ไซอิ๋ว
พระถังซำจั๋ง และศิษย์ 3 คน คือ เห้งเจีย โป๊ยก่าย และซัวเจ๋ง (และมีม้าอีก 1 ตัว) มีภาระกิจต้องเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฏกจากพระพุทธเจ้าที่ชมภูทวีป เพื่อนำธรรมะมาเแพร่ให้ผู้คนพ้นจากความทุกข์ ระหว่างทางต้องผ่านเคราะห์กรรมอุปสรรคตลอดทาง ต้องเจอกับปีศาจมากมาย
ลูกศิษย์ของพระถังล้วนมีบุคลิกแตกต่างกันออกไป เห้งเจียเป็นลิงที่ฉลาดแต่ขี้โมโห หมูตือโป๊ยก่ายมีความโลภและมักมากในทางกามและกิน ส่วนซัวเจ๋งจิตใจดีแต่โง่ มีพระโพธิสัตว์กวนอิม เป็นผู้มีเมตตาคอยชี้แนะช่วยเหลือ
การเดินทางไปพบพระพุทธเจ้าและอัญเชิญพระไตรปิฏก เปรียบเสมือนการเดินทางเพื่อลดกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง การเดินทางผจญภัยนี้เต็มไปด้วยแง่คิด ผู้ประพันธ์ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสนุกสนานและได้สาระประโยชน์
มากกว่าแค่นิยายหรรษา
แต่ในความสนุกหรรษา เรื่องราวการเดินทางปราบปีศาจเรื่องนี้กลับมีเรื่องในวงเล็บให้รู้ไม่น้อยเลยทีเดียว
หลายๆ คนคงพอจะทราบว่า เรื่องไซอิ๋วต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา เพราะเป็นการเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎก แต่ไม่ใช่แค่เท่านั้น อันที่จริงแล้ว ไซอิ๋วเป็นเรื่องราวที่สะท้อนปรัชญาของพุทธศาสนาที่ลึกซึ้ง สอดแทรกแก่นของพุทธศาสนาได้อย่างแยบยลมาก
ตัวของผู้เขียน อู๋เฉิงเอิน เกิดในตระกูลพ่อค้า ช่วงราชวงศ์หมิงของจีน เป็นคนรอบรู้ในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่เยาว์วัย ทั้งการเขียน การแต่งกาพย์กลอน การเล่นหมากรุก การวาดภาพ แต่เขาก็ไม่เคยสอบได้จอหงวนสักครั้งในชีวิต ทำให้ชีวิตของเขายากจนและลำบากมาก อู๋เฉิงเอิน เดินทางไปทั่วประเทศจีน จดบันทึกเรื่องราว นิทานของแต่ละท้องถิ่น พร้อมๆ กับศึกษาจนแตกฉานในพุทธศาสนานิกายมหายาน เต๋า และมหากาพรามายณะ ซึ่งภายหลังสิ่งเหล่านี้คือวัตถุดิบในการประพันธ์มหากาพย์ไซอิ๋วซึ่งมีทั้งสิ้น 100 ตอน
ใน เค้าขวัญวรรณกรรม หนังสือของ เขมานันทะ ปราชญ์ชาวสุราษฎร์ธานี ชี้ให้เห็นรหัสบางอย่างในเรื่องไซอิ๋ว ว่าแม้เนื้อเรื่องไซอิ๋วจะเป็นการเดินทางของพระถังซัมจั๋งกับเหล่าลูกศิษย์ แต่จริงๆ แล้วเป็นการเดินทางภายในจิตใจของชาวพุทธผู้ปฏิบัติธรรม โดยแทนเป้าหมายคือ นิพพาน (ความว่างเปล่าจากความเป็นตัวตน, สุญญตา) และแทนบรรดาปีศาจที่เห้งเจียปราบคือ กิเลส ตัณหาและอวิชชาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคในการเดินทางของจิตใจสู่นิพพาน นั่นคือคำสอนของพุทธศาสนาที่ว่า การละวางกิเลส อันทำให้เกิดทุกข์ เพื่อบรรลุสู่การหลุดพ้น นั่นคือนิพพาน
ตัวละครแต่ละตัวในไซอิ๋วยังแอบซ่อนสัญลักษณ์ไว้อย่างน่าทึ่ง เช่น
พระถังซัมจั๋ง แทน “ขันติธรรม” (สังเกตว่าในเรื่องจะใจเย็น และอดทน)
ม้าขาว แทน “ความวิริยะอุตสาหะ”
ส่วนลูกศิษย์ทั้งสามเป็นสัญลักษณ์ของไตรสิกขา คือ
เห้งเจียหรืออีกชื่อคือ หงอคง ในภาษาจีนจะแปลว่า “ปัญญาเห็นสุญญตา” เป็นสัญลักษณ์ของปัญญาอันฉลาด ว่องไว แต่ซุกซน ฟุ้งซ่านได้ จำต้องมีการบังคับให้อยู่ในร่องในรอย ซึ่งก็แทนด้วยห่วงรัดเกล้า
เจ้าหมูจอมตะกละและบ้าผู้หญิง ตือโป๊ยก่าย ในภาษาจีนแปลตรงๆ ว่า “ศีลแปด” นั่นคือศีลเป็นสิ่งที่ต้องควบคุมและขัดเกลาเสมอๆ เพราะง่ายที่จะหลุดไปทำผิดพลาด
ซัวเจ๋ง แปลจีนเป็นไทยว่า “ภูเขาทราย” เป็นสัญลักษณ์ของสมาธิ ซึ่งต้องมีความหนักแน่น สงบจึงจะคงรูปอยู่ได้
ธรรมชาติของทั้งสามสิ่งนี้คือ จะไม่อยู่กับร่องกับรอย แต่เมื่อทั้งสามมาอยู่ร่วมกันแล้วจึงจะเสถียร นั่นคือการจะบรรลุถึงนิพพานได้ ต้องใช้ทั้งปัญญา ศีล และสมาธิ ควบคู่กัน