“โทเทม” (Totem) หรือ “เสาโทเทม” (To

“โทเทม” (Totem) หรือ “เสาโทเทม” (Totem pole) คือ สัญลักษณ์อนุสรณ์ด้วยประติมากรรมจากไม้แกะสลักขนาดใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมพื้นเมืองที่ปรากฎอยู่ในชนเผ่าอินเดียนแดงแถบชายฝั่งทะเลตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ สามารถพบเห็นเสาโทเทมได้ในชุมชนชนเผ่าพื้นเมืองในแคนาดา และสหรัฐอเมริกา

ลักษณะของเสาโทเทม จะแกะสลักขึ้นมาจากลำต้นไม้ขนาดใหญ่เพียงต้นเดียว ส่วนใหญ่ไม้ที่นำมาแกะสลักนั้นคือ ไม้จากต้นซีดาร์ (Cedar tree) ซึ่งเป็นไม้ที่มีอยู่อย่างชุกชุมในป่าไม้ชายฝั่งทะเลตะวันตก รูป และลวดลายที่แกะสลักมีทั้งภาพใบหน้าของมนุษย์ และสัตว์ต่างๆ ตามจินตนาการ แต่ที่นิยมกันมากมักเป็นภาพ นกดุเหว่า เหยี่ยว และ นกอินทรี โดยมากมักมีส่วนของ จงอยปาก ยื่นยาวออกมาข้างหน้า และมักสยายปีกแผ่ออกด้านข้างอย่างสง่างาม รวมทั้งอาจมีภาพจากธรรมชาติ เช่น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว รวมอยู่ในนั้น และภาพประติมากรรมต่างๆ จะเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ขึ้นสู่ด้านบนของหัวเสาเสมอ สุดท้ายจะระบายสีตกแต่งอย่างสวยงาม สีสันต่างๆ แม้จะฉูดฉาดบาดตา แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณในแบบอย่างวัฒนธรรมของชาวอินเดียนแดง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การแกะสลักเสาโทเทมนั้นจึงเป็นงานศิลปะที่ต้องใช้ทักษะฝีมือ และความชำนาญสูง ใช้เวลาในการแกะสลักนานตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ ดังนั้น เสาโทเทมจึงไม่ใช่เสาธรรมดาๆ ที่มีแต่ความสวยงาม แต่มันมีความหมาย และความสำคัญมากกว่านั้น

เดิมที คำว่า “โทเทม” (Totem) มีรากศัพท์มาจากภาษาพื้นเมืองของชนเผ่าโอจิบวี (Ojibwe) ที่เรียกกันว่า “โอดูเดม” (Odoodem) หมายถึง กลุ่มตระกูลของเขา เพราะคติความเชื่อดั้งเดิมของชนเผ่าโอจิบวี ซึ่งภายหลังได้แพร่ขยายจนกลายเป็นวัฒนธรรมของอินเดียนแดงเผ่าต่างๆ การตั้งเสาโทเทมจะต้องปักอยู่ตรงหน้ากระโจม หรือหน้าอาณาเขตของตระกูลต่างๆ ในชนเผ่านั้น เพราะนั่นเป็นการประกาศถึงศักดิ์ศรี ฐานะ และพลังอำนาจของวงศ์ตระกูลของผู้เป็นเจ้าของเสา ทำให้รูปประติมากรรมต่างๆ บนเสาโทเทม คือการบ่งบอกแทนคำพูด ที่แสดงถึงเรื่องราวของสัตว์สัญลักษณ์ประจำตระกูล หรือบุคคลสำคัญ และตำนานความเชื่อของพวกเขา สำหรับชาวชาวอินเดียนแดงแล้ว เสาโทเทมเป็นศิลปะที่มีชีวิต และใช้แทนคำพูดที่ต้องการจะสื่อสารถึงผู้อื่น ไม่ใช่เป็นเสาเครื่องราง หรือเสาพิธีกรรมใดๆ อย่างที่ชาวตะวันตกที่ไปรุกรานถิ่นที่อยู่ของชาวอินเดียนแดงเข้าใจกันไปเอง

