เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ทำให้จอมพลถนอม กิตติขจร ได้ก้าวขึ้นมาด การแปล - เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ทำให้จอมพลถนอม กิตติขจร ได้ก้าวขึ้นมาด อังกฤษ วิธีการพูด

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ทำใ

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ทำให้จอมพลถนอม กิตติขจร ได้ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน ในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ถือว่าเป็นสมัยที่ 2 โดยในช่วงนี้จอมพลถนอม กิตติขจร มีอำนาจทั้งทางการเมืองและการทหารอย่างแท้จริง ประกอบกับระยะเวลาผ่านมา 5 ปี ที่อยู่ในทางการเมืองจึงมีความชัดเจนทางการเมืองมากขึ้น ได้พยายามดำเนินนโยบายเจริญรอยตามที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้กำหนดไว้ เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2511 (ฉบับที่ 8) ในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511 เป็นผลให้คณะรัฐมนตรีของจอมพลถนอม กิตติขจร ได้สิ้นสุดลง รัฐบาลจึงได้รักษาการในระหว่างรอการเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยมีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 เป็นวันเลือกตั้งทั่วราชอาณาจักรไทย ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ จอมพลถนอม กิตติขจร ได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2511 คือ “พรรคสหประชาไทย” ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค การจัดตั้งรัฐบาลและกลับเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 ของจอมพลถนอม กิตติขจร จึงประสบความสำเร็จโดยพรรคประชาธิปัตย์และพรรคที่เหลือเป็นฝ่ายค้าน สมัยที่ 3 มีปัญหาขัดแย้งเกิดขึ้นหลายประการ โดยเวลานั้นความนิยมรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจรตกต่ำมาก หากรัฐบาลลาออกหรือยุบสภาก็ไม่อาจมีหลักประกันว่าจอมพลถนอม กิตติขจร จะกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 4 ได้อีก ดังนั้น จอมพลถนอม กิตติขจร จึงได้ทำการปฏิวัติตนเอง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 นับตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 จอมพลถนอม กิตติขจร ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศในนามคณะปฏิวัติ (ทำรัฐประหารรัฐบาลตนเอง) ได้จัดตั้ง “สภาบริหารคณะปฏิวัติ” ขึ้น เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2514 เพื่อใช้อำนาจแทนรัฐบาล โดยจอมพลถนอม กิตติขจร ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาบริหารคณะปฏิวัติเทียบเท่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในเวลาต่อมาได้มีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515 แทนรัฐธรรมนูญที่ถูกยกเลิกไป ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามธรรมนูญการปกครองดังกล่าวได้มีมติให้จอมพลถนอม กิตติขจร เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป และตามบทบัญญัติของธรรมนูญฉบับดังกล่าว กำหนดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร แต่การยกร่างได้ดำเนินการล่าช้า ไม่เป็นที่พอใจของนิสิตนักศึกษาและประชาชน จนเกิดการประท้วงในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 เหตุการณ์เริ่มมาจากการที่จอมพล ถนอม กิตติขจร รัฐประหารตัวเอง ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 ซึ่งนักศึกษาและประชาชนมองว่า เป็นการสืบทอดอำนาจตนเองจากจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นอกจากนี้ จอมพล ถนอมจะต้องเกษียณอายุราชการเนื่องจากอายุครบ 60 ปี แต่กลับต่ออายุราชการตนเองในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดออกไป ทั้งพลเอก ประภาส จารุเสถียร บุคคลสำคัญในรัฐบาล ที่มิได้รับการยอมรับเหมือนจอมพล ถนอม กลับจะได้รับยศจอมพล และตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ประกอบกับข่าวคราวเรื่องทุจริตในวงราชการ สร้างความไม่พอใจในหมู่ประชาชนอย่างมาก 6 ตุลาคม มีบุคคลร่วมลงชื่อ 100 คน เพื่อเรียกร้องขอรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยบุคคลหลากหลายอาชีพ เช่น นักวิชาการ นักการเมือง นักคิด นักเขียน นิสิต นักศึกษา เป็นต้น จากนั้น บุคคลเหล่านี้ราว 20 คน นำโดย ธีรยุทธ บุญมี ได้เดินแจกใบปลิวเรียกร้องรัฐธรรมนูญตามสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯโดยอ้างถึงใจความในพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 7 ที่ส่งถึงรัฐบาลเกี่ยวกับสาเหตุที่ทรงสละราชสมบัติ แต่ทางตำรวจนครบาลจับได้เพียง 11 คน และจับทั้ง 11 คนนี้ขังไว้ที่โรงเรียนตำรวจนครบาลบางเขน และนำไปขังต่อที่เรือนจำกลางบางเขน พร้อมตั้งข้อหาร้ายแรงว่า เป็นคอมมิวนิสต์โดยห้ามเยี่ยมห้ามประกันเด็ดขาด จากนั้น ได้มีการประกาศจับก้องเกียรติ คงคา นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และตามจับไขแสง สุกใส อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนมอีก เป็นผู้ต้องถูกจับทั้งหมด 13 คน โดยกล่าวหาว่า ไขแสงอยู่เบื้องหลังการแจกใบปลิวครั้งนี้ บุคคลทั้ง 13 นี้ถูกเรียกขานว่าเป็น "13 ขบถรัฐธรรมนูญ" เหตุการณ์เหล่านี้สร้างความไม่พอใจครั้งใหญ่แก่มวลนักศึกษาและประชาชนอย่างมาก นำไปสู่การชุมนุมใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งขณะนั้นกำลังสอบกลางภาค มีนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้เข้าพบ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช อดีตผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พบปะเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ได้เสนอว่า หากจะจัดการชุมนุม ควรจะจัดในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ทำให้จอมพลถนอม กิตติขจร ได้ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน ในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ถือว่าเป็นสมัยที่ 2 โดยในช่วงนี้จอมพลถนอม กิตติขจร มีอำนาจทั้งทางการเมืองและการทหารอย่างแท้จริง ประกอบกับระยะเวลาผ่านมา 5 ปี ที่อยู่ในทางการเมืองจึงมีความชัดเจนทางการเมืองมากขึ้น ได้พยายามดำเนินนโยบายเจริญรอยตามที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้กำหนดไว้ เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2511 (ฉบับที่ 8) ในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511 เป็นผลให้คณะรัฐมนตรีของจอมพลถนอม กิตติขจร ได้สิ้นสุดลง รัฐบาลจึงได้รักษาการในระหว่างรอการเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยมีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 เป็นวันเลือกตั้งทั่วราชอาณาจักรไทย ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ จอมพลถนอม กิตติขจร ได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2511 คือ “พรรคสหประชาไทย” ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค การจัดตั้งรัฐบาลและกลับเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 ของจอมพลถนอม กิตติขจร จึงประสบความสำเร็จโดยพรรคประชาธิปัตย์และพรรคที่เหลือเป็นฝ่ายค้าน สมัยที่ 3 มีปัญหาขัดแย้งเกิดขึ้นหลายประการ โดยเวลานั้นความนิยมรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจรตกต่ำมาก หากรัฐบาลลาออกหรือยุบสภาก็ไม่อาจมีหลักประกันว่าจอมพลถนอม กิตติขจร จะกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 4 ได้อีก ดังนั้น จอมพลถนอม กิตติขจร จึงได้ทำการปฏิวัติตนเอง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 นับตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 จอมพลถนอม กิตติขจร ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศในนามคณะปฏิวัติ (ทำรัฐประหารรัฐบาลตนเอง) ได้จัดตั้ง “สภาบริหารคณะปฏิวัติ” ขึ้น เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2514 เพื่อใช้อำนาจแทนรัฐบาล โดยจอมพลถนอม กิตติขจร ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาบริหารคณะปฏิวัติเทียบเท่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในเวลาต่อมาได้มีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515 แทนรัฐธรรมนูญที่ถูกยกเลิกไป ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามธรรมนูญการปกครองดังกล่าวได้มีมติให้จอมพลถนอม กิตติขจร เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป และตามบทบัญญัติของธรรมนูญฉบับดังกล่าว กำหนดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร แต่การยกร่างได้ดำเนินการล่าช้า ไม่เป็นที่พอใจของนิสิตนักศึกษาและประชาชน จนเกิดการประท้วงในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 เหตุการณ์เริ่มมาจากการที่จอมพล ถนอม กิตติขจร รัฐประหารตัวเอง ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 ซึ่งนักศึกษาและประชาชนมองว่า เป็นการสืบทอดอำนาจตนเองจากจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นอกจากนี้ จอมพล ถนอมจะต้องเกษียณอายุราชการเนื่องจากอายุครบ 60 ปี แต่กลับต่ออายุราชการตนเองในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดออกไป ทั้งพลเอก ประภาส จารุเสถียร บุคคลสำคัญในรัฐบาล ที่มิได้รับการยอมรับเหมือนจอมพล ถนอม กลับจะได้รับยศจอมพล และตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ประกอบกับข่าวคราวเรื่องทุจริตในวงราชการ สร้างความไม่พอใจในหมู่ประชาชนอย่างมาก 6 ตุลาคม มีบุคคลร่วมลงชื่อ 100 คน เพื่อเรียกร้องขอรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยบุคคลหลากหลายอาชีพ เช่น นักวิชาการ นักการเมือง นักคิด นักเขียน นิสิต นักศึกษา เป็นต้น จากนั้น บุคคลเหล่านี้ราว 20 คน นำโดย ธีรยุทธ บุญมี ได้เดินแจกใบปลิวเรียกร้องรัฐธรรมนูญตามสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯโดยอ้างถึงใจความในพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 7 ที่ส่งถึงรัฐบาลเกี่ยวกับสาเหตุที่ทรงสละราชสมบัติ แต่ทางตำรวจนครบาลจับได้เพียง 11 คน และจับทั้ง 11 คนนี้ขังไว้ที่โรงเรียนตำรวจนครบาลบางเขน และนำไปขังต่อที่เรือนจำกลางบางเขน พร้อมตั้งข้อหาร้ายแรงว่า เป็นคอมมิวนิสต์โดยห้ามเยี่ยมห้ามประกันเด็ดขาด จากนั้น ได้มีการประกาศจับก้องเกียรติ คงคา นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และตามจับไขแสง สุกใส อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนมอีก เป็นผู้ต้องถูกจับทั้งหมด 13 คน โดยกล่าวหาว่า ไขแสงอยู่เบื้องหลังการแจกใบปลิวครั้งนี้ บุคคลทั้ง 13 นี้ถูกเรียกขานว่าเป็น "13 ขบถรัฐธรรมนูญ" เหตุการณ์เหล่านี้สร้างความไม่พอใจครั้งใหญ่แก่มวลนักศึกษาและประชาชนอย่างมาก นำไปสู่การชุมนุมใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งขณะนั้นกำลังสอบกลางภาค มีนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้เข้าพบ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช อดีตผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พบปะเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ได้เสนอว่า หากจะจัดการชุมนุม ควรจะจัดในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ทำให้จอมพลถนอม กิตติขจร ได้ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน ในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ถือว่าเป็นสมัยที่ 2 โดยในช่วงนี้จอมพลถนอม กิตติขจร มีอำนาจทั้งทางการเมืองและการทหารอย่างแท้จริง ประกอบกับระยะเวลาผ่านมา 5 ปี ที่อยู่ในทางการเมืองจึงมีความชัดเจนทางการเมืองมากขึ้น ได้พยายามดำเนินนโยบายเจริญรอยตามที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้กำหนดไว้ เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2511 (ฉบับที่ 8) ในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511 เป็นผลให้คณะรัฐมนตรีของจอมพลถนอม กิตติขจร ได้สิ้นสุดลง รัฐบาลจึงได้รักษาการในระหว่างรอการเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยมีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 เป็นวันเลือกตั้งทั่วราชอาณาจักรไทย ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ จอมพลถนอม กิตติขจร ได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2511 คือ “พรรคสหประชาไทย” ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค การจัดตั้งรัฐบาลและกลับเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 ของจอมพลถนอม กิตติขจร จึงประสบความสำเร็จโดยพรรคประชาธิปัตย์และพรรคที่เหลือเป็นฝ่ายค้าน สมัยที่ 3 มีปัญหาขัดแย้งเกิดขึ้นหลายประการ โดยเวลานั้นความนิยมรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจรตกต่ำมาก