นิทานอาเซียน ประเทศกัมพูชา
เรื่องกลิ่นอาหาร
มีชายยากจนคนหนึ่ง อาศัยอยู่ใกล้บ้านเศรษฐี โดยปลูกเป็นกระท่อมเล็ก ๆ เขาจะย้ายกระท่อมที่
พักนี้ตามทิศทางลม เพราะชายผู้นี้จะคอยสูดกลิ่นอาหารที่มาจากบ้านเศรษฐี เศรษฐีสังเกตเห็นชายยาจกนี้
ย้ายกระท่อมบ่อยจึงให้คนใช้ไปสืบถาม ชายยาจกก็บอกไปตามความจริงว่าย้ายตามฤดูกาลของทิศทางลม
เพื่อจะสูดกลิ่นอาหารจากบ้านเศรษฐี
เมื่อเศรษฐีทราบจากคนใช้เช่นนั้น ก็บอกกับชายยาจกว่า "เจ้ามีชีวิตอยู่ได้เพราะกลิ่นอาหารจากบ้าน
เรา เจ้าจะต้องมาเป็นคนใช้บ้านเรา" ชายยาจกไม่ยอม เศรษฐีจึงนําชายยาจกไปฟ้องผู้พิพากษา ผู้พิพากษา
ตัดสินให้ชายยาจกเป็นคนใช้ของเศรษฐีแต่ชายยาจกไม่ยอม ขอร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ เมื่อ
พระมหากษัตริย์ได้ทราบเรื่องราวก็ทรงรับสั่งให้อํามาตย์นําผ้าขาวมาวางไว้กลางท้องพระโรง แล้วทรงให้นํา
เงินไปวางไว้ในผ้าขาว แล้วรับสั่งกับเศรษฐีว่า "เศรษฐีจงรับเงินค่าตัวของชายยาจกไปเถิด"
เมื่อเศรษฐีรับเงินไปแล้ว พระมหากษัตริย์ตรัสถามเศรษฐีว่า "เมื่อเศรษฐีหยิบเงินค่าตัวของชายยาจก
นั้น ชายยาจกก็เห็นท่านหยิบเงิน แต่เขามีส่วนได้รับเงินจากการมองเห็นหรือไม่?" เศรษฐีตอบว่า "ไม่ได้รับ
เงินจากการมองเห็นพระเจ้าข้า" พระมหากษัตริย์จึงตรัสว่า "ก็เปรียบได้กับอาหารของเศรษฐี ถึงใครจะสูด
กลิ่นอาหาร แต่อาหารก็ยังคงเดิมไม่สูญหายไป เพราะฉะนั้นเศรษฐีจะเอาชายยาจกเป็นคนรับใช้ไม่ได้" ทั้ง
เศรษฐีและชายยาจกก็กลับไปบ้านของตนเองด้วยความยินด