon Basil because of the smell, there are various green semitransparent shade and Basil stems approximately 65 cm high, the characteristics of the stems are square and have a fragrance for every section. All the flower stems branch A single light having a fragrant The shape is oval or a spear will be issued across the end of the cone and the khu is it smooth or curly leaf rounded headland. The Lemon Basil used cooking as well as shift because most use a meal with Basil noodles or Curry, various. The Lemon Basil contains many important nutrients Dr. Suthathip phamon history suggests that of a Lemon Basil in the column. Special articles. The doctor people magazine volume 357 fresh lemon basil leaves 100 g 2552 on January with nutrients.Cache ลเศี่ 150 mg phosphorus, Yom 86 mg4.9 mg iron, vitamin a (IU) 10.66 units.ไทอามิน 0.3 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0.14 มิลลิกรัมไนอาซิน 1.0 มิลลิกรัม วิตามิน ซี 78 มิลลิกรัมเส้นใยอาหาร 2.6 กรัม คาร์โบไฮเดรต 11.1 กรัมไขมัน 0.8 กรัม โปรตีน 2.9 กรัมพลังงาน 32 แคลอรี ดอก ออกเป็นช่ออยู่ปลายยอด ช่อดอกจะออกรอบๆก้านดอกเรียงเป็นชั้นๆ ชั้นละ 2 ช่อดอก แต่ละช่อดอกประกอบด้วย 3 ดอกย่อย กลีบดอกมีสีขาวและร่วงง่าย ผล จะเป็นผลชนิดแห้ง ภายในมี 4 ผลย่อย ซึ่งผลย่อยของต้นแมงลัก แต่ละผลนั้นเรียกว่า เมล็ดแมงลัก แพทย์หญิง ดวงรัตน์ เชี่ยวชาญวิทย์ กล่าวว่า ส่วนที่นำมาใช้เป็นยาของแมงลัก คือ เมล็ดแมงลักที่แก่ บริเวณเปลือกนอกของผลจะมี สารเมือก ซึ่งสามารถพองตัวในน้ำได้ถึง 45 เท่า และได้ทำการศึกษาวิจัยพบว่า มีสรรพคุณเป็นยาระบายชนิดเพิ่มกาก (Bulk laxative) เนื่องจากสารเมือกเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะไม่ถูกย่อย จึงช่วยเพิ่มกากอาหารได้ และสารเมือกนี้ยังช่วยหล่อลื่น ทำให้อุจจาระอ่อนตัวสามารถขับถ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น จึงมีการนำเมล็ดแมงลักมารับประทานก่อนอาหาร หรือบางคนก็รับประทานแทนอาหารเพื่อไม่ให้กระเพาะว่าง จึงสามารถช่วยลดความอ้วนได้ เพราะเมล็ดแมงลักไม่ก่อให้เกิดแคลอรี่ (พลังงาน) เนื่องจากไม่มีการย่อยสลายและดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ข้อที่ควรต้องระวังเป็นอย่างมาก คือ ถ้ารับประทานเมล็ดแมงลักในขณะที่ยังพองตัวไม่เต็มที่ จะมีการดูดน้ำจากกระเพาะอาหารได้ ทำให้เมล็ดแมงลักจับตัวเป็นก้อนแข็งอุดตันลำไส้ ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้มากขึ้น ดังนั้นเวลาแช่เมล็ดแมงลักก่อนรับประทาน จะต้องใส่น้ำให้มากพอสมควร สำหรับใบของแมงลักยังประกอบด้วย น้ำมันหอมระเหยประเภท การบูร (Camphor) บอร์นีออล (Borneol) ซินีออล (Cioneol) ซึ่งมีสรรพคุณช่วยขับลม ทำให้ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และยังมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคกลาก บรรเทาอาการหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล เมล็ดแมงลักยังใช้รับประทานเป็นของหวาน นอกจาก ใส่น้ำหวาน เมล็ดแมงลัก วุ้น และใส่น้ำแข็ง ขนมวุ้นหน้าเมล็ดแมงลัก นอกจากนี้ในปัจจุบันยังใส่ในไอศครีมเพื่อนำให้เนื้อไอศครีมเหนียวขึ้น และนิยมใส่ในน้ำเต้าหู้ร่วมกับวุ้น สาคู ถั่วแดง ฯลฯ ซึ่งมีขายตามตลาดต่างๆในตอนเช้าหรือตอนเย็น