5. ข้อมูลจากนักวิจัย
นักวิจัยกล่าวว่าเด็กวัย 10-11 ขวบทุกวันนี้มักจ้องจอภาพหลายๆจอพร้อมกันเช่นดูทีวีไปพร้อมกับใช้ IPAD สมาร์ทโฟนหรือกดเกมกดไปพร้อมกันได้แม้ความสามารถนี้จะดูมีประโยชน์นักวิจัยได้กล่าวเตือนว่าพฤติกรรมเหล่านี้ทำให้วัยรุ่นเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนและอาจมีปัญหาสุขภาพจิตได้ยิ่งยุคนี้ที่ผู้คนสามารถเลือกดูทีวีรายการที่ต้องการเมื่อไหร่ก็ได้ผ่านอินเทอร์เน็ตเล่มเกมคอมพิวเตอร์ผ่านโน้ตบุ๊กใช้โทรศัพท์มือถือแชทกับเพื่อนผ่านFacebook หรือจะทำทุกอย่างพร้อมกันก็ยังได้งานวิจัยศึกษาตัวอย่างของเด็กวัย 10-11 ขวบ
63 คน พบว่าเด็กยุคนี้ชอบดูจอภาพมากกว่า 1 จอในเวลาเดียวกันเช่นใช้โทรศัพท์มือถือหรือเครื่องใช้ไฮเทค
อีกชิ้นหาข้อมูลในระหว่างช่วงโฆษณาทางทีวีและมักแชทกับเพื่อนขณะรอเกมคอมพิวเตอร์เริ่มเกมทีวีกลายเป็นอุปกรณ์ให้ความบันเทิงฉากหลังแทนในขณะที่วัยรุ่นมักทำอย่างอื่นไปพร้อมๆกันโดยเฉพาะหากต้องดูรายการโทรทัศน์น่าเบื่อเพราะพ่อแม่เลือกที่จะดู ดร.รัสจาโก จากมหาวิทยาลัยริสตอลกล่าวว่าเราสามารถดูทีวีผ่านคอมพิวเตอร์ใช้เกมกดต่ออินเทอร์เน็ตสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตฟังเพลงและเครื่องแล็ปท็อปสามารถทำได้ทุกอย่างข้างต้นในขณะที่โครงการรณรงค์เพื่อสุขภาพยังรณรงค์แค่ลดการดูโทรทัศน์ เขากล่าวว่าเด็กยุคนี้สามารถเข้าถึงสื่อที่แตกต่างกันผ่านอุปกรณ์อย่างต่ำ 5 เครื่องต่อคนโดยเฉลี่ยและอุปกรณ์ส่วนใหญ่สามารถพกพาได้หมายความว่าเด็กสามารถนำเอาอุปกรณ์เหล่านี้เข้าห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นแล้วแต่อารมณ์และความต้องการบรรยากาศส่วนตัวของเด็กเขาชี้ว่านั่นหมายความว่าครอบครัวจำเป็นต้องให้ความสำคัญและความร่วมมือกัน เพื่อลดการใช้เวลาไปกับการจ้องจอภาพหลายๆจอของวัยรุ่นลงไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ไหน ก็ตาม
การวิจัยจาก Interphone project นี้ใช้เวลากว่า 10 ปีสูญสิ้นเงินไปถึงกว่า 1 พันล้านบาทโดยทำการทดลองกับ 13 ประเทศและเกี่ยวข้องกับการสัมภาษณ์ผู้คนมากถึง 12,800 คนเลยทีเดียวเพื่อหาคำตอบเดียวว่า “คลื่นโทรศัพท์มือถืออันตรายต่อมนุษย์จริงหรือไม่” และคำตอบคือการใช้โทรศัพท์มือถือมากอาจจะก่อให้เกิดเนื้องอกมากกว่าคนที่ไม่ได้ใช้ถึง 50% ซึ่งคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือเหล่านี้มีอัตราการเสี่ยงต่ออันตรายกับสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและนำมาซึ่งเนื้องอกในสมอง 3 ชนิดและหนึ่งในนั้นยังรวมถึงภาวะผิดปกติในต่อมนํ้าลายด้วย ผลวิจัยระบุว่าปัจจุบันโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆเร่งให้เกิดการกระตุ้นคลื่นสนามแม่เหล็กถึง 217 ครั้ง/นาที ฉะนั้นเด็กวัยประถมไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีโทรศัพท์มือถือและเด็กๆควรใช้ SMS แทนการโทรส่วนผู้ชายไม่ควรเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ที่กระเป๋ากางเกงเพราะจะมีผลต่อการเจริญของอวัยวะสืบพันธุ์อย่างรุนแรง
สรุปคือการใช้โทรศัพท์มือถือมากๆจะส่งผลกระทบต่อสมองแน่นอนนอกจากนี้ยังมี “ความจริง” และ “ข้อควรปฏิบัติ” อีกมากเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือดังนั้นควรใช้โทรศัพท์มือถือสัมผัสโดยตรงในการโทรศัพท์ให้น้อยลงและเปลี่ยนมาใช้สมอลล์ทอล์กบลูทูธแทนและไม่ใช่เพียงแต่สมองเท่านั้นอวัยวะอื่นๆของร่างกายอาจเกิดผลกระทบไปด้วยโดยเฉพาะเด็กๆที่มีกะโหลกยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่การหลีกเลี่ยงการใช้มือถือโทรหากันจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดโดยการนำโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงทำให้เสี่ยงต่อปริมาณสเปิร์มจะลดลงถึง 30% จึงควรเก็บมือถือให้ห่างจากตัวอย่างน้อย 1 เมตรเวลานอนเพราะคลื่นจะได้ไม่ส่งมาถึงและควรปิดมือถือเสียเลยในเวลานอนไม่ควรที่จะเอามือถือมาแทนนาฬิกาปลุกดังนั้นจึงควรใช้หูฟังบลูทูธแทนการสัมผัสกับหูโดยตรงเพื่อเป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ดีและเป็นสิ่งที่ทุกคนควรเริ่มทำกันได้แล้วเพราะจะสามารถช่วยลดรังสีจากมือถือได้ถึง 90% ถึงตอนนี้หลายประเทศต่างมีมาตรการป้องกันการใช้มือถือกับเยาวชนมากมายอาทิฝรั่งเศสห้ามโฆษณาขายมือถือให้เด็กตํ่ากว่า 12 ปีและให้ค่ายมือถือเสนอโปรโมชั่นเฉพาะส่ง SMS อย่างเดียวกับพ่อแม่ที่จะซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกส่วนที่ออสเตรเลียประเทศแห่งกฎหมายที่เคร่งครัดก็แนะนำว่าให้ประชาชนใช้โทรศัพท์มือถือเฉพาะในกรณีที่เหมาะสมเท่านั้น