น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ คนสมัยใหม่กลับไปตีความของเสาโทเทมผิดไปจากความเป็นจริง และยังนำไปใช้เป็นสินค้าของชาวเมืองในโลกศิวิไลซ์ โดยไม่รู้ซึ้งถึงความหมาย และไร้ซึ่งความเข้าใจถึงที่มาของการสร้าง… “เสาโทเทม”

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

"Master hotel" (Totem) pole, or "master hotel" (Totem pole) is a symbolic Memorial with sculpture from wood carving a big part of the culture of the native Indian tribes the bar the northwest coast of North America. The pole can be seen pouring madai master folk, tribal community in Canada and the United States. ลักษณะของเสาโทเทม จะแกะสลักขึ้นมาจากลำต้นไม้ขนาดใหญ่เพียงต้นเดียว ส่วนใหญ่ไม้ที่นำมาแกะสลักนั้นคือ ไม้จากต้นซีดาร์ (Cedar tree) ซึ่งเป็นไม้ที่มีอยู่อย่างชุกชุมในป่าไม้ชายฝั่งทะเลตะวันตก รูป และลวดลายที่แกะสลักมีทั้งภาพใบหน้าของมนุษย์ และสัตว์ต่างๆ ตามจินตนาการ แต่ที่นิยมกันมากมักเป็นภาพ นกดุเหว่า เหยี่ยว และ นกอินทรี โดยมากมักมีส่วนของ จงอยปาก ยื่นยาวออกมาข้างหน้า และมักสยายปีกแผ่ออกด้านข้างอย่างสง่างาม รวมทั้งอาจมีภาพจากธรรมชาติ เช่น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว รวมอยู่ในนั้น และภาพประติมากรรมต่างๆ จะเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ขึ้นสู่ด้านบนของหัวเสาเสมอ สุดท้ายจะระบายสีตกแต่งอย่างสวยงาม สีสันต่างๆ แม้จะฉูดฉาดบาดตา แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณในแบบอย่างวัฒนธรรมของชาวอินเดียนแดง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การแกะสลักเสาโทเทมนั้นจึงเป็นงานศิลปะที่ต้องใช้ทักษะฝีมือ และความชำนาญสูง ใช้เวลาในการแกะสลักนานตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ ดังนั้น เสาโทเทมจึงไม่ใช่เสาธรรมดาๆ ที่มีแต่ความสวยงาม แต่มันมีความหมาย และความสำคัญมากกว่านั้น เดิมที คำว่า “โทเทม” (Totem) มีรากศัพท์มาจากภาษาพื้นเมืองของชนเผ่าโอจิบวี (Ojibwe) ที่เรียกกันว่า “โอดูเดม” (Odoodem) หมายถึง กลุ่มตระกูลของเขา เพราะคติความเชื่อดั้งเดิมของชนเผ่าโอจิบวี ซึ่งภายหลังได้แพร่ขยายจนกลายเป็นวัฒนธรรมของอินเดียนแดงเผ่าต่างๆ การตั้งเสาโทเทมจะต้องปักอยู่ตรงหน้ากระโจม หรือหน้าอาณาเขตของตระกูลต่างๆ ในชนเผ่านั้น เพราะนั่นเป็นการประกาศถึงศักดิ์ศรี ฐานะ และพลังอำนาจของวงศ์ตระกูลของผู้เป็นเจ้าของเสา ทำให้รูปประติมากรรมต่างๆ บนเสาโทเทม คือการบ่งบอกแทนคำพูด ที่แสดงถึงเรื่องราวของสัตว์สัญลักษณ์ประจำตระกูล หรือบุคคลสำคัญ และตำนานความเชื่อของพวกเขา สำหรับชาวชาวอินเดียนแดงแล้ว เสาโทเทมเป็นศิลปะที่มีชีวิต และใช้แทนคำพูดที่ต้องการจะสื่อสารถึงผู้อื่น ไม่ใช่เป็นเสาเครื่องราง หรือเสาพิธีกรรมใดๆ อย่างที่ชาวตะวันตกที่ไปรุกรานถิ่นที่อยู่ของชาวอินเดียนแดงเข้าใจกันไปเอง น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ คนสมัยใหม่กลับไปตีความของเสาโทเทมผิดไปจากความเป็นจริง และยังนำไปใช้เป็นสินค้าของชาวเมืองในโลกศิวิไลซ์ โดยไม่รู้ซึ้งถึงความหมาย และไร้ซึ่งความเข้าใจถึงที่มาของการสร้าง… “เสาโทเทม”

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

"TOTEM" (Totem) or "pillar TOTEM" (Totem pole) is a symbolic memorial sculpture, wood carving large. As part of Native culture depicted in the coastal Indian tribes of northwestern North America. TOTEM poles can be found in indigenous communities in Canada. US and nature of TOTEM poles. Is carved from a single tree trunk large tree. Most of the wood used to carve them. Wood from cedar (Cedar tree), the wood is extremely abundant in the forests west coast style and motifs etched with the image of a human face. And in the imagination, but the most popular are often portrayed Cuckoo hawks and eagles are often a part of the snout protrudes forward. And often expands outreach side gracefully. You may have images of nature such as sun, moon, and stars included in it. Pictures and sculptures Are stacked in layers. Always up to the top of the pole. Finally, nicely decorated with different colors to paint despite the gaudy tinsel. But also filled with the spirit of the precedent culture of the Indians. Unique TOTEM pole carving is an art that requires skill. And highly skilled Take the time to carve time from six months to one year to complete, so the Poles TOTEM is not an ordinary post. But the beauty But it is significant And more important than that originally the word "TOTEM" (Totem) is derived from the native language of the tribe Ojibwa V (Ojibwe), also known as "Oh, look at Notre Dame" (Odoodem) refers to a group of his clan. The belief of traditional Ojibwa tribe V. Which later spread into the culture of Indian tribes. The Poles TOTEM will be planted in front of the pavilion. Or tribes in the tribal territory of that because that is a testament to the prestige and power of the family-owned poles. Make sculptures on the pillars TOTEM was to determine the talking. That represents the story of the family. Or VIPs Their beliefs and myths. For the Indians, then Poles TOTEM is a living art. And instead use words to communicate to others. Not a fetish pole Or post any ritual The Westerners who invaded the residence of the Indians seem to have a disappointing day. Back to the modernist interpretation of the post TOTEM deviated from reality. And also be used as a product of the city in the civilized world. The ignorance which means And lack of understanding of the origins of creation ... "Poles TOTEM".

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

นักเรียนชาวนามากขึ้น ก็ต้องเห็นใจความสว่างลงจัดการเบาๆในอ้อมกอดเพื่อให้มันอยู่ในฤดูหนาว
เมื่องูเห่าได้รับความอบอุ่นมีมากขึ้นมันเริ่มกัดและอาศัยอยู่จากชาวนา
ก่อนที่พวกเขาไป



นักเรียนชาวนามากขึ้น ก็ต้องเห็นใจความสว่างลงจัดการเบาๆในอ้อมกอดเพื่อให้มันอยู่ในฤดูหนาว
เมื่องูเห่าได้รับความอบอุ่นมีมากขึ้นมันเริ่มกัดและอาศัยอยู่จากชาวนา
ก่อนที่พวกเขาไป



นักเรียนชาวนามากขึ้น ก็ต้องเห็นใจความสว่างลงจัดการเบาๆในอ้อมกอดเพื่อให้มันอยู่ในฤดูหนาว
เมื่องูเห่าได้รับความอบอุ่นมีมากขึ้นมันเริ่มกัดและอาศัยอยู่จากชาวนา
ก่อนที่พวกเขาไป



นักเรียนชาวนามากขึ้น ก็ต้องเห็นใจความสว่างลงจัดการเบาๆในอ้อมกอดเพื่อให้มันอยู่ในฤดูหนาว
เมื่องูเห่าได้รับความอบอุ่นมีมากขึ้นมันเริ่มกัดและอาศัยอยู่จากชาวนา
ก่อนที่พวกเขาไป