หากรัฐบาลลาออกหรือยุบสภาก็ไม่อาจมีหลักประกันว่าจอมพลถนอม กิตติขจร จะกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 4 ได้อีก ดังนั้น จอมพลถนอม กิตติขจร จึงได้ทำการปฏิวัติตนเอง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 นับตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 จอมพลถนอม กิตติขจร ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศในนามคณะปฏิวัติ (ทำรัฐประหารรัฐบาลตนเอง) ได้จัดตั้ง “สภาบริหารคณะปฏิวัติ” ขึ้น เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2514 เพื่อใช้อำนาจแทนรัฐบาล โดยจอมพลถนอม กิตติขจร ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาบริหารคณะปฏิวัติเทียบเท่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในเวลาต่อมาได้มีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515 แทนรัฐธรรมนูญที่ถูกยกเลิกไป ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามธรรมนูญการปกครองดังกล่าวได้มีมติให้จอมพลถนอม กิตติขจร เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป และตามบทบัญญัติของธรรมนูญฉบับดังกล่าว กำหนดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร แต่การยกร่างได้ดำเนินการล่าช้า ไม่เป็นที่พอใจของนิสิตนักศึกษาและประชาชน จนเกิดการประท้วงในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 เหตุการณ์เริ่มมาจากการที่จอมพล ถนอม กิตติขจร รัฐประหารตัวเอง ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 ซึ่งนักศึกษาและประชาชนมองว่า เป็นการสืบทอดอำนาจตนเองจากจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นอกจากนี้ จอมพล ถนอมจะต้องเกษียณอายุราชการเนื่องจากอายุครบ 60 ปี แต่กลับต่ออายุราชการตนเองในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดออกไป ทั้งพลเอก ประภาส จารุเสถียร บุคคลสำคัญในรัฐบาล ที่มิได้รับการยอมรับเหมือนจอมพล ถนอม กลับจะได้รับยศจอมพล และตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ประกอบกับข่าวคราวเรื่องทุจริตในวงราชการ สร้างความไม่พอใจในหมู่ประชาชนอย่างมาก 6 ตุลาคม มีบุคคลร่วมลงชื่อ 100 คน เพื่อเรียกร้องขอรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยบุคคลหลากหลายอาชีพ เช่น นักวิชาการ นักการเมือง นักคิด นักเขียน นิสิต นักศึกษา เป็นต้น จากนั้น บุคคลเหล่านี้ราว 20 คน นำโดย ธีรยุทธ บุญมี ได้เดินแจกใบปลิวเรียกร้องรัฐธรรมนูญตามสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯโดยอ้างถึงใจความในพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 7 ที่ส่งถึงรัฐบาลเกี่ยวกับสาเหตุที่ทรงสละราชสมบัติ แต่ทางตำรวจนครบาลจับได้เพียง 11 คน และจับทั้ง 11 คนนี้ขังไว้ที่โรงเรียนตำรวจนครบาลบางเขน และนำไปขังต่อที่เรือนจำกลางบางเขน พร้อมตั้งข้อหาร้ายแรงว่า เป็นคอมมิวนิสต์โดยห้ามเยี่ยมห้ามประกันเด็ดขาด จากนั้น ได้มีการประกาศจับก้องเกียรติ คงคา นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และตามจับไขแสง สุกใส อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนมอีก เป็นผู้ต้องถูกจับทั้งหมด 13 คน โดยกล่าวหาว่า ไขแสงอยู่เบื้องหลังการแจกใบปลิวครั้งนี้ บุคคลทั้ง 13 นี้ถูกเรียกขานว่าเป็น "13 ขบถรัฐธรรมนูญ" เหตุการณ์เหล่านี้สร้างความไม่พอใจครั้งใหญ่แก่มวลนักศึกษาและประชาชนอย่างมาก นำไปสู่การชุมนุมใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งขณะนั้นกำลังสอบกลางภาค มีนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้เข้าพบ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช อดีตผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พบปะเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ได้เสนอว่า หากจะจัดการชุมนุม ควรจะจัดในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
