ต้นกำเนิดของการใช้ผึ้งบำบัด หรืออะพ

ต้นกำเนิดของการใช้ผึ้งบำบัด หรืออะพิเธอราพี นั้นยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าถือกำเนิดวิธีการเหล่านี้มาจากที่ใดเป็นชาติแรก แต่มีร่องรอยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในชนชาติกรีก ยีอิปต์ และจีน ที่มีการใช้น้ำผึ้งในชีวิตประจำวันของมนุษย์มาเกือบว่าพันปีซึ่งปรากฏอยู่ในคำภีร์ Veda และ Bible ว่ามีการใช้ผลิตภัณฑ์ผึ้งมาว่า 4,000 ปี ซึ่งน้ำผึ้งและพรอพอริส สารสกัดที่ได้จากยางไม้ ได้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอียิปต์ หรือในสมัยฮิปโปเคติส ในแพทย์ชาวกรีก ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งการแพทย์ยังพบว่ามีการใช้พิษผึ้งเพื่อรักษาอาการเจ็บไขข้อและโรคปวดข้อ ในประวัติศาสตร์ของประเทศจีนมีการกล่าวถึงการใช้ผึ้งต่อยเพื่อรักษาโรค มานานกว่า 3,000 ปี
ลักษณะทั่วไปของผึ้ง

ลำตัวของผึ้ง แบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง
กายวิภาคภายนอกและภายในของผึ้ง
ส่วนหัว
เป็นที่ตั้งของหนวด ตา และปาก
หนวด เป็นอวัยวะรับความรู้สึกและสัมผัสโดยเฉพาะการดมกลิ่นแทนจมูก
ตา ผึ้งมีตาประกอบใหญ่ ๑ คู่ ช่วยให้มองเห็นได้ในระยะไกล และเป็นบริเวณกว้าง สามารถมองเห็นดอกไม้สีต่างๆ ได้ในระยะไกล ผึ้งมองเห็นสีต่างๆ ได้เกือบเหมือนคน นอกจากสีแดง ซึ่งผึ้งจะเห็นเป็นสีดำ ผึ้งตัวผู้มีตาใหญ่กว่าผึ้งงาน และผึ้งนางพญา
ปาก ของผึ้งเป็นแบบกัดดูด ประกอบด้วยอวัยวะเล็กๆ หลายส่วน คือ ปากบนมีกรามแข็งแรง ๑ คู่ ด้านข้างเป็นฟัน ตรงกลางเป็นงวงทำหน้าที่ดูดน้ำหวาน ปากของผึ้งตัวผู้ และนางพญาหดสั้นมาก เพราะไม่ได้ใช้งาน เนื่องจากผึ้งงานช่วยป้อนอาหารให้ผึ้งทั้งสองวรรณะ
ส่วนอก
เป็นส่วนรวมของกล้ามเนื้อ และเป็นที่ตั้งของขาและปีก ขา มี ๓ คู่ ขาหลังมีอวัยวะพิเศษ สำหรับเก็บเกสรเรียกว่า ตะกร้าเก็บเกสร ผึ้งตัวผู้ และผึ้งนางพญาไม่มีอวัยวะนี้ เพราะไม่ต้องออกไปหาอาหารปีก มี ๒ คู่ คู่แรกใหญ่กว่าคู่หลังเล็กน้อย ปีกคู่แรก และคู่หลังเกี่ยวกันด้วยตาขอเล็กๆ เรียงกันเป็นแถวเรียกว่า ฮามูไล (hamulai)
ส่วนท้อง
ของผึ้ง ประกอบด้วย ๖ ปล้อง ตัวผู้มี ๗ ปล้อง ที่ปลายท้องของผึ้งงาน และผึ้งนางพญามีเหล็กใน แต่ผึ้งตัวผู้ไม่มีเหล็กใน ด้านข้างแต่ละปล้องมีรูหายใจ ปล้องละ ๑ คู่
อวัยวะวางไข่ อยู่ที่ปล้องสุดท้ายในผึ้งงาน และผึ้งนางพญา บางส่วนของอวัยวะวางไข่จะดัดแปลงเป็นเหล็กใน มีลักษณะเป็นเข็มแหลม
รูหายใจ เป็นรูเปิดด้านข้างส่วนอกและท้อง มีทั้งหมด ๑๐ คู่ ๓ คู่แรกอยู่ที่ส่วนอก อีก ๗ คู่ อยู่ที่ส่วนท้อง รูหายใจจะปิดเปิดตลอดเวลา เพราะมันหายใจเข้าออกทางรูเหล่านี้ รูหายใจจะติดต่อกับท่อลม และถุงลม ผึ้งมีถุงลมใหญ่มากอยู่ภายในลำตัว ช่วยพยุงตัวขณะที่ผึ้งบิน ทำให้ผึ้งสามารถบินเร็ว และบินได้ไกลด้วย
ขนตามลำตัว ของผึ้งมีจำนวนมาก เป็นขนละเอียด มีเส้นประสาทรับความรู้สึก และรับสัมผัส เช่น ส่วนขนบริเวณหน้า ใช้รับความรู้สึก การเคลื่อนไหว และทิศทางลม ผึ้งมักจะบินทวนลมไปยังที่ตั้งของแหล่งอาหาร ขนที่ติดกับอกและท้องของผึ้ง สามารถรับความรู้สึกเกี่ยวกับแรงดึงดูดของโลก ทำให้สามารถบอกความสูงต่ำได้ในขณะที่บิน นอกจากนั้นขนยังรับสัมผัสการเคลื่อนไหวของศัตรู และรับสัมผัสอาหาร คือ เกสร และน้ำหวานจากพืชได้อีกด้วย
สำหรับผึ้งที่พบในประเทศไทยมี 4 ชนิด คือ ผึ้งมิ้มหรือผึ้งแมลงวัน (Apis florea) มีลำตัวขนาดใหญ่กว่าแมลงวันเล็กน้อย มีนิสัยชอบตอมของหวาน ผึ้งหลวง (Apis dorsata) มีขนาดใหญ่ที่สุดและต่อยเจ็บที่สุด ผึ้งหลวงผลิตน้ำผึ้งมากและชอบสร้างรังในที่โล่งแจ้ง ผึ้งโพรง (Apis cerana) เป็นชนิดที่คนชอบนำมาเลี้ยงในหีบเลี้ยงผึ้ง มีขนาดเล็กกว่าผึ้งหลวงและชอบสร้างรังในโพรงไม้ และผึ้งพันธุ์ (Apis mellifera) เป็นผึ้งที่มาจากยุโรปและแอฟริกา มีขนาดใหญ่กว่าผึ้งโพรงเล็กน้อยและชอบสร้างรังในที่ทึบแสง หาน้ำหวานเก่ง แต่ไม่ดุร้ายเท่าผึ้งหลวง
ผึ้งเป็นสัตว์สังคมซึ่งมักอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ในรัง โดยมีการแบ่งชั้นวรรณะ ไม่มีผึ้งตัวหนึ่งตัวใด สามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นระยะเวลานาน โดยขาดความสัมพันธ์กับผึ้งวรรณะอื่นภายในสังคมเดียวกัน เพราะผึ้งเป็นแมลงสังคมที่มีวิวัฒนาการสูง มีระบบสังคมมาเป็นเวลาช้านานประมาณถึง ๓๐ ล้านปี ผึ้งแต่ละรังเปรียบเสมือนครอบครัวหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วย ๓ วรรณะ คือ ผึ้งนางพญาหนึ่งตัว มีหน้าที่สำคัญ คือ ผสมพันธุ์ วางไข่ และควบคุมสังคมของผึ้งให้อยู่ในสภาพปกติ ผึ้งตัวผู้หลายร้อยตัว มีหน้าที่เพียงอย่างเดียวภายในรัง คือ ผสมพันธุ์ และผึ้งงานอีกจำนวนเป็นหมื่นตัว มีหน้าที่หลักในการทำงาน เช่น ทำความสะอาดรัง เลี้ยงดูป้อนอาหารให้ผึ้งตัวอ่อน สร้างและซ่อมแซมรังเป็นทหารเฝ้ารัง ป้องกันศัตรูและอาหาร มนุษย์รู้จักผึ้งในแง่ของการช่วยผสมเกสรดอกไม้ และการนำผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากผึ้งมาใช้ประโยชน์ เช่น น้ำผึ้ง เกสรผึ้ง ไขผึ้ง นมผึ้ง และพรอพอลิส
ผึ้งเป็นแมลงสังคมที่มีพฤติกรรมแสดงออกมากกว่าแมลงอื่นๆ พฤติกรรมเหล่านี้ได้แก่ การผสมพันธุ์ การวางไข่ การแยกรัง และภาษาผึ้ง เป็นต้น “ภาษาผึ้ง” เป็นภาษาใบ้ชนิดหนึ่งเป็นอาการที่แสดงออกของผึ้งเพื่อใช้บอกแหล่งอาหารให้สมาชิกในรังทราบและพากันบินไปหาอาหารนั้นทันที ภาษาผึ้งเป็นภาษาที่น่าสนใจและน่าประหลาดอย่างมาก ศาสตราจารย์ คาร์ล ฟอน ฟริสช์ (Karl von Frisch) แห่งมหาวิทยาลัยมิวนิก ประเทศเยอรมันนี ผู้สนใจความสามารถของผึ้งในการแยกสีและกลิ่นได้มานานแล้ว ได้เฝ้าดูผึ้งตัวน้อยๆ บอกภาษากันด้วยการเต้นรำโดยศึกษาเรื่องนี้อยู่นานถึง 40ปี จึงสรุปและอธิบายแง่มุมต่างๆ ของภาษาผึ้งได้อย่างละเอียด ผลงานของเขาได้รับรางวัลโนเบลในปี พ.ศ.2516
ฟอน ฟริสช์ พบว่าการเต้นรำบอกแหล่งอาหารของผึ้งมีอยู่ 2 แบบ คือ การเต้นรำแบบวงกลมและการเต้นรำแบบส่ายท้อง
การเต้นรำแบบวงกลม (round dance) ผึ้งงานที่กลับมาจากสำรวจแหล่งอาหารในรัศมีไม่เกิน 100 เมตร จะบินกลับรังแล้วเต้นแบบวงกลมบนผนังของรวงรังในแนวตั้งฉากกับฐานรัง เพื่อบอกให้สมาชิกผึ้งงานด้วยกันทราบ ลักษณะของการเต้นแบบวงกลมนี้จะเต้นวนอยู่หลายรอบนาน นาทีจึงหยุด และย้ายไปเต้นในตำแหน่งต่างๆ บนผนังรวงรัง เพื่อบอกสมาชิดผึ้งงานตัวอื่นๆ ให้ทราบต่อไป ตลอดเวลาของการเต้นจะมีผึ้งงานประมาณ 5-10 ตัว ตอมรอบๆ ถ้ามีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ ผึ้งที่สำรวจนี้จะเต้นรุนแรงและเร็วถ้าอาหารมีน้อยก็จะเต้นช้าและมักไม่ได้รับความสนใจจากสมาชิกผึ้งงานที่ล้อมด

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

The origin of bees, treatment or therapy, the event there is no evidence of exactly how the advent of these First Nations is relevant, but there are traces historical evidence in indigenous teas and Chinese ip Philippines RI. Yi that honey is used in the daily life of humans for nearly a thousand years, which appear in the words that the Bible and the Bible are Veda bee products that 4000 years ago that honey and blessed the apho heritage from resin extract is widely used in Egypt or the Hippo k ... In addition, tea, a registry doctor is known as the father of medicine, also found that bee venom has been used to treat pain and disease, pain and khaikho deals. In the history of China is said to use bees to sting more than 3000 years ago to cure.ลักษณะทั่วไปของผึ้ง ลำตัวของผึ้ง แบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้องกายวิภาคภายนอกและภายในของผึ้ง ส่วนหัว เป็นที่ตั้งของหนวด ตา และปากหนวด เป็นอวัยวะรับความรู้สึกและสัมผัสโดยเฉพาะการดมกลิ่นแทนจมูก ตา ผึ้งมีตาประกอบใหญ่ ๑ คู่ ช่วยให้มองเห็นได้ในระยะไกล และเป็นบริเวณกว้าง สามารถมองเห็นดอกไม้สีต่างๆ ได้ในระยะไกล ผึ้งมองเห็นสีต่างๆ ได้เกือบเหมือนคน นอกจากสีแดง ซึ่งผึ้งจะเห็นเป็นสีดำ ผึ้งตัวผู้มีตาใหญ่กว่าผึ้งงาน และผึ้งนางพญา ปาก ของผึ้งเป็นแบบกัดดูด ประกอบด้วยอวัยวะเล็กๆ หลายส่วน คือ ปากบนมีกรามแข็งแรง ๑ คู่ ด้านข้างเป็นฟัน ตรงกลางเป็นงวงทำหน้าที่ดูดน้ำหวาน ปากของผึ้งตัวผู้ และนางพญาหดสั้นมาก เพราะไม่ได้ใช้งาน เนื่องจากผึ้งงานช่วยป้อนอาหารให้ผึ้งทั้งสองวรรณะ ส่วนอก เป็นส่วนรวมของกล้ามเนื้อ และเป็นที่ตั้งของขาและปีก ขา มี ๓ คู่ ขาหลังมีอวัยวะพิเศษ สำหรับเก็บเกสรเรียกว่า ตะกร้าเก็บเกสร ผึ้งตัวผู้ และผึ้งนางพญาไม่มีอวัยวะนี้ เพราะไม่ต้องออกไปหาอาหารปีก มี ๒ คู่ คู่แรกใหญ่กว่าคู่หลังเล็กน้อย ปีกคู่แรก และคู่หลังเกี่ยวกันด้วยตาขอเล็กๆ เรียงกันเป็นแถวเรียกว่า ฮามูไล (hamulai) ส่วนท้อง ของผึ้ง ประกอบด้วย ๖ ปล้อง ตัวผู้มี ๗ ปล้อง ที่ปลายท้องของผึ้งงาน และผึ้งนางพญามีเหล็กใน แต่ผึ้งตัวผู้ไม่มีเหล็กใน ด้านข้างแต่ละปล้องมีรูหายใจ ปล้องละ ๑ คู่ อวัยวะวางไข่ อยู่ที่ปล้องสุดท้ายในผึ้งงาน และผึ้งนางพญา บางส่วนของอวัยวะวางไข่จะดัดแปลงเป็นเหล็กใน มีลักษณะเป็นเข็มแหลม รูหายใจ เป็นรูเปิดด้านข้างส่วนอกและท้อง มีทั้งหมด ๑๐ คู่ ๓ คู่แรกอยู่ที่ส่วนอก อีก ๗ คู่ อยู่ที่ส่วนท้อง รูหายใจจะปิดเปิดตลอดเวลา เพราะมันหายใจเข้าออกทางรูเหล่านี้ รูหายใจจะติดต่อกับท่อลม และถุงลม ผึ้งมีถุงลมใหญ่มากอยู่ภายในลำตัว ช่วยพยุงตัวขณะที่ผึ้งบิน ทำให้ผึ้งสามารถบินเร็ว และบินได้ไกลด้วย ขนตามลำตัว ของผึ้งมีจำนวนมาก เป็นขนละเอียด มีเส้นประสาทรับความรู้สึก และรับสัมผัส เช่น ส่วนขนบริเวณหน้า ใช้รับความรู้สึก การเคลื่อนไหว และทิศทางลม ผึ้งมักจะบินทวนลมไปยังที่ตั้งของแหล่งอาหาร ขนที่ติดกับอกและท้องของผึ้ง สามารถรับความรู้สึกเกี่ยวกับแรงดึงดูดของโลก ทำให้สามารถบอกความสูงต่ำได้ในขณะที่บิน นอกจากนั้นขนยังรับสัมผัสการเคลื่อนไหวของศัตรู และรับสัมผัสอาหาร คือ เกสร และน้ำหวานจากพืชได้อีกด้วยสำหรับผึ้งที่พบในประเทศไทยมี 4 ชนิด คือ ผึ้งมิ้มหรือผึ้งแมลงวัน (Apis florea) มีลำตัวขนาดใหญ่กว่าแมลงวันเล็กน้อย มีนิสัยชอบตอมของหวาน ผึ้งหลวง (Apis dorsata) มีขนาดใหญ่ที่สุดและต่อยเจ็บที่สุด ผึ้งหลวงผลิตน้ำผึ้งมากและชอบสร้างรังในที่โล่งแจ้ง ผึ้งโพรง (Apis cerana) เป็นชนิดที่คนชอบนำมาเลี้ยงในหีบเลี้ยงผึ้ง มีขนาดเล็กกว่าผึ้งหลวงและชอบสร้างรังในโพรงไม้ และผึ้งพันธุ์ (Apis mellifera) เป็นผึ้งที่มาจากยุโรปและแอฟริกา มีขนาดใหญ่กว่าผึ้งโพรงเล็กน้อยและชอบสร้างรังในที่ทึบแสง หาน้ำหวานเก่ง แต่ไม่ดุร้ายเท่าผึ้งหลวง
ผึ้งเป็นสัตว์สังคมซึ่งมักอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ในรัง โดยมีการแบ่งชั้นวรรณะ ไม่มีผึ้งตัวหนึ่งตัวใด สามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นระยะเวลานาน โดยขาดความสัมพันธ์กับผึ้งวรรณะอื่นภายในสังคมเดียวกัน เพราะผึ้งเป็นแมลงสังคมที่มีวิวัฒนาการสูง มีระบบสังคมมาเป็นเวลาช้านานประมาณถึง ๓๐ ล้านปี ผึ้งแต่ละรังเปรียบเสมือนครอบครัวหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วย ๓ วรรณะ คือ ผึ้งนางพญาหนึ่งตัว มีหน้าที่สำคัญ คือ ผสมพันธุ์ วางไข่ และควบคุมสังคมของผึ้งให้อยู่ในสภาพปกติ ผึ้งตัวผู้หลายร้อยตัว มีหน้าที่เพียงอย่างเดียวภายในรัง คือ ผสมพันธุ์ และผึ้งงานอีกจำนวนเป็นหมื่นตัว มีหน้าที่หลักในการทำงาน เช่น ทำความสะอาดรัง เลี้ยงดูป้อนอาหารให้ผึ้งตัวอ่อน สร้างและซ่อมแซมรังเป็นทหารเฝ้ารัง ป้องกันศัตรูและอาหาร มนุษย์รู้จักผึ้งในแง่ของการช่วยผสมเกสรดอกไม้ และการนำผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากผึ้งมาใช้ประโยชน์ เช่น น้ำผึ้ง เกสรผึ้ง ไขผึ้ง นมผึ้ง และพรอพอลิส
ผึ้งเป็นแมลงสังคมที่มีพฤติกรรมแสดงออกมากกว่าแมลงอื่นๆ พฤติกรรมเหล่านี้ได้แก่ การผสมพันธุ์ การวางไข่ การแยกรัง และภาษาผึ้ง เป็นต้น “ภาษาผึ้ง” เป็นภาษาใบ้ชนิดหนึ่งเป็นอาการที่แสดงออกของผึ้งเพื่อใช้บอกแหล่งอาหารให้สมาชิกในรังทราบและพากันบินไปหาอาหารนั้นทันที ภาษาผึ้งเป็นภาษาที่น่าสนใจและน่าประหลาดอย่างมาก ศาสตราจารย์ คาร์ล ฟอน ฟริสช์ (Karl von Frisch) แห่งมหาวิทยาลัยมิวนิก ประเทศเยอรมันนี ผู้สนใจความสามารถของผึ้งในการแยกสีและกลิ่นได้มานานแล้ว ได้เฝ้าดูผึ้งตัวน้อยๆ บอกภาษากันด้วยการเต้นรำโดยศึกษาเรื่องนี้อยู่นานถึง 40ปี จึงสรุปและอธิบายแง่มุมต่างๆ ของภาษาผึ้งได้อย่างละเอียด ผลงานของเขาได้รับรางวัลโนเบลในปี พ.ศ.2516
ฟอน ฟริสช์ พบว่าการเต้นรำบอกแหล่งอาหารของผึ้งมีอยู่ 2 แบบ คือ การเต้นรำแบบวงกลมและการเต้นรำแบบส่ายท้อง
การเต้นรำแบบวงกลม (round dance) ผึ้งงานที่กลับมาจากสำรวจแหล่งอาหารในรัศมีไม่เกิน 100 เมตร จะบินกลับรังแล้วเต้นแบบวงกลมบนผนังของรวงรังในแนวตั้งฉากกับฐานรัง เพื่อบอกให้สมาชิกผึ้งงานด้วยกันทราบ ลักษณะของการเต้นแบบวงกลมนี้จะเต้นวนอยู่หลายรอบนาน นาทีจึงหยุด และย้ายไปเต้นในตำแหน่งต่างๆ บนผนังรวงรัง เพื่อบอกสมาชิดผึ้งงานตัวอื่นๆ ให้ทราบต่อไป ตลอดเวลาของการเต้นจะมีผึ้งงานประมาณ 5-10 ตัว ตอมรอบๆ ถ้ามีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ ผึ้งที่สำรวจนี้จะเต้นรุนแรงและเร็วถ้าอาหารมีน้อยก็จะเต้นช้าและมักไม่ได้รับความสนใจจากสมาชิกผึ้งงานที่ล้อมด

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

The origins of the bee therapy. A pin or Aromatherapy There is no conclusive evidence that the advent of these methods come from the First Nations. It traces the historical evidence of the children of Greek Yee Ipswich and China, where the use of honey in the daily lives of people for nearly a thousand years, which appears in Vedic Veda and the Bible that the use of bee products for the 4000 year. The honey and Prospect Chris Paul. Extracts from the wood. It is widely used in Egypt. Or in the modern hippopotamus K Baptiste. The Greek physician Is known as the Father of Medicine, also found that the use of bee venom to treat pain, arthritis and rheumatism. In the history of China is said to be used to treat a bee sting for over 3,000 years,
the general nature of the bee body of the bee. Divided into three parts: head, thorax and abdomen , external and internal anatomy of bees header as the location of antennae, eyes and a mouth mirror a sense organ of smell and touch, especially the nose , eyes. Bee eye gives operators a big one visible in the distance. And a wide area Flower color can be seen in the distance, bearing a different color. In addition to the red, almost like a bee is seen as black. Drone has eyes bigger than worker bees. And the bees mouth Bees are sucking bite Mouth organ composed of many small parts, a strong jaw, one pair of lateral teeth. The center serves as a proboscis to suck nectar. Drone mouth Queen shortened and more The idle The worker bees to feed the two castes chest muscle as a whole. And a set of three pairs of legs and wings hind legs with a special organ. Called for collecting pollen Drone bees collecting pollen baskets and without this organ. I do not go out looking for food, two pairs of wings are the first pair slightly larger rear wing and rear together with a small hook. A row that Moody's Delight (hamulai) the belly of bees consists of six segments male has seven segments at the end of the worker. And have bee stings But drone No Sting Each segment has a hole on the side of one double-jointed body lay eggs. The final segment of the worker. And the bees Some of the reproductive organs is converted into steel. It is a sharp needle hole. The open side of the chest and abdomen, there are 10 pairs in the first three to seven pairs in the chest abdomen. Hole to turn off all the time. It breathe out through these holes. Hole to make contact with air hose and air bags bearing a large air bag inside the trunk. While supporting the flying bees. Make a bee can fly faster And fly with feathers on the body. There are a lot of bees A finely hairy Nerves get the feel and touch, like the transport area. Use Sensation The movement and direction of the wind, bees often fly upwind to the location of a food source. Hair is attached to the chest and abdomen of a bee. You can get a sense about gravity. It can fly at a lower altitude. In addition, the wool has been exposed to the movements of the enemy. And the food is pollen and nectar from plants as well for bees found in Thailand, with four species of bees, flies or bees (Apis florea) The body is slightly larger than flies. Tom has a habit of bearing arms dessert (Apis dorsata), the largest and the most painful sting. Bees produce honey and royal love nest in the open bee (Apis cerana) is the type that people like to feed the bees in the trunk. Smaller than bearing arms and prefer to build their nests in hollow logs. Breeding and bee (Apis mellifera) bees from Europe and Africa. Slightly larger than a bee and prefer to build their nests in the dark. Good for nectar But not bearing arms wildly as bees are social animals, often live together in a large family in the nest. The exclusionary No one has bee Able to live alone for a long time. The lack of correlation with other bee caste within the same society. Because bees are social insects that are highly evolved. Society has been a long year, about 30 million bees nest is like one family. Which consists of three castes is one queen bee. A key function is the breeding of bees and social control in normal conditions. Drone hundreds Is responsible only within the breeding and nesting bees are another thousand. The main work such as cleaning the nest. Raising bees feed the larvae. The nest is built and repaired military guarding the nest. Pest prevention and In terms of humans, bees help pollinate. And the introduction of various products Honey bees use as beeswax, bee pollen, royal jelly and propolis Providence bees are social insects that are expressive behavior than other insects. These behaviors include breeding, spawning and nesting in isolation bees as "the language of bees" as a kind of sign language as signs of bees to food sources told members of the hive mind and take flight to find food immediately. Italian bee is very interesting and surprisingly Breckenridge Professor Karl von Clausewitz (Karl von Frisch) of the University of Munich. Germany Those interested in the ability of bees to color and scent for a long time. Watching the little bee. Tell each other with dance language by studying this issue for up to 40 years to conclude and explain different aspects. Language of Bees carefully His work has won the Nobel in 2516 , von Clausewitz Frisco found the food source of bees dance to tell the two types of dance and dance circle gold line dance circle. (round dance) workers returning from exploration in a radius of up to 100 meters to fly back to the nest, and then beats rang in the ears of the circular wall perpendicular to the base of the nest. Members work together to let the bees know. The nature of the dance circle to dance circles around a minute, stop and move on to dance at various locations on the wall ears rang to say the closer the worker, the more you know about the time of the beating to bees. Approximately 5-10 characters swarming around if there are abundant food sources. Explore the bee dance is intense and fast food if it has less bradycardia and often do not receive the attention of the members of the siege, the worker bees.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

The origins of the bee therapy or a apitherapy. There is no evidence that these methods where a nation is born first. But there are traces of historical evidence of the Greeks, Yi ippei, and China.Veda Bible and that the bee products, that 4000 years which honey and prop Alice extract from the resin. It is widely used in ียิ Egypt, or in modern hippopotamus Kay artist in the medical Greek.In the history of China are discussed using the bee sting to cure, for more than 3000 years


the general characteristics of the bee bee body can be divided into 3 parts: header, the chest and abdomen
anatomy of inside and outside of the bees.

header is the location of the tentacles, eyes, and mouth
.Beard's sense organs, especially the smell and touch instead of nose
.The eyes, a bee has big compound eyes, 1 pair to see in the distance, and a wide area, can see the flowers of various colors in the distance, bee color vision. Almost like people, besides red, which are seen as a black beeAnd the queen bee
.The mouth of the bee is a bit shock consists of several small organ part is on the mouth has strong jaw, 1 pair side of a tooth, middle trunk serves sucking nectar. The mouth of the งผึ้ง males and queen shrink very short, because do not use.
.The chest part
.Is a collective of muscles. And the location of the legs and wings, legs have 3 pairs. The hind legs have special organs to collect pollen called basket collect pollen bee males, and the queen bee no organs. Because you don't have to go out to the wing with two pairs.The first pair of wings and back are arranged in rows of small eye, called ha mu (hamulai)
.The stomach
of bees, consisting of 6 segment. The there are seven segment at the end of the abdomen of the worker bees และผึ้ down queen have iron, but the drone has no sting. Each side has a breathing hole. Articulate articulate. 1 pair
.In the final segment organ spawn in bees and the queen bee. Some of the organs are adapted as spawning steel needles, a
.