Robert Bruce Banner was born December 18 1969, and enough during harvest period before he was a teenager to middle name is just a name that the template name instead of the rest of Bruce banner to Betty Ross found the Hebrew sadai while studying at the same University, is a University Stanley both fall in love each other since then, and never again. When Brook Betty salae graduated both as professors in University and the Culver University boasts that the Phoenix Hebrew sadai known astronomical sik who is very capable, which is the same, that is, the University Professor Dr. Erik Selvig.(A scene in Dr. Thor 2011 Senwik to mention scientists who is a pioneer in color kaemma's nest). ปี 2005 ดร.บรูซและดร.เบ็ตตี้ก็ได้รับการคัดเลือกจากกองทัพสหรัฐ ที่จะต้องทำงานในโปรเจคลับสุดยอดของกองทัพ ในชื่อเต็มๆว่า the Bio-Tech Force Enhancement Project แต่ความจริงแล้ว ทางกองทัพต้องการรื้อฟื้น Project Rebirth ขึ้นมาใหม่นั่นเอง โดยเอาขั้นตอนการทำงานของ ดร.เอิร์ลสกินในปี 1942 มาเป็นแนวทางให้ดร.บรูซ รวมถึงไครโอชิงค์ที่ฮาเวิร์ด สตาร์คผลิตมาให้ดร.บรูซศึกษาด้วย แต่ดร.บรูซซึ่งเชี่ยวชาญใน Gamma Radiation หรือรังสีแกมม่าเป็นพิเศษ ตัดสินใจวิจัยโปรเจคนี้ด้วยรังสีแกมม่าแทนเสูตรของเอิลสกิน และใช้ร่วมกับเซรุ่มที่ยังเหลือในไครโอชิงค์ ซึ่งทางกองทัพบอกแต่เพียงว่า โปรเจคนี้ต้องการสร้างทหารที่แข็งแกร่งขึ้น (แล้วมันแตกต่างกับโปรเจครี-เบิร์ธยังไง?) โดยหัวหน้าโครงการทางทหารนี้ก็คือ General Thaddeus Ross หรือนายพลรอส พ่อแท้ๆของดร.เบ็ตตี้ A few months later. Dr. Brook have an extreme confidence that the good accomplished no problem and then the initial manual testing (what is?) Dr. Brook black lights with colored nest sachai kaemma their synthesis is in this project that Dr. sachamlong color kaemma's nest, this Hebrew works similar to this will of Dr. เอิลส to eat.Dr. Brook sotdonong kaemma color with shine own nest. But the results are not coming out as expected the shine out of the nest, color, kaemma, and too much. All laboratories must escape death Hebrew came out all remaining single in sakhon, Dr., boruem .. cocoa .. khran becomes. ดร.บรูซดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน และก่อนที่ดร.บรูซจะดิ้นจนหลุดออกจากเครื่องฉายรังสีแกมม่า ดร.เบ๊ตตี้ก็ตรวจพบว่าอัตราการเต้นของหัวใจของบรูซสูงและถี่มาก ก่อนที่บรูซจะกลายร่างเป็นฮัล์ค ร่างกายของบรูซขยายใหญ่โตขึ้น กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ผิวกลายเป็นสีเขียว และร่างกายแข็งแกร่งขึ้นเกือบจะอมตะ ยิงฟันแทงไม่เข้า (แต่ยังรู้สึกเจ็บอยู่นะ) และดร.บรูซก็จำอะไรไม่ได้เลยขณะที่เป็นฮัล์ค ฮัล์คอาละวาดพังทุกอย่างในแลปฯ จึงทำให้ดร.เบ็ตตี้ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนักมากจากเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตาม การกลายร่างของดร.บรูซเป็นฮัล์คครั้งแรก ก็เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆเท่านั้น และไม่นานบรูซก็กลับคืนสภาพร่างกายมนุษย์ปกติ และสลบไปดร.บรูซ แบนเนอร์ เฝ้าอาการ ดร.