The world under the sea is a vast, empty, blue is a. The Sun seems to Flash suddenly bent over the amount of the transaction, the hot spot of the waves on a subsequent. The ocean blue-fin tuna mingle with a back shaped like a giant missile. The largest measured four meters or more in length and heavier than a half ton. Pale-colored side of the trunk it emitting sparkling. All the khribotwan and curved fins stiff fins behind the second reflective video bawap. Swim fins, tail section that uses broken turn, wong Wai as a crowd-driven forward by approximately 20 kilometres per hour speed and up to nearly 50 kilometers per hour in the range rises to soar, however fleeting, they suddenly.True that the tuna Thunnus is Matcha owner power. Body-an elusive prat has been adjusting until the complete fully equipped with spare parts excellent in biology that go into a high mechanical swimming machines. Outstanding features that make a difference, real tuna: the size of the big variety of species distribution, swimming, wilderness, powerful as a warm-blooded animal, the gums are bigger body temperature (thermoregulation), floor standing, the amount of oxygen can be absorbed quickly. The concentration of hemoglobin in red blood cells and there is a mechanism for the operation of the intelligent heart all has developed the most advanced compression in the blue fin tuna.The blue fin tuna, all three types of tuna, Atlantic blue fin tuna, blue fin tuna, blue fin, South Pacific, and separately by the ocean, the world is blue fin tuna, a fish, a modern but it's relationship with humanity, the old long- Japan fishermen catch tuna, blue Pacific for over 5000 years, fins, indigenous people of Hai da in the Pacific Northwest, for example, British Colombia Canada and Alaska to hunt fish of this type for a long time.ทูน่าครีบน้ำเงินเป็นปลาที่มีการทำประมงเกินขนาดมากที่สุดชนิดหนึ่งในโลก ประชากรที่วางไข่ในน่านน้ำทางตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติกลดจำนวนลงถึงร้อยละ 64 นับตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา เมื่อเดือนมกราคม ปี 2013 ปลาทูน่าครีบน้ำเงินตัวเดียวขายได้ด้วยสนนราคาถึง 1.76 ล้านเหรียญสหรัฐในกรุงโตเกียว ราคาสูงลิบเช่นนี้ส่วนหนึ่งเป็นกลไกการโฆษณา อีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องพิธีกรรมของชาวญี่ปุ่น กล่าวคือปลาทูน่าตัวแรกในตลาดประมูลของแต่ละปีจะถูกแย่งประมูลด้วยราคาสูงลิบ แม้เมื่อเทียบกับมาตรฐานของชาวญี่ปุ่นเอง กระนั้น แม้แต่ราคาปกติของทูน่าครีบน้ำเงินขนาดกลาง นั่นคือระหว่าง 10,000 ถึง 20,000 เหรียญสหรัฐแล้วแต่คุณภาพ ก็ถือเป็นเครื่องบ่งชี้อันน่าตกใจว่า ชาวญี่ปุ่นในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดให้ค่ากับ มากุโระ หรือซูชิทูน่าครีบน้ำเงินมากขนาดไหนอุตสาหกรรมประมงปลาทูน่าครีบน้ำเงินแอตแลนติก อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของคณะกรรมาธิการเพื่อการอนุรักษ์ปลาทูน่าในมหาสมุทรแอตแลนติก หรือไอซีซีเอที (International Commission for the Conservation of Atlantic Tunas: ICCAT) แบบจำลองการประเมินจำนวนประชากรทูน่าของไอซีซีเอทีใช้เส้นประคั่นแบ่งมหาสมุทรแอตแลนติก ตอนเหนือตามแนวดิ่ง เส้นกำหนดเขตที่วาดขึ้นเมื่อปี 1981 นี้แบ่งแยกกลุ่มประชากรทูน่าครีบน้ำเงินแอตแลนติกฝั่งตะวันตกออกจากประชากรทางฝั่งตะวันออก สอดคล้องกับความเชื่อของนักวิทยาศาตร์ในยุคหนึ่งที่ว่า ประชากรทูน่าครีบน้ำเงินแต่ละกลุ่มแยกกันอยู่ในมหาสมุทรฟากของตัวเอง แต่ปัจจุบันไม่มีใครเชื่อเช่นนั้นอีกต่อไป ทุกหนแห่งในมหาสมุทรแอตแลนติกและทั่วถิ่นหากินทั้งหมดของปลาชนิดนี้ กลุ่มประชากรฝั่งตะวันตกและตะวันออกต่างปะปนกันและดูเหมือนจะมีเพียงพื้นที่วางไข่ของแต่ละกลุ่มประชากรเท่านั้นที่พวกมันแยกกันใช้ข้อเท็จจริงนี้ได้รับการยืนยันโดยนักวิจัยที่ติดป้ายระบุและติดตามตัว ตลอดจนนักวิทยาศาสตร์ด้านดีเอ็นเอตั้งแต่เมื่อกว่าสิบปีก่อน ดังนั้นเส้นไอซีซีเอทีจึงไม่เพียงเป็นเครื่องมือบริหารจัดการที่บกพร่อง แต่ยังไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือได้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น แบบจำลองไอซีซีเอทียังไม่ให้ความสำคัญกับปัญหาการจับปลาอย่างผิดกฎหมาย ทั้งๆที่ผลการศึกษาหลายชิ้นระบุว่า มีการจับทูน่าครีบน้ำเงินอย่างผิดกฎหมายเป็นปริมาณมหาศาลเมื่อปี 2008 นักวิทยาศาสตร์รายงานว่า ปริมาณปลาทูน่าฝั่งตะวันออกที่ถูกจับจริงนั้นอาจสูงกว่าโควตาที่อนุญาตหรือ 28,500 ตัน มากกว่าสองเท่าตัว และเลยระดับการจับที่ยั่งยืนมากกว่าสี่เท่า และแนะนำให้งดการทำประมงทูน่าทั้งหมดตลอดช่วงวางไข่หลัก และลดโควตาการจับลงเหลือ 15,000 ตันหรือน้อยกว่า แต่ไอซีซีเอทีก็เพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องเหล่านั้นตามเคยข่าวดีคือยังมีนักชีววิทยาด้านการประมงกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งเชื่อว่า หากประชาการทูน่าครีบน้ำเงินแอตแลนติกได้รับโอกาสให้ฟื้นตัว พวกมันจะสามารถเพิ่มจำนวนสูงขึ้นได้ถึงห้าเท่าของจำนวนในปัจจุบัน และถ้ามีการบริหารจัดการอย่างชาญฉลาด เราอาจกำหนดโควตาการจับทูน่าในระดับที่เหมาะสมและยั่งยืนตลอดไป
จากนั้นเมื่อปี 2011 ไอซีซีเอทีได้เริ่มทดสอบระบบติดตามปลาด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่ตอนที่จับได้ในมหาสมุทรจนกระทั่งถึงท้องตลาด เพื่อแก้ปัญหาการจับปลาอย่างผิดกฎหมาย ระบบดังกล่าวจะใช้งานอย่างเต็มรูปแบบตอนต้นปี 2014 นอกจากนี้ ไอซีซีเอทียังมุ่งปรับปรุงหลักเกณฑ์ การประเมินจำนวนประชากรทูน่าอันคร่ำครึของตนเสียใหม่ภายในปี 2015 อีกด้วย
การแปล กรุณารอสักครู่..
