ผลลัพธ์ (
เวียดนาม) 1:
[สำเนา]คัดลอก!
Ý nghĩa của lịch sử. Lịch sử của con người lương tâm được gây ra bởi một tính năng mà làm cho con người khác nhau từ các động vật khác. Một người đàn ông bị ràng buộc với lịch sử của chặt chẽ cho đến khi nó có thể không được tách ra từ mỗi khác, nó là cố gắng để tìm hiểu và hiểu rõ chính mình. Với lịch sử như là một mục tiêu để nghiên cứu hành vi con người, chuyển hướng, và thời gian, cũng như các sự kiện quan trọng xảy ra hoặc hành vi đó. Những người có xu hướng để hiểu rằng lịch sử là "quá khứ" hay "một phần của quá khứ", nhưng trong thực tế, "the quá khứ," ông nói. Đó là một câu chuyện khác nhau, "qua", và "phần hoặc nhỏ lát một lát của quá khứ" sẽ là lịch sử khi nhà sử học. Lợi ích và tầm quan trọng có lợi cho con người hoặc lịch sử khác là để điều tra nghiên cứu. Câu chuyện của con người trong quá khứ. Và những câu chuyện mà ảnh hưởng đến xã hội như một toàn thể Bởi vì lịch sử là một chủ đề mà có một phạm vi nueahakwang. Do đó, nhà sử học đã đưa ra một số ý nghĩa trong ánh sáng. Tuy nhiên, trong trường hợp này tôi sẽ đề cập đến một số nhà sử học quan điểm, như sau: 1. เซอร์ ชาร์ลส์ โอมัน มีความเห็นในทำนองเดียวกับ อาร์เอฟ อารากอน ว่า ประวัติศาสตร์ คือ “การตรวจสอบหลักฐานทั้งประเภทเอกสารและวัตถุ เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดต่อเนื่องกันแล้วหาข้อสรุปเป็นไปไม่ได้ ที่เราจะสามารถได้ข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์ของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตได้ แต่เราอาจจะสามารถอธิบายข้อเท็จจริงบางอย่างที่ได้จากการตรวจสอบ และวิเคราะห์หลักฐานเหล่านั้น ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่พอจะยอมรับกันได้” 2. จิตร ภูมิศักดิ์ กล่าวว่า “วิชาประวัติศาสตร์ เป็นวิชาที่ว่าด้วยความชัดเจนในการต่อสู้ ทางสังคมมนุษย์ ซึ่งวิชานี้เสมือนตัวอย่างของการต่อสู้ทางสังคมแห่งชีวิตของชนรุ่นหลังการศึกษาประวัติศาสตร์จึงเป็นหัวใจแห่งการศึกษาความเป็นมาของสังคม เป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะไขไปสู่การปฏิบัติอันถูกต้อง” 3. ดร. วิจิตร สินสิริ ได้แสดงทัศนะไว้ว่า “ประวัติศาสตร์คือบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีต เกี่ยวด้วยเรื่องเหตุการณ์ทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม ปรัชญาที่มนุษย์ได้คิดได้สร้างไว้ถือเป็นความเจริญรุ่งเรือง และเป็นรากฐานของความเจริญสมัยต่อๆมาดังนั้นเราจึงมีประวัติศาสตร์หลายแขนง เช่น ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์อวกาศ ประวัติศาสตร์การเมืองฯลฯจากความหมายดังกล่าวข้างต้นของนักประวัติศาสตร์พอจะสรุปได้ว่า ประวัติศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ศึกษา เรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ในอดีตซึ่งต้องอาศัยการค้นคว้าหาหลักฐาน การวิเคราะห์ การตีความ การสังเคราะห์ โดยอาศัยข้อมูล ร่องรอยหลักฐานต่างๆมาพิจารณา เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุดจะเห็นได้ว่าประวัติศาสตร์มีความหมายหลายนัย เช่น เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีต เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของมนุษย์ และมีวิธีการบันทึกอย่างเป็นระบบ รวมทั้งประวัติศาสตร์สามารถเกิดขึ้นทุกขณะ ฯลฯ
การแปล กรุณารอสักครู่..