แอสต้าแซนทิน (Astaxanthin) เป็นสารสีแดง ในกลุ่มแซนโทรฟิลล์ ตระกูลแคโรท การแปล - แอสต้าแซนทิน (Astaxanthin) เป็นสารสีแดง ในกลุ่มแซนโทรฟิลล์ ตระกูลแคโรท อังกฤษ วิธีการพูด

แอสต้าแซนทิน (Astaxanthin) เป็นสารส

แอสต้าแซนทิน (Astaxanthin) เป็นสารสีแดง ในกลุ่มแซนโทรฟิลล์ ตระกูลแคโรทีนอยด์

ที่พบในธรรมชาติ เช่น ในปลาแซลมอน ไข่ปลาคาเวียร์ เปลือกกุ้ง เปลือกปู และสาหร่ายฮีมาโตคอกคัส

พลูวิเอลิส (Haematococcus Pluvialis) ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์สารชนิดนี้ได้ เราจะได้รับจาก

อาหารที่รับประทานเข้าไป และได้รับในปริมาณที่น้อยมาก เช่น ปลาแซลมอน 200 กรัม จะมีแอสตาแซนธิน

เพียง 1 มิลลิกรัมเท่านั้น แต่กลับพบมากในสาหร่ายเขียวแกมน้ำเงินพันธุ์ฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส

ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในแถบภูมิอากาศอบอุ่นทั่วโลก


สาหร่ายชนิดนี้ปกติจะมีสีเขียวสมบูรณ์ดี แต่เมื่อสภาพแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลงจนไม่เอื้ออำนวย

ต่อการดำรงชีวิตอยู่ได้ มันจะปรับตัวเพื่อความอยู่รอดด้วยการสร้างสารสีแดงที่มีชื่อว่า Astaxanthin

ขึ้นมาเพื่อปกป้องเซลล์ของตัวเอง โดยจะปรับตัวให้มีผนังเซลล์หนาขึ้นเพื่อสะสมสารต้านอนุมูลอิสระ

ซึ่งให้รงควัตถุสีแดงเข้มที่เรียกว่า แอสตาแซนธิน เพิ่มขึ้นในปริมาณสูงที่สุด



จากการวิจัยพบว่า Astaxanthin มีคุณลักษณะโดดเด่นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เข้มข้นที่สุด

โดยมีประสิทธิภาพสูงกว่าโคเอนไซม์ คิวเทน 800 เท่า สูงกว่าคาทีซิน (สารสกัดจากชาเขียว) 560 เท่า

สูงกว่าวิตามินซี 6,000 เท่า และสูงกว่าวิตามินอี 550


ด้วยคุณลักษณะดังกล่าว จึงมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแอสต้าแซนทินอย่างกว้างขวาง

เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ด้านสุขภาพและความงามหลากหลายด้าน โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น

เนื่องจากคนญี่ปุ่นนิยมบริโภคสาหร่ายเป็นอาหารประจำวันมากกว่าชาติอื่นๆ


ตัวอย่างเช่น


ผลการศึกษาถึงประโยชน์ต่อสภาพผิว


Yamashita E.ได้ทำการวิจัยทางคลีนิคโดยศึกษาแบบ Single Blind Randomized Control

ในอาสาสมัครหญิงที่อายุประมาณ 47 ปี จำนวน 49 คน โดยให้รับประทานแอสตาแซนธิน 2 มิลลิกรัม

วันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 6 สัปดาห์ เทียบกับกลุ่มควบคุม ผลการศึกษาพบว่าตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 จนถึง

สัปดาห์ที่ 6 ของการทดลอง อาสาสมัครรู้สึกว่าสุขภาพผิวดีขึ้น คือ ความแห้งและหยาบกระด้างของผิว

ลดลง ผิวมีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น ความยืดหยุ่นมากขึ้น ริ้วรอยลดลง


นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาทางคลินิคจากอาสาสมัครผู้หญิงสุขภาพดี 30 คน และผู้ชายสุขภาพดี

36 คน โดยให้รับประทานแอสตาแซนธินเสริม 6 มิลลิกรัมต่อวัน ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 8 สัปดาห์


ในผู้หญิงพบว่า ริ้วรอยบริเวณหางตา ขนาดของจุดด่างดำที่บริเวณแก้ม ความยืดหยุ่นของผิว