เบ๊ตตี้ รอส ซึ่งบาดเจ็บสาหัสจากความผิดของตน ดร.บรูซหลังจากฟื้นคืนสติ ก็รีบถามถึงดร.เบ๊ตตี้คนรัก และรีบออกจากห้องรักษาตัวไปหาดร.เบ๊ตตี้ทันที (บรูซและเบ๊ตตี้มารักษาที่โรงพยาบาลเดียวกัน) เมื่อเห็นสภาพคนรักแล้วบรูซก็ตำหนิตัวเอง นายพลรอสซึ่งแขนหักจากเหตุการณ์นี้ด้วยเห็นบรูซมาเยี่ยมลูกสาวตน ก็บันดาลโทสะไล่บรูซออกจากห้องไป สามวันหลังจากนั้น นายพลรอสก็พบบรูซอีกครั้งข้างเตียงผู้ป่วยของเบ๊ตตี้ นายพลรอสซึ่งใจเย็นลงแล้วเข้าไปพูดคุยกับบรูซ และเสนอให้บรูซเข้าห้องแลปฯที่รัฐแมรี่แลนด์ เพื่อวิจัยร่างกายบรูซอย่างละเอียด โดยนายพลรอสหวังจะค้นพบกุญแจสำคัญในตัวบรูซ และนำมาสร้างสุดยอดทหารเหนือมนุษย์ แต่บรูซปฏิเสธ นายพลรอสไม่มีทางเลือก จึงสั่งทหหารจับกุมบรูซ แต่บรูซก็หลบหนีมาได้ นายพลรอสจึงสั่งให้กองกำลังทหารในสังกัดของตนไล่ล่าบรูซอย่างเป็นทางการ บรูซต้องตัดสินใจทิ้งเบ๊ตตี้คนรัก เพราะบรูซไม่อยากให้เบ๊ตตี้ต้องมาเดือดร้อนเพราะตนเอง บรูซพยายามจะหนีออกจากสหรัฐฯ โดยแอบไปในรถพ่วงซึ่งกำลังจะวิ่งไปประเทศแคนนาดา เมื่อถึงชายแดนแคนนาดา ก็พบว่ากองกำลังทหารของนายพลรอสมาดักตรวจรถไว้ที่ทางผ่านชานแดน ทหารมาเปิดรถพ่วงและพบบูซอยู่ภายใน บรูซตกใจจนหัวใจเต้นแรงชีพจรสูงจึงกลายร่างเป็นฮัล์ค และฮัล์คก็แหกด่านกองกำลังทหารของนายพลรอสหนีเข้าเขตแดนประเทศแคนาดาไปได้ ที่บาร์แห่งหนึ่งในแคนาดา นิค ฟิวรี่ ซึ่งติดตามเรื่องของบรูซมาได้ซักระยะ ก็เข้ามาพูดคุยกับบรูซแบบไม่เผยตัว นิคหวังที่จะประเมินบรูซเบื้องต้นว่าบรูซเป็นคนแบบใด และกลายเป็นอะไรไปหลังจากการทดลอง นิคพยายามตีสนิทบรูซโดยจะเลี้ยงเบียร์เขา แต่บรูซซึ่งอยู่ในอารมณ์หดหู่ ก็ปฎิเสธนิคไป นิคจึงถอยห่างออกมา นิคยังไม่ลดละ นิคจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ S.H.I.E.L.D. สองคนแกล้งเป็นอันธพาลไปยั่วโมโหบรูซและก่อกวนเขา และนิคจะสวมบทผู้เข้าไปช่วยเหลือบรูซจากอันธพาล เพื่อซื้อใจบรูซและตีสนิทบรูซนั่นเอง แต่สิ่งที่นิคยังไม่รู้ก็คือ อย่าทำให้บรูซโกรธ และบรูซก็กลายเป็นฮัล์ค
ทุกคนในบาร์ก็โดนบรูซซึ่งกลายร่างเป็นฮัล์คอาละวาดใส่ นิคพยายามปลอบฮัล์คสงบลง แต่ก็ไม่เป็นผล ฮัล์คอาละวาดวิ่งทะลุบาร์ออกไป เพราะสัญชาติญาณบรูซหรือฮัล์คที่มีในจิตสำนึกตลอดมา คือการหลบหนีนั่นเอง จึงไม่มีใครเป็นอันตราย
ผ.อ.นิค ฟิวรี่ เรียกประชุมจนท.พิเศษระดับ 7 และระดับ 8 ของชิลด์ทันที ซึ่งงมีโคลสันในการประชุมนี้ด้วย นิคประกาศว่าดร.บรูซ แบนเนอร์ หลังจากกลายเป้นฮัล์คแล้ว คือภัยอันตรายระดับสอง แต่ระดับแรกคือการช่วยเหลือบรูซก่อน (นั่นหมายความว่าเมื่อมีเหตุร้ายแรงให้ช่วยฮัล์คก่อนขั้นแรก ช่วยไม่ไหวจริงๆจึงหาทางล้มฮัล์คให้ได้นั่นเอง)
ดร.บรูซหดหู่ถึงขีดสุด เขาไม่ต้องการที่จะหลบหนีนายพลรอสอีกแล้ว เขาไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้ผู้คน เขาไม่ต้องการทำให้ใครบาดเจ็บ ที่สำคัญ เขาไม่อยากให้ใครอาจจะต้องมาเสียชีวิตเพราะเขา บรูซจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายซะดีกว่า โดยการจะเอาปืนยิงกรอกปากตัวเอง ฉับพลันบรูชก็กลายเป็นฮัล์ค และฮัล์คก็คายลูกกระสุนออกมาจากปาก การฆ่าตัวตายของบรูซจึงไม่สำเร็จ
(อ้างอิงจากบทพูดของ ดร.บรูซในภาพยนตร์เรื่อง the Avengers 1 )
ฮัล์คมองดูปืนในมือหลังจากบรูซพยายามฆ่าตัวตาย
บรูซระหกระเหินหนีการตามล่าของนายพลรอสมาจนถึง ริโอเดอจาเนโร บราซิ
การแปล กรุณารอสักครู่..