แนวคิดเกี่ยวกับความเสมอภาคนั้นสามาร

แนวคิดเกี่ยวกับความเสมอภาคนั้นสามารถย้อนกลับไปได้ไกลถึงสมัยกรีกจากงานเขียนของเพลโต้ (Plato) และอริสโตเติล (Aristotle) ที่ได้โจมตีแนวคิดประชาธิปไตยแบบเอเธนส์ที่มีพื้นฐานอยู่บนความเท่าเทียมกันนั้นว่าไม่ใช่รูปแบบการปกครองที่ดีที่สุดเพราะคนแตกต่างกัน คนบางคนโง่ คนบางคนฉลาด คนแต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกัน คนบางคนไม่เหมาะกับการบริหารกิจการสาธารณะ หรือไม่เหมาะที่จะเป็นทหาร เมื่อพิจารณางานเขียนในยุคสมัยใหม่ นักคิดคนแรกที่เสนอว่ามนุษย์เท่าเทียมกันก็คือ นักคิดชาวอังกฤษ โธมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) โดยฮอบส์ ได้เขียนงานที่โด่งดัง ชื่อว่า “เลอไว่อาเธิน” (Leviathan) ตอนหนึ่งมีการกล่าวถึงธรรมชาติของมนุษย์ว่า “มนุษย์มีความเท่าเทียมกัน แม้ว่าเมื่อจะพิจารณาแล้วว่า มีความแตกต่างทางด้านร่างกาย หรือสติปัญญาก็ตามสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญอะไรที่จะทำให้มนุษย์ไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งสิ่งที่เสมอภาคกันของฮอบส์คือการที่ทุกคนเท่าเทียมกันในเรื่องการอ้างผลประโยชน์ และความสามารถที่จะทำร้ายผู้อื่นได้เท่าๆ กัน” (Hobbes, 1985: 183)[2]

นอกจากฮอบส์ แล้วยังมีนักคิดอย่างจอห์น ล็อก (John Locke) และ ฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean-Jacques Rousseau) ซึ่งล้วนเป็นนักคิดสมัยใหม่ที่ล้วนแต่นำเสนอว่ามนุษย์แต่ละคนต่างเท่าเทียมกัน โดยความเสมอภาคของล็อกนั้นเน้นหนักอยู่ที่สิทธิที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดอันไม่สามารถพรากไปได้ (natural rights) และการที่มนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดจึงส่งผลให้คนทุกๆคนนั้นเท่าเทียมกัน ในขณะที่ความเสมอภาคของรุสโซ นั้นมีจุดเน้นอยู่ที่มนุษย์ทุกคนมีเสรีภาพและการที่ทุกๆคนมีเสรีภาพ ทำให้คนทุกๆคนเท่าเทียมกัน อนึ่งด้วยวิธีคิดของนักคิดทั้งสามคนที่ถือว่าเป็นรากฐานของความเป็นสมัยใหม่ได้ก่อให้เกิดทฤษฎีการเมืองที่ต่อเนื่องจากแนวคิดความเสมอภาคนั่นก็คือ ทฤษฎีสัญญาประชาคม ที่เสนอว่าการเกิดขึ้นของรัฐมีที่มาจากการที่มนุษย์แต่ละคนจะมาตกลงทำสัญญากันก่อตั้งรัฐ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องมาจากมนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถบีบบังคับให้มนุษย์คนอื่นๆเข้าร่วมสังคมหรือรัฐได้ถ้าตัวเขาไม่ยินยอม ในที่สุดแนวคิดเกี่ยวกับความเสมอภาคก็ได้นำไปสู่สองเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์โลกสมัยใหม่นั่นก็คือ การปฏิวัติอเมริกัน ปี ค.ศ. 1776 และการปฏิวัติใหญ่ในฝรั่งเศส ปี ค.ศ. 1789 ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์นี้เป็นการปฏิวัติโดยมีความคิดพื้นฐานเพื่อยืนยันถึงเรื่องที่มนุษย์นั้นเกิดมาเท่าเทียมกัน

ในปัจจุบัน มโนทัศน์เรื่องความเสมอภาคมีบทบาทสำคัญในวงวิชาการเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการกระจายรายได้หรือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การเข้าถึงทรัพยากรและบริการสาธารณะ การกระจายการจ้างงานหรือโอกาสการทำงาน ประเด็นที่เกี่ยวกับการมีตัวแทนในทางการเมืองของบุคคล กลุ่มทางสังคม หรือการมีตัวแทนแห่งรัฐ รวมถึง การเรียกร้องของกลุ่ม “สตรีนิยม” (Feminism) ที่ต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมของสตรี ให้ยุติการถูกเลือกปฏิบัติบนพื้นฐานของเพศ ป้องกันความรุนแรงทั้งเชิงกายภาพ โครงสร้าง และวัฒนธรรมต่อผู้หญิง อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวก็เป็นที่ถกเถียงกันเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี พึงตระหนักว่า หลักความเสมอภาคนั้นต้องคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะเหนือประโยชน์ส่วนบุคคล เช่น หากเกิดความวุ่นวายไม่สงบขึ้น รัฐอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการบางอย่างระงับเหตุ และการใช้มาตรการดังกล่าวอาจสะท้อนให้เห็นถึงการเลือกปฏิบัติและขัดต่อหลักแห่งความเสมอภาคได้ ในทางกลับกัน การจะอ้างประโยชน์สาธารณะที่ถือว่ากระทบต่อหลักแห่งความเสมอภาคที่ก่อให้เกิดการแบ่งแยก เช่น เชื้อชาติ ศาสนา เพศ เป็นต้น ก็ไม่อาจทำได้ การเลือกปฏิบัติในเรื่องความเสมอภาคที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลต้องเป็นไปเพื่อมุ่งลดความเหลื่อมล้ำที่ดำรงอยู่ หรือการให้คุณในทางบวก เพื่อชดเชยให้คนที่มีสถานะด้อยกว่าบุคคล เท่าเทียมกันมากขึ้น หลักการนี้เกิดจากแนวคิดของประธานาธิบดีเคนเนดี้ (John F. Kennedy) และประธานาธิบดีจอห์นสัน (Lyndon B. Johnson) ของสหรัฐอเมริกา โดยมีการตรากฎหมายสิทธิพลเมือง (Civil Rights Act) ขึ้นเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1964 และในปี ค.ศ. 1978 ศาลสูงสุด (Supreme Court) ของสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินในคดี Regents of University of California V. Bakke ว่าการที่มหาวิทยาลัยสำรองที่นั่ง 16% ของคณะแพทยศาสตร์ให้แก่นักศึกษาผิวสีเป็นการกระทำที่ไม่ขัดต่อหลักความเสมอภาค เนื่องจากถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำที่ดำรงอยู่ นโยบายดังกล่าวของประธานาธิบดีเคนเนดี้ และประธานาธิบดีจอห์นสัน มีชื่อว่า “Affirmative Action” และยังใช้มาจนถึงปัจจุบัน แม้จะมีข้อถกเถียงและผู้ไม่เห็นด้วยจำนวนมาก

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Ideas about equality, they can move back to the era of green from our writings place dialog (Plato), and Aristo title (Aristotle) that has attacked the idea of a democratic Athens based on equality, then that is not a form of Government that best, because people are different. Some people fool. Some people wiser. Each person has different capabilities. Some people don't fit the public affairs administration, or not suitable as soldiers. When considering a job in the new era Researchers first proposed that human beings equally, British researchers Thomas (Thomas Hobbes) hop by hop wrote the famous work titled "Le Myoko thoen wai" (Leviathan), one of the men was described as a "natural human equality even when there are already คว.Mataek different physical or intellectual, as these things do, it is important to make a human being does not equal the equal of hop is that everyone is equal in terms of benefits and claims the ability to harm others equally "(Hobbes, 1985:183) [2]นอกจากฮอบส์ แล้วยังมีนักคิดอย่างจอห์น ล็อก (John Locke) และ ฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean-Jacques Rousseau) ซึ่งล้วนเป็นนักคิดสมัยใหม่ที่ล้วนแต่นำเสนอว่ามนุษย์แต่ละคนต่างเท่าเทียมกัน โดยความเสมอภาคของล็อกนั้นเน้นหนักอยู่ที่สิทธิที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดอันไม่สามารถพรากไปได้ (natural rights) และการที่มนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดจึงส่งผลให้คนทุกๆคนนั้นเท่าเทียมกัน ในขณะที่ความเสมอภาคของรุสโซ นั้นมีจุดเน้นอยู่ที่มนุษย์ทุกคนมีเสรีภาพและการที่ทุกๆคนมีเสรีภาพ ทำให้คนทุกๆคนเท่าเทียมกัน อนึ่งด้วยวิธีคิดของนักคิดทั้งสามคนที่ถือว่าเป็นรากฐานของความเป็นสมัยใหม่ได้ก่อให้เกิดทฤษฎีการเมืองที่ต่อเนื่องจากแนวคิดความเสมอภาคนั่นก็คือ ทฤษฎีสัญญาประชาคม ที่เสนอว่าการเกิดขึ้นของรัฐมีที่มาจากการที่มนุษย์แต่ละคนจะมาตกลงทำสัญญากันก่อตั้งรัฐ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องมาจากมนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถบีบบังคับให้มนุษย์คนอื่นๆเข้าร่วมสังคมหรือรัฐได้ถ้าตัวเขาไม่ยินยอม ในที่สุดแนวคิดเกี่ยวกับความเสมอภาคก็ได้นำไปสู่สองเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์โลกสมัยใหม่นั่นก็คือ การปฏิวัติอเมริกัน ปี ค.ศ. 1776 และการปฏิวัติใหญ่ในฝรั่งเศส ปี ค.ศ. 1789 ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์นี้เป็นการปฏิวัติโดยมีความคิดพื้นฐานเพื่อยืนยันถึงเรื่องที่มนุษย์นั้นเกิดมาเท่าเทียมกัน
ในปัจจุบัน มโนทัศน์เรื่องความเสมอภาคมีบทบาทสำคัญในวงวิชาการเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการกระจายรายได้หรือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การเข้าถึงทรัพยากรและบริการสาธารณะ การกระจายการจ้างงานหรือโอกาสการทำงาน ประเด็นที่เกี่ยวกับการมีตัวแทนในทางการเมืองของบุคคล กลุ่มทางสังคม หรือการมีตัวแทนแห่งรัฐ รวมถึง การเรียกร้องของกลุ่ม “สตรีนิยม” (Feminism) ที่ต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมของสตรี ให้ยุติการถูกเลือกปฏิบัติบนพื้นฐานของเพศ ป้องกันความรุนแรงทั้งเชิงกายภาพ โครงสร้าง และวัฒนธรรมต่อผู้หญิง อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวก็เป็นที่ถกเถียงกันเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี พึงตระหนักว่า หลักความเสมอภาคนั้นต้องคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะเหนือประโยชน์ส่วนบุคคล เช่น หากเกิดความวุ่นวายไม่สงบขึ้น รัฐอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการบางอย่างระงับเหตุ และการใช้มาตรการดังกล่าวอาจสะท้อนให้เห็นถึงการเลือกปฏิบัติและขัดต่อหลักแห่งความเสมอภาคได้ ในทางกลับกัน การจะอ้างประโยชน์สาธารณะที่ถือว่ากระทบต่อหลักแห่งความเสมอภาคที่ก่อให้เกิดการแบ่งแยก เช่น เชื้อชาติ ศาสนา เพศ เป็นต้น ก็ไม่อาจทำได้ การเลือกปฏิบัติในเรื่องความเสมอภาคที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลต้องเป็นไปเพื่อมุ่งลดความเหลื่อมล้ำที่ดำรงอยู่ หรือการให้คุณในทางบวก เพื่อชดเชยให้คนที่มีสถานะด้อยกว่าบุคคล เท่าเทียมกันมากขึ้น หลักการนี้เกิดจากแนวคิดของประธานาธิบดีเคนเนดี้ (John F. Kennedy) และประธานาธิบดีจอห์นสัน (Lyndon B. Johnson) ของสหรัฐอเมริกา โดยมีการตรากฎหมายสิทธิพลเมือง (Civil Rights Act) ขึ้นเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1964 และในปี ค.ศ. 1978 ศาลสูงสุด (Supreme Court) ของสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินในคดี Regents of University of California V. Bakke ว่าการที่มหาวิทยาลัยสำรองที่นั่ง 16% ของคณะแพทยศาสตร์ให้แก่นักศึกษาผิวสีเป็นการกระทำที่ไม่ขัดต่อหลักความเสมอภาค เนื่องจากถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำที่ดำรงอยู่ นโยบายดังกล่าวของประธานาธิบดีเคนเนดี้ และประธานาธิบดีจอห์นสัน มีชื่อว่า “Affirmative Action” และยังใช้มาจนถึงปัจจุบัน แม้จะมีข้อถกเถียงและผู้ไม่เห็นด้วยจำนวนมาก

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

The concept of equality that can be traced back as far as ancient Greece from the writings of Plato (Plato) and Aristotle (Aristotle) ​​has attacked the democracy of Athens that is based on equality, then it is not a pattern. The best rule is different because some fool some people, intelligent people, each with different abilities. Some people are not suited to the management of public affairs. Or not fit to be a soldier. Considering the writings of the modern era. The idea was first proposed that human beings are equal. British thinker Thomas Hobbes (Thomas Hobbes) by Hobbes wrote the famous work titled "Le sensitive Thurston's" (Leviathan), one has to mention that the nature of man. "Human beings are equal Even when it is determined that There are differences in the body. Intellect or whatever these things are not important, what makes human inequality. However, the equality of Hobbs is that everyone is equal in the claimed benefits. And the ability to hurt others as well "(Hobbes, 1985: 183) [2] In addition to Hobbs. Then there are thinkers like John Locke (John Locke) and Jean Jacques Rousseau (Jean-Jacques Rousseau), which are all modern thinkers are all present that individual human beings are equal. By stressing equality of locks that are ingrained since birth, the right can not be taken (natural