On 8 September 2506 makes จอมพลถนอม, step up muangsakul. Deputy Prime Minister instead of on 9 December 20082506 is considered when 2 by in this period จอมพลถนอม muangsakul. Has the power, both political and การทหารอย่างแท้จริง, along with time past 5 years. In politics are so clear more political.Regime, defined as having adopted the constitution of the kingdom of Thailand B.Professor 2511 (No. 8) on 20 JuneAs a result, 2511 cabinet of จอมพลถนอม muangsakul has ended, the government acting during the wait for the election, and establish a new government. By a decree assigned the 10 February2512 was elected the kingdom of Thailand. In the general election, a new จอมพลถนอม muangsakul was registered political parties on 24 October 2005.2511 is "United Party Hamlet's" the party leader. The establishment of the government and returned to the prime minister position when 3 of จอมพลถนอม muangsakul. So successfully by the Democratic Party and the party the left opposition. When 3.By that time, the government จอมพลถนอม popularity muangsakul very low. If the government resign or dissolve it may not have the assurance that จอมพลถนอม will come back muangsakul. Maintain position of prime minister when 4 again. จอมพลถนอม, muangsakul.On 17 NovemberProfessor 2514 since the day 17 November2514 จอมพลถนอม muangsakul. As commander in chief. To seize power ruling the country on behalf of the Revolutionary Party (coup) has established a "self government administration council revolutionary" up on 31 December. BC2514 to use power instead of government by จอมพลถนอม muangsakul. Position is the president of Executive Council of revolution as prime minister. At a later time, has adopted the ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร BC.2515 instead of the constitution was cancelled. The national legislative Statute Governing the agreed to จอมพลถนอม muangsakul., as the prime minister. In accordance with the provisions of the Constitution and the such.But lifting body has been delayed. No satisfactory of students and citizens. The protests in the event 14 OctoberProfessor 2516 events started from that field marshal thanom kittikachorn, coup d'etat itself on 17 November.2514 which students and people look. An inherited power themselves from field marshal Sarit thanarat. Besides, field marshal, cherish will be retired old governor since age 60 years.The general praphas charusathien key persons in government, not recognized as field marshal thanom back will be the rank of field marshal and the position of commander in chief. According to the news about corruption in the government.6 October the person signing 100 people. To request the constitution. Identifying a wide range of professional, such as academics, politicians, thinkers, writers, students, etc. then these individuals about 20 people. Led by thanom kittikachorn.. in Bangkok by referring to the theme of the Royal letters of King 7 sent to the government about why he abdicated. But the police caught only 11 people and catch the 11 is locked at the Metropolitan Police School, bang khenWith serious charges. A communist by no visitors no insurance. Then has wanted kongkiat Ganges. Ramkhamhaeng university students and catch a row of lighted little. Former members of the house of representatives in Nakhon Phanom province again brilliant.13 people by alleging that the row of lighted little behind the leaflet was the 13 was เรียกขานว่า "13 rebel constitution". These events created a big offensive to mass students and people greatly.Have the Thammasat University, a group of audience seni pramoj, former the opposition in the house of Representatives. Meet to discuss about the situation. หม่อมราชวงศ์เสนีย์ proposed that if the handle assembly.
.
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: