2.1 คาร์บอนในดินแหล่งที่มาของคาร์บอ

2.1 คาร์บอนในดิน
แหล่งที่มาของคาร์บอนในดินจะมีอยู่ด้วยกันสามรูปแบบคือ ในรูปของธาตุ สารประกอบอนินทรีย์ และสารประกอบอินทรีย์ ทั้งนี้รูปแบบทั้งสามจะมีความสำคัญต่อการเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้ต่างกันไป
2.1.1 คาร์บอนในรูปของธาตุ แหล่งที่มาของคาร์บอนในรูปนี้เกิดมาจากกระบวนการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของอินทรียวัตถุจะปะปนเป็นสารประกอบในรูปของ ถ่าน,เขม่า ส่วนคาร์บอนในกราไฟท์และถ่านหินเกิดจากกระบวนการทางธรณีเช่น ทำเหมืองแร่หรือกระบวนการเผาไหม้ของแร่
2.1.2คาร์บอนจากอนินทรีย์ คาร์บอนในรูปนี้จะมาจากการเกิดทางธรณีหรือตามวัตถุต้นกำเนิดดินมักอยู่ในรูปของคาร์บอเนต พบมากที่สุดอยู่สองประเภทคือ calcite(CaCo3) และ Dolomite[CaMg(Co3)2] ทั้งขึ้นอยู่กับการกำเนิดดินของแต่ละที่ คาร์บอเนตพวกนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางด้านการเกษตรได้อีกด้วย เช่น นำไปเป็นสารปรับปรุงดิน
2.1.3 คาร์บอนจากอินทรีย์ คาร์บอนเป็นสารประกอบของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด คาร์บอนที่สะสมในดินส่วนหนึ่งได้มาจากการทับถมของเศษซากพืชซากสัตว์ และเป็นพื้นฐานของอินทรีย์เคมี นอกจากนี้ อโลหะนี้มีคุณสมบัติทางเคมีที่คุณสมบัติ คือ สามารถทำพันธะกับตัวเอง และธาตุอื่น ๆ เป็นจำนวนมาก เกิดได้เป็นสารประกอบเกือบ 10 ล้านชนิด เมื่อรวมกับออกซิเจน จะเกิดเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตของพืช เมื่อรวมกับไฮโดรเจน จะเกิดเป็นสารประกอบต่าง ๆ ที่เรียกรวม ๆ ว่าไฮโดรคาร์บอน ซึ่งจำเป็นต่ออุตสาหกรรมในรูปแบบของเชื้อเพลิงฟอสซิลเมื่อรวมกับทั้งไฮโดรเจนและออกซิเจน สามารถจะเกิดเป็นสารประกอบได้หลายประเภท เช่น กรดไขมัน ซึ่งจำเป็นต่อชีวิต และ เอสเทอร์ ซึ่งให้รสชาติแก่ผลไม้หลายชนิด
สุนทร (2010) ดินป่าไม้ในภาคเหนือของประเทศไทยซึ่งมีความผันแปรตามลักษณะภูมิประเทศพบว่าพื้นที่ป่าเต็งรัง ดินอยู่ในอันดับ Entisols Inceptisols Ultisols มีปริมาณคาร์บอนสะสมที่ระดับความลึก 1 เมตรอยู่ในช่วง12.11-93.66 Mg.ha-1
สิริรัตน์ และศิริภา (2544) ได้ทำการศึกษาในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าบริเวณพื้นที่ป่าดิบเขา มีการสะสมของปริมาณคาร์บอนถึงระดับความลึกที่ 1 เมตร มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 237.27 ตันต่อเฮกแตร์ รองลงมาคือป่าเบญจพรรณ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 148.50 ตันต่อเฮกแตร์ ส่วนในป่า ดิบแล้งและป่าสนเขา พบแนวโน้มของการสะสมปริมาณคาร์บอนมีค่าใกล้เคียงกันคือ 145.25 และ 132.05 ตันต่อเฮกแตร์ ป่าเต็งรังมีการสะสมของปริมาณคาร์บอนต่ำกว่าป่าธรรมชาติชนิดอื่นๆ คือ 76.75 ตันต่อเฮกแตร์ ส่วนการสะสมของปริมาณคาร์บอนในบริเวณป่าปลูกเท่ากับ 167.9 ตันต่อเฮกแตร์ นอกจากนี้แนวโน้มของการสะสมของปริมาณคาร์บอนจะมีการสะสมอยู่มากในดินชั้นบนและลดลงตาม ระดับความลึกของดิน
  ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก่อกำเนิดจากการที่ได้รับพระราชดำริ เมื่อวัน11 ธันวาคม พ.ศ. 2525 อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนขุนแม่กวงปกคลุมไปด้วยป่าผลัดใบคือป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ มีลักษณะหินที่ต่างกันได้แก่ หินภูเขาไฟ หินทราย และหินดินดาน (Wonganan, 2005) เนื่องจากในอดีตพื้นที่ดังกล่าวมีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชประสงค์ที่ให้เป็นศูนย์กลางในการศึกษา ทดลอง ที่เหมาะสมกับพื้นที่ภาคเหนือ และเผยแพร่แก่ราษฎรให้สามารถนำไปปฏิบัติได้ด้วยตัวเองต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมและการอนุรักษ์ป่าตลอดจนคงความชุ่มชื้นเอาไว้เป็นประโยชน์อย่างที่ 4 และ พื้นที่ต้นน้ำลำธารให้ได้ผลอย่างสมบูรณ์เป็นหลัก โดยต้นทางเป็นการศึกษาสภาพพื้นที่ป่าไม้ต้นน้ำลำธารและ ปลายทางเป็นการศึกษาด้านการประมงตามอ่างเก็บน้ำต่างๆ ผสมกับการศึกษาด้านการเกษตรกรรม ด้านปศุสัตว์และโคนม และด้านเกษตรอุตสาหกรรม เพื่อให้เป็นศูนย์ที่สมบูรณ์แบบ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อราษฎรที่จะเข้ามาศึกษากิจกรรมต่างๆในศูนย์ฯ แล้วนำไปใช้ปฏิบัติอย่างได้ผลต่อไป ดังมีพระราชดำริว่า "ให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ทำหน้าที่เสมือน "พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต" หรืออีกนัย หนึ่งเป็น "สรุปผลการพัฒนา" ที่ประชาชนจะเข้าไปเรียนรู้และนำไปปฏิบัติได้" จากระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันป่าไม้ในพื้นที่ได้ฟื้นตัวและเพิ่มขึ้นตามลำดับ การฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมและการอนุรักษ์ป่าไม้
การลดก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่าในประเทศกำลังพัฒนา ( Reducing Emission from Deforestation and Degradation in Developing Country : REDD )  เป็นกลไกใหม่ที่ถูกนำเสนอเพื่อการแก้ไขปัญหาโลกร้อน เนื่องจากมีข้อมูลว่า มีก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากการทำลายป่าและการทำให้ป่าเสื่อมโทรมในประเทศกำลังพัฒนาคิดเป็นประมาณร้อยละ 20 ของก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด ดังนั้นถ้าลดการทำลายป่าหรือป่าเสื่อมโทรมได้จะช่วยแก้ไขปัญหาโลกร้อนได้มาก ข้อเสนอเรื่อง REDD ถูกเสนออย่างเป็นทางการเข้าสู่เวทีเจรจาเรื่องโลกร้อนโดยประเทศปาปัวนิวกีนีและคอสตาริกาในปี 2548 โดยเสนอว่า หากจะลดปัญหาเรื่องนี้ก็ต้องมีกลไกสนับสนุนด้วย ประเทศกำลังพัฒนายังต้องพึ่งพาป่าเพื่อการดำรงชีพหรือการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หลังจากนั้น การเจรจาเกี่ยวกับรายละเอียดเรื่อง REDD ก็มีมาต่อเนื่องจนถึงในขณะนี้(บัณฑูร,2552)

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

2.1 the carbon in the soil.Source of carbon in the soil are available in three forms, namely in the form of elemental and inorganic compounds, organic compounds, both in this format, all three are vital to be useful to apply a different.2.1.1 elemental carbon in the form of a Source of carbon in this image comes from incomplete combustion processes of organic compounds in the form of bacteria is charcoal, slugs. The section of carbon graphite and coal caused by Earth processes such as mining or mineral's combustion process.2.1.2 inorganic carbon from the carbon in this figure comes from Earth or soil stem subject, often in the form of carbonate. The most common is calcite (CaCo3) in two categories, and Dolomite [CaMg (Co3) 2], depending on the origin of each carbonate soil, they can be applied to the agricultural benefits, such as a soil conditioning.2.1.3 carbon from the organic carbon compounds of living organisms of all kinds. Carbon accumulation in soils derived from the part of fossil remnants and is the basis of organic chemistry. In addition, there are non-metallic chemical properties, this property is that it can be done with myself and many other elements. Corundum occurs nearly 10 million When combined with oxygen, carbon dioxide, which will occur as necessary to the growth of the plant. When combined with various compounds, hydrogen will collectively known as hydrocarbons which are essential to the industry in the form of fossil fuel when combined with both hydrogen and oxygen. It can be caused be several types of compounds, such as essential fatty acids which are essential to life and ester, which allows many kinds of fruit flavor rein. Jessica Garcia (2010) soil, forests in the North of the country, Thailand, which has a variable topography found that fertile forest areas. Soils are Inceptisols Entisols in Ultisols with cumulative carbon at a depth of 1 m are in the range Mg.ha-1 12.11-93.66.Sirirat and Siri-PA (2544) studied in Kanchanaburi and Chiang Mai. Discover that he has a forest area of carbon to depths of 1 m are equal to the average value per tonne 237.27 Hague Central is the forest. An average equal to 148.50 tons per section in Central the Hague, semi-evergreen and pine forest, he. Find the trend of cumulative carbon with similar values is the Hague Central 145.25 and 132.05 per tonne. Fertile forests of lower carbon content than other types of natural forest is 76.75 per tonne the Hague Central. Carbon buildup in the part area of forest planting equals tons of 167.9 Hague Central. In addition, the tendency of accumulation of carbon would have to accumulate abundant in top soil and reduced by. Depth of soil. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก่อกำเนิดจากการที่ได้รับพระราชดำริ เมื่อวัน11 ธันวาคม พ.ศ. 2525 อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนขุนแม่กวงปกคลุมไปด้วยป่าผลัดใบคือป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ มีลักษณะหินที่ต่างกันได้แก่ หินภูเขาไฟ หินทราย และหินดินดาน (Wonganan, 2005) เนื่องจากในอดีตพื้นที่ดังกล่าวมีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชประสงค์ที่ให้เป็นศูนย์กลางในการศึกษา ทดลอง ที่เหมาะสมกับพื้นที่ภาคเหนือ และเผยแพร่แก่ราษฎรให้สามารถนำไปปฏิบัติได้ด้วยตัวเองต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมและการอนุรักษ์ป่าตลอดจนคงความชุ่มชื้นเอาไว้เป็นประโยชน์อย่างที่ 4 และ พื้นที่ต้นน้ำลำธารให้ได้ผลอย่างสมบูรณ์เป็นหลัก โดยต้นทางเป็นการศึกษาสภาพพื้นที่ป่าไม้ต้นน้ำลำธารและ ปลายทางเป็นการศึกษาด้านการประมงตามอ่างเก็บน้ำต่างๆ ผสมกับการศึกษาด้านการเกษตรกรรม ด้านปศุสัตว์และโคนม และด้านเกษตรอุตสาหกรรม เพื่อให้เป็นศูนย์ที่สมบูรณ์แบบ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อราษฎรที่จะเข้ามาศึกษากิจกรรมต่างๆในศูนย์ฯ แล้วนำไปใช้ปฏิบัติอย่างได้ผลต่อไป ดังมีพระราชดำริว่า "ให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ทำหน้าที่เสมือน "พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต" หรืออีกนัย หนึ่งเป็น "สรุปผลการพัฒนา" ที่ประชาชนจะเข้าไปเรียนรู้และนำไปปฏิบัติได้" จากระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันป่าไม้ในพื้นที่ได้ฟื้นตัวและเพิ่มขึ้นตามลำดับ การฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมและการอนุรักษ์ป่าไม้การลดก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่าในประเทศกำลังพัฒนา ( Reducing Emission from Deforestation and Degradation in Developing Country : REDD ) เป็นกลไกใหม่ที่ถูกนำเสนอเพื่อการแก้ไขปัญหาโลกร้อน เนื่องจากมีข้อมูลว่า มีก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากการทำลายป่าและการทำให้ป่าเสื่อมโทรมในประเทศกำลังพัฒนาคิดเป็นประมาณร้อยละ 20 ของก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด ดังนั้นถ้าลดการทำลายป่าหรือป่าเสื่อมโทรมได้จะช่วยแก้ไขปัญหาโลกร้อนได้มาก ข้อเสนอเรื่อง REDD ถูกเสนออย่างเป็นทางการเข้าสู่เวทีเจรจาเรื่องโลกร้อนโดยประเทศปาปัวนิวกีนีและคอสตาริกาในปี 2548 โดยเสนอว่า หากจะลดปัญหาเรื่องนี้ก็ต้องมีกลไกสนับสนุนด้วย ประเทศกำลังพัฒนายังต้องพึ่งพาป่าเพื่อการดำรงชีพหรือการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หลังจากนั้น การเจรจาเกี่ยวกับรายละเอียดเรื่อง REDD ก็มีมาต่อเนื่องจนถึงในขณะนี้(บัณฑูร,2552)

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

2.1 carbon in the soil.The source of carbon in soil is together three form is in the form of inorganic element compounds and organic compounds. The three patterns are important to be useful in applied differently.2.1.1 carbon in the form of the element. The source of carbon in this picture was born from the combustion process of the organic matter are not completely mixed compound in the form of charcoal, soot. The carbon in graphite and process of the earth such as coal Mining or the combustion process of minerals.2.1.2 from inorganic carbon Carbon in this figure from the earth or soil parent materials, often in the form of carbonate. The most common are two types is calcite (CaCo3) and Dolomite [CaMg (Co3) 2] both depending on the origins of each soil. These carbonate can apply in agriculture, as well as lead compounds to improve soil.2.1.3 carbon from organic. Carbon compounds of all living things. Carbon accumulation in soils derived from the accumulation of debris, part of the fossil And the foundation of organic chemistry "also. This chemical non-ferrous that property is capable of bonding with itself and other trace elements which is caused is a compound almost 10 million species. When combined with oxygen. Carbon dioxide which is essential on the growth of plants), when combined with hydrogen) is compound. , which collectively as hydrocarbons as necessary to industry in the form of fossil fuels when include mark with both hydrogen and oxygen. Can be a compound has many types. Such as fatty acids), which is necessary for life, and esters, which gives a taste for many kinds of fruits.Sunthorn (2010) forest soil in northern Thailand, which has fluctuated according to topography showed that the area of dipterocarp forest soil in the Entisols. Inceptisols Ultisols have carbon stocks at a depth 1 meters in the 12.11-93.66 Mg.ha-1.Sirirat and Siri Council (2544) was studied in Kanchanaburi province and Chiang Mai. Found that the area of rainforest The accumulation of carbon to the depths.