หากเปรียบชีวิตเหมือนขยะสักชิ้น คุณคิดว่าชีวิตคุณเหมือนกับขยะชนิดใด สำหรับผู้ผ่านประสบการณ์เลวร้ายมา จากเด็กบ้านแตกพ่อแม่แยกทางกัน จากเด็กขอทานที่ร้องขอเศษเงิน และจากเด็กเก็บขยะที่จินตนาการไม่ออกว่าจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเทอม
ในช่วงวัยเด็กคุณพ่อและคุณแม่แยกทางกัน คุณแม่ออกไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ต่างจังหวัด เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว และส่งเงินกลับมาให้ลูก ๆ เดือนละ 500 บาท ดร.กุลชาติต้องต่อสู้กับชีวิตมาตลอด ทั้งไปขอข้าวกินตามวัด หรือตามงานเทศกาลต่าง ๆแต่ถึงชีวิตจะลำบาก เขาก็ไม่คิดหนีไปไหน เหตุผลเดียวก็คือ เขาต้องการรอแม่ เพราะกลัววันใดที่แม่กลับมาแล้ว จะไม่เจอลูก และหลังจากใช้ชีวิตเพียงลำพังมา 2 ปี ในที่สุด "แม่" ก็กลับมา และบอกว่าจะไม่ทิ้งลูกไปอีกแล้ว เขาบอกว่า นี่คือช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุด
จุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้เขาขวนขวายเรียนหนังสือคือวันหนึ่งส้วมที่บ้านเต็ม ราดเท่าไหร่ก็ไม่ลง แม่ของเขาตัดสินใจใช้ค้อนทุบบ่อเกรอะด้วยตัวเอง และใช้กระป๋องสีตักสิ่งปฏิกูลยกไปทิ้งทีละถัง ๆ ตลอดทั้งคืน
เขาบอกว่า"ผมมองเห็นแม่ทำแบบนั้นทั้งคืน ผมคิดในใจว่าท่านยอมทำขนาดนี้เพื่อลูก เขาแค่อยากให้ผมไปเรียนเอง ตีผมทุกวันเพื่อให้ผมไปเรียน ทำไมผมถึงไม่ยอมไป เทียบแล้วแม่ลำบากกว่าเรามาก ก็เลยตั้งเป้าจะไปเรียนให้ได้" หลังจากนั้น ดร.กุลชาติ ก็ปฏิวัติตัวเองใหม่ ตื่นแต่เช้า ออกไปช่วยแม่เก็บขยะตั้งแต่ตี 4 7 โมงเช้าก็ไปเข้าห้องเรียน เพื่อตั้งใจเรียนหนังสือ กระทั่งวันหนึ่งความพยายามของเขาก็ประสบความสำเร็จกลายเป็น ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ อาจารย์หนุ่มอนาคตไกลที่เรียนจบปริญญาเอกจากประเทศญี่ปุ่น