เรียงความเรื่องครอบครัวของฉัน
ครอบครัวของฉันมี 4 คน มี พ่อ มี แม่ มี ฉัน และ ก้น้องของฉัน ฉันรักพ่อ แม่ และ น้องของฉันมาก ตอนเด็กๆ สมัยฉันเรียนอนุบาล พ่อ ของฉันไปรับฉันทุกวัน ตอนอนุบาลฉันชอบวาดรูป พอ วาดรูปเสร็จคุณครูก็จะให้คะแนนฉันเป็นดาว ถ้าวาดสวยก็ได้ห้าดาว เมื่อพ่อไปรับฉันมักจะเอารูปวาดไปให้พ่อดู บางวันได้สามดาว พ่อก็บอกให้ไปหาคุณครูขอดาวเพิ่ม ฉันก็งง ว่าขอเพิ่มได้ด้วยเหรอ แต่พ่อก็ คะยั้นคะยอ โดยพาฉันไปหาคุณครูเพื่อขอดาวเพิ่ม ฉันก็พาพ่อไป เพิ่งมารู้ตอนโตว่า นั้นเป็นแผนหาเรื่องเคลมคุณครู เพราะคุณครูของฉันสวยมาก ตอนเด็กๆพ่อของฉันชอบกอดฉัน แต่พ่อมีหนวดแข็งๆ พ่อชอบเอาหนวดแข็งๆมาตำหลังของฉัน ฉันจักกะจี๊มาก ยิ่งเห็นฉันจักกะจี๋ พ่อยิ่งแกล้งฉัน นับแต่บัดนั้น ฉันกลัวอ้อมกอดของผู้ชายมาก ถ้าตอนนี้ใครมากอดฉันฉันจะต่อยมัน.... ฉันเก็บความแค้นไว้จนถึงวัยที่ฉันมีหนวดบ้าง ฉันตั้งใจไว้หนวดเพื่อจะเอาหนวดไปตำหลังพ่อบ้าง แต่ นับแต่ฉันเริ่มมีหนวด พ่อก็ไม่กอดฉันอีกเลย จะว่าไป จะว่าไปนับแต่ไว้หนวดพ่อไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ฉันด้วยซ้ำฉันอาจจะคิดมากไป พอโตขึ้น พ่อฉันเชียร์แมนยู แต่ ฉันเชียร์ หงส์แดง พ่อมักจะเยาะเย้ยฉันเสมอเวลาลิเวอร์พูลแพ้ ยิ่งเพื่อนๆ มาดูบอลที่บ้าน พ่อของฉันมักจะ มาทำให้ฉันเป็นตัวตลกต่อหน้าเพื่อนเสมอ แต่ฉันจะรอวันที่ลิเวอร์พูลกลับมายิ่งใหญ่ วันนั้น ฉันจะเยาะเย้ย พ่อ ต่อหน้าเพื่อนพ่อบ้าง...
ส่วนแม่ของฉันนั้นตอนนี้เป็นแม่บ้าน ตอนเด็กๆแม่ฉันมีวิธีเลี้ยงลูกให้เกิดความมั่นใจ ฉันเพิ่งมารู้ว่าตัวเองไม่หล่อ เมื่อไม่นานมานี้เอง เพราะตอนเด็กๆแม่ฉันมักจะชมว่าฉันหล่อเสมอ ใครจะคิดว่าแม่ชอบโกหกลูก ตอนเด็กๆแม่ฉันชอบพาฉันไปกิน อาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง ร้านนั้นจะมีการจับฉลากของขวัญ แต่ฉันไม่เคยจับได้เลย ฉันมักจะรบเร้าให้แม่พาไปกินร้านนั้นเพราะอยากจะจับฉลากได้ จนแม่ จัดการล็อบบี้เด็กในร้าน โดยซื้อของซึ่งเป็นตุ๊กตาหมีไปเอง แล้ว ล็อกรางวัลนี้ให้โต๊ะฉันเท่านั้น แม่สอนให้ฉันรู้จักโลกของการเมืองตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ตอนนี้ดึกๆแม่ชอบดูทีวีกับฉัน ความสุขของฉันคือ การนั่งด่าคนในทีวี ความสุขของแม่คือการได้นั่งด่าฉันเรื่องทำไมต้องไปด่าคนในทีวี แม่ไม่ชอบให้ฉันด่าใคร ฉันเห็นด้วยกะแม่ เราจึงมักด่ากันเรื่องฉันด่าคนอื่นเสมอ แม่มักจะชอบจัดแจงแต่งบ้าน เสมอ โดยใช้หลักฮวงจุ้ย ใครมาบ้านฉันจะเข้าบ้านตรงประตูหน้าไม่ได้ เพราะถูกปิดตาย กลัวเงินไหลออกบ้านไม่ร่มเย็น นับแต่นั้นฉันต้องเข้าบ้านทางประตูหลังเสมอ แล้วมักจะบ่นแม่เสมอ เพราะแม่ชอบล็อกประตูหลังทำให้ฉันเข้าบ้านไม่ได้เป็นประจำ นับแต่นั้น บ้านเราก็มักจะทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้อย่างร่มเย็น ตลอดมา
สวนน้องของฉัน เป็นเด็กผู้หญิงที่เฟอร์เฟค ตอนเด็กๆน้องของฉันชอบหยิก ข่วนฉันจนเลือดซิบๆ แล้วร้องไห้เองเสมอ พ่อ กับ แม่ ก็มักจะตีฉันซ้ำหาว่าฉันชอบรังแกน้อง ฉันผิดเองที่ทำเลือดเปื้อนมือมัน ตอนนี้น้องสาวของฉัน กลายมาเป็นเพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง และ เจ้านาย เราช่วยกันทำธุรกิจในครอบครัวต่อ ฉันชอบทำงานกับน้องมากเพราะมัน ทำให้ฉันมีเวลานอนกลางวัน น้องของฉันชอบหาร้านอร่อยๆกินเท่านั้น ต่างกับฉันที่ขอเพียงอาหารไม่เน่าฉันก็กินได้ เวลาไปกินกับฉันมันจะสั่งกับข้าวหลายอย่าง กินอย่างละนิด อย่างละหน่อย ส่วนที่เหลือ ก็ กวาดทิ้งลงท้องฉันไป ตอนนี้มันบ้าการรักษาสุขภาพมาก มัน รู้สูตรมือ อาหารของ จัสตินทิมเบอร์เลค บียอนเซ่ และ ดาราฮอลีวู้ดชั้นนำทุกคน มันมักจะพาฉันไปช็อบปิ้งอาหารสุขภาพ มาทำกินเองเสมอ บ่อยครั้งที่เรามักจะทำอาหารอินเตอร์ เช่น โอลีฟออย ขวดละ 500 เอามาผัดไข่ไชโป๊ว เป็นประจำ แต่ เรามักจะทานกันได้ไม่เกินสองมื้อ ก็กลับไปกิน ไก่ทอด พิซซ่า ขาหมูเหมือนเดิม
นี่แหละคือครอบครัวของฉัน ซึ่งมีประโยชน์คือเอาไว้เขียนเรียงความ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กๆต้องเขียนเรียงความ ฉันไม่เคยเห็นผู้ใหญ่เขียนเรียงความ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ไม่เห็นประโยชน์ของเรียงความ จริงๆแล้วเรียงความมีประโยชน์ตั้งหลายอย่าง เช่น เอาไว้ให้นักเรียนทำ เวลาคุณครูต้องไปเปียแชร์ บางครั้งเขียนดีๆได้ทุนการศึกษาด้วย แต่ฉันว่า คงเป็นเพราะเรียงความเป็นสิ่งที่สะท้อนความคิดของเราอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีจริตจะก้าน ไม่ต้องอ้างงานวิชาการใดๆ ไม่ต้องห่วงภาพพจน์ คิดยังไงก็เขียนอย่างนั้น ไม่ต้องกลัวถูกผิด เหมือนครั้งหนึ่งที่เราเคยเป็นเด็ก เรียงความชิ้นนี้ฉันไม่รู้จะเอาไปส่งใคร ฉันไม่รู้จะได้กี่ดาว ป่านนี้คุณครูอนุบาลของฉันคง ไม่ได้ให้ดาวใครมานานแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะนั่งเป็นคุณยายใจดีเลี้ยงหลานอยู่ก็ได้ งั้นฉันจะเอาเรียงความชิ้นนี้ไปส่งใครดีละ อาจจะเป็นครูสวยๆสักคน แต่ไม่ต้องให้เราแค่ห้าดาวหรอก ขอแค่ให้สักหนึ่งหัวใจก็พอ........ตอนนี้ฉันว่าฉันเริ่มเข้าใจพ่อมากขึ้นแล้วล่ะ