ความเรียบเนียน ความชุ่มชื้นของผิว และเซลล์ผิวหนังคอนีโอไซท์ในชั้นผิวหนังกำพร้าเปลี่ยนแปลงไป

ในทางที่ดีขึ้น ขณะที่ในผู้ชายพบว่า ริ้วรอยบริเวณหางตา ความยืดหยุ่นของผิว ความชุ่มชื้นของผิวดีขึ้น

และผิวมีการสูญเสียน้ำลดลง ซึ่งทำให้อาจสรุปได้ว่าการรับประทานแอสตาแซนธินเสริมให้ผลดีกับ

สุขภาพผิวของคนทั้งสองเพศ



ผลการศึกษาถึงประโยชน์ต่อดวงตา


จากการศึกษาทางคลินิกในกลุ่มตัวอย่างของผู้ที่มีอาการสายตาล้าในประเทศญี่ปุ่น

โดยให้ทานแอสต้าแซนทีน 5 มิลลิกรัมทุกวันเป็นเวลาติดต่อกันนาน 1 เดือน

ผลการศึกษาแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีอาการดีขึ้นถึง 54% โดยไม่เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย



ผลการศึกษาถึงประโยชน์ต่อหัวใจและหลอดเลือด


Iwamoto T. และคณะนักวิจัยได้ทำการศึกษาทั้งในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองถึงฤทธิ์ในการ

ต้านการเกิด แอล ดี แอล ออกซิเดชั่น (LDL Oxidation) ของแอสตาแซนธิน เทียบกับสารต้าน-

อนุมูลอิสระอื่นเช่น วิตามินอี และลูทีน ซึ่งพบว่าแอสตาแซนธินมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระมากที่สุด

จากการศึกษาโดยวัดระดับคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ และ LDL คอเลสเตอรอลในเลือด

ของอาสาสมัครที่ทานแอสตาแซนธินเสริมที่ 1.8- 21.6 มิลลิกรัมเป็นเวลา 14 วัน พบว่ามีการไม่มีการ

เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน แต่ค่า LDL คอเลสเตอรอล lag time ซึ่งแสดงค่าการต้านการออกซิเดชั่น

เพิ่มขึ้น มีการแปรผันตามปริมาณของแอสตาแซนธินที่ได้รับ


นักวิจัยจึงสรุปว่าการทานแอสตาแซนธินเสริมอาจมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงในการเกิด

โรคหลอดเลือดแดงแข็งตัวได้



ผลการศึกษาถึงประโยชน์ต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2


Uchiyama และคณะได้ทำการศึกษาวิจัยในระดับห้องปฏิบัติการแล้วค้นพบว่าแอสตาแซนธินมี

คุณสมบัติในการป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ตับอ่อนจากปฏิกิริยาออกซิเดชันในร่างกาย

ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือด (Fasting blood sugar) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ยังเพิ่มความไวต่อการทำงานของอินซูลินกับเซลล์ภายในร่างกายอีกด้วย



ผลการศึกษาถึงประโยชน์ต่อการทำงานและการฟื้นฟูสภาพของกล้ามเนื้อ


จากการศึกษาของ Sawaki และ คณะ ที่ประเทศญี่ปุ่นพบว่าหลังจากการให้นักกีฬาวิ่ง 1,200 เมตร

รับประทานแอสตาแซนธินต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ สามารถช่วยลดการสะสมของกรดแลคติก

อันเป็นสาเหตุของการทำให้กล้ามเนื้อได้รับออกซิเจนไม่เพียงพออย่างมีนัยสำคัญ


แอสตาแซนธินจึงโด่งดังเป็นที่รู้จักด้วยผลวิจัยทางการแพทย์มากมาย เนื่องด้วยสูตรโครงสร้าง

ที่เป็นเอกลักษณ์ของแอสตาแซนธิน ในการแทรกซึมเข้าปกป้องได้ลึกถึงระดับเซลล์ในอวัยวะต่างๆ

ของร่างกาย ซึ่งแตกต่างกับเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่น ที่ช่วยปกป้อง

เฉพาะภายในหรือภายนอกของเยื่อหุ้มเซลล์


ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงในขณะนี้ และมีความปลอดภัยในการบริโภค