นักเรียนชาวนามากขึ้น ก็ต้องเห็นใจความสว่างลงจัดการเบาๆในอ้อมกอดเพื่อให้มันอยู่ในฤดูหนาว
เมื่องูเห่าได้รับความอบอุ่นมีมากขึ้นมันเริ่มกัดและอาศัยอยู่จากชาวนา
ก่อนที่พวกเขาไป



นักเรียนชาวนามากขึ้น ก็ต้องเห็นใจความสว่างลงจัดการเบาๆในอ้อมกอดเพื่อให้มันอยู่ในฤดูหนาว
เมื่องูเห่าได้รับความอบอุ่นมีมากขึ้นมันเริ่มกัดและอาศัยอยู่จากชาวนา
ก่อนที่พวกเขาไป



นักเรียนชาวนามากขึ้น ก็ต้องเห็นใจความสว่างลงจัดการเบาๆในอ้อมกอดเพื่อให้มันอยู่ในฤดูหนาว
เมื่องูเห่าได้รับความอบอุ่นมีมากขึ้นมันเริ่มกัดและอาศัยอยู่จากชาวนา
ก่อนที่พวกเขาไป



นักเรียนชาวนามากขึ้น ก็ต้องเห็นใจความสว่างลงจัดการเบาๆในอ้อมกอดเพื่อให้มันอยู่ในฤดูหนาว
เมื่องูเห่าได้รับความอบอุ่นมีมากขึ้นมันเริ่มกัดและอาศัยอยู่จากชาวนา
ก่อนที่พวกเขาไป



นักเรียนชาวนามากขึ้น ก็ต้องเห็นใจความสว่างลงจัดการเบาๆในอ้อมกอดเพื่อให้มันอยู่ในฤดูหนาว
เมื่องูเห่าได้รับความอบอุ่นมีมากขึ้นมันเริ่มกัดและอาศัยอยู่จากชาวนา
ก่อนที่พวกเขาไป



นักเรียนชาวนามากขึ้น ก็ต้องเห็นใจความสว่างลงจัดการเบาๆในอ้อมกอดเพื่อให้มันอยู่ในฤดูหนาว
เมื่องูเห่าได้รับความอบอุ่นมีมากขึ้นมันเริ่มกัดและอาศัยอยู่จากชาวนา
ก่อนที่พวกเขาไป



นักเรียนชาวนามากขึ้น ก็ต้องเห็นใจความสว่างลงจัดการเบาๆในอ้อมกอดเพื่อให้มันอยู่ในฤดูหนาว
เมื่องูเห่าได้รับความอบอุ่นมีมากขึ้นมันเริ่มกัดและอาศัยอยู่จากชาวนา
ก่อนที่พวกเขาไป



นักเรียนชาวนามากขึ้น ก็ต้องเห็นใจความสว่างลงจัดการเบาๆในอ้อมกอดเพื่อให้มันอยู่ในฤดูหนาว
เมื่องูเห่าได้รับความอบอุ่นมีมากขึ้นมันเริ่มกัดและอาศัยอยู่จากชาวนา
ก่อนที่พวกเขาไป



นักเรียนชาวนามากขึ้น ก็ต้องเห็นใจความสว่างลงจัดการเบาๆในอ้อมกอดเพื่อให้มันอยู่ในฤดูหนาว
เมื่องูเห่าได้รับความอบอุ่นมีมากขึ้นมันเริ่มกัดและอาศัยอยู่จากชาวนา
ก่อนที่พวกเขาไป



นักเรียนชาวนามากขึ้น ก็ต้องเห็นใจความสว่างลงจัดการเบาๆในอ้อมกอดเพื่อให้มันอยู่ในฤดูหนาว
เมื่องูเห่าได้รับความอบอุ่นมีมากขึ้นมันเริ่มกัดและอาศัยอยู่จากชาวนา
ก่อนที่พวกเขาไป