โดยยังไม่พบว่ามีรายงานในการเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ASTA San nathin (Astaxanthin) as red Sanders family group carote noi nathon refill now!Naturally, such as found in eggs, fish, salmon caviar. Peel shrimp. The shells of crabs and seaweed, he came to grow khat stable.Pool villa (Haematococcus Pluvialis) well-equipped body this type of synthesis is not possible. We will receive from.Food to eat and get in a little more like salmon 200 g is the STA nathin transaction.1 mg only. But the green algae found in cash he comes to grow varieties of water mix with a brood of khat. Pool villa hotel HotelWhere are the warm climate world belt? สาหร่ายชนิดนี้ปกติจะมีสีเขียวสมบูรณ์ดี แต่เมื่อสภาพแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลงจนไม่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตอยู่ได้ มันจะปรับตัวเพื่อความอยู่รอดด้วยการสร้างสารสีแดงที่มีชื่อว่า Astaxanthinขึ้นมาเพื่อปกป้องเซลล์ของตัวเอง โดยจะปรับตัวให้มีผนังเซลล์หนาขึ้นเพื่อสะสมสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งให้รงควัตถุสีแดงเข้มที่เรียกว่า แอสตาแซนธิน เพิ่มขึ้นในปริมาณสูงที่สุด จากการวิจัยพบว่า Astaxanthin มีคุณลักษณะโดดเด่นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เข้มข้นที่สุด โดยมีประสิทธิภาพสูงกว่าโคเอนไซม์ คิวเทน 800 เท่า สูงกว่าคาทีซิน (สารสกัดจากชาเขียว) 560 เท่าสูงกว่าวิตามินซี 6,000 เท่า และสูงกว่าวิตามินอี 550 ด้วยคุณลักษณะดังกล่าว จึงมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแอสต้าแซนทินอย่างกว้างขวางเพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ด้านสุขภาพและความงามหลากหลายด้าน โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเนื่องจากคนญี่ปุ่นนิยมบริโภคสาหร่ายเป็นอาหารประจำวันมากกว่าชาติอื่นๆตัวอย่างเช่น ผลการศึกษาถึงประโยชน์ต่อสภาพผิว Yamashita E.ได้ทำการวิจัยทางคลีนิคโดยศึกษาแบบ Single Blind Randomized Controlในอาสาสมัครหญิงที่อายุประมาณ 47 ปี จำนวน 49 คน โดยให้รับประทานแอสตาแซนธิน 2 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 6 สัปดาห์ เทียบกับกลุ่มควบคุม ผลการศึกษาพบว่าตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 จนถึงสัปดาห์ที่ 6 ของการทดลอง อาสาสมัครรู้สึกว่าสุขภาพผิวดีขึ้น คือ ความแห้งและหยาบกระด้างของผิวลดลง ผิวมีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น ความยืดหยุ่นมากขึ้น ริ้วรอยลดลง นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาทางคลินิคจากอาสาสมัครผู้หญิงสุขภาพดี 30 คน และผู้ชายสุขภาพดี36 คน โดยให้รับประทานแอสตาแซนธินเสริม 6 มิลลิกรัมต่อวัน ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ในผู้หญิงพบว่า ริ้วรอยบริเวณหางตา ขนาดของจุดด่างดำที่บริเวณแก้ม ความยืดหยุ่นของผิวความเรียบเนียน ความชุ่มชื้นของผิว และเซลล์ผิวหนังคอนีโอไซท์ในชั้นผิวหนังกำพร้าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ขณะที่ในผู้ชายพบว่า ริ้วรอยบริเวณหางตา ความยืดหยุ่นของผิว ความชุ่มชื้นของผิวดีขึ้นและผิวมีการสูญเสียน้ำลดลง ซึ่งทำให้อาจสรุปได้ว่าการรับประทานแอสตาแซนธินเสริมให้ผลดีกับสุขภาพผิวของคนทั้งสองเพศผลการศึกษาถึงประโยชน์ต่อดวงตา จากการศึกษาทางคลินิกในกลุ่มตัวอย่างของผู้ที่มีอาการสายตาล้าในประเทศญี่ปุ่นโดยให้ทานแอสต้าแซนทีน 5 มิลลิกรัมทุกวันเป็นเวลาติดต่อกันนาน 1 เดือนผลการศึกษาแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีอาการดีขึ้นถึง 54% โดยไม่เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย


ผลการศึกษาถึงประโยชน์ต่อหัวใจและหลอดเลือด


Iwamoto T. และคณะนักวิจัยได้ทำการศึกษาทั้งในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองถึงฤทธิ์ในการ

ต้านการเกิด แอล ดี แอล ออกซิเดชั่น (LDL Oxidation) ของแอสตาแซนธิน เทียบกับสารต้าน-

อนุมูลอิสระอื่นเช่น วิตามินอี และลูทีน ซึ่งพบว่าแอสตาแซนธินมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระมากที่สุด

จากการศึกษาโดยวัดระดับคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ และ LDL คอเลสเตอรอลในเลือด

ของอาสาสมัครที่ทานแอสตาแซนธินเสริมที่ 1.8- 21.6 มิลลิกรัมเป็นเวลา 14 วัน พบว่ามีการไม่มีการ

เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน แต่ค่า LDL คอเลสเตอรอล lag time ซึ่งแสดงค่าการต้านการออกซิเดชั่น

เพิ่มขึ้น มีการแปรผันตามปริมาณของแอสตาแซนธินที่ได้รับ


นักวิจัยจึงสรุปว่าการทานแอสตาแซนธินเสริมอาจมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงในการเกิด

โรคหลอดเลือดแดงแข็งตัวได้



ผลการศึกษาถึงประโยชน์ต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2


Uchiyama และคณะได้ทำการศึกษาวิจัยในระดับห้องปฏิบัติการแล้วค้นพบว่าแอสตาแซนธินมี

คุณสมบัติในการป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ตับอ่อนจากปฏิกิริยาออกซิเดชันในร่างกาย

ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือด (Fasting blood sugar) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ยังเพิ่มความไวต่อการทำงานของอินซูลินกับเซลล์ภายในร่างกายอีกด้วย



ผลการศึกษาถึงประโยชน์ต่อการทำงานและการฟื้นฟูสภาพของกล้ามเนื้อ


จากการศึกษาของ Sawaki และ คณะ ที่ประเทศญี่ปุ่นพบว่าหลังจากการให้นักกีฬาวิ่ง 1,200 เมตร

รับประทานแอสตาแซนธินต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ สามารถช่วยลดการสะสมของกรดแลคติก

อันเป็นสาเหตุของการทำให้กล้ามเนื้อได้รับออกซิเจนไม่เพียงพออย่างมีนัยสำคัญ


แอสตาแซนธินจึงโด่งดังเป็นที่รู้จักด้วยผลวิจัยทางการแพทย์มากมาย เนื่องด้วยสูตรโครงสร้าง

ที่เป็นเอกลักษณ์ของแอสตาแซนธิน ในการแทรกซึมเข้าปกป้องได้ลึกถึงระดับเซลล์ในอวัยวะต่างๆ

ของร่างกาย ซึ่งแตกต่างกับเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่น ที่ช่วยปกป้อง

เฉพาะภายในหรือภายนอกของเยื่อหุ้มเซลล์


ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงในขณะนี้ และมีความปลอดภัยในการบริโภค

โดยยังไม่พบว่ามีรายงานในการเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
As astaxanthin (Astaxanthin) is a red substance in the hundred thousand, the carotenoid

found in nature, such as in the salmon, caviar. Shell of shrimp and crab shells and seaweed hematocrit coccus

.To achieve Haematococcus Pluvialis pool list () the body cannot synthesize compounds of this type. We can get from

food intake. And has been in very small amounts, such as salmon 200 g is astaxanthin

.Only 1 mg. But found in blue-green algae (hematocrit coccus. Pool to achieve list

, which is common in the climate warming the world


.This type of green algae are usually healthy. But when the environment changes to maintain

for living. It is adapted to survive with the red named Astaxanthin

.To protect its own cells By will adjust to have a cell wall thickness up to accumulate antioxidants

, which สีแดงเข้มที่เรียกว่า pigment astaxanthin. Increase in high quantity.



.The research found that Astaxanthin features outstanding as an antioxidant concentration.

by the coenzyme Q10 800 times higher catechin (green tea extract) 560 times higher vitamin C, 6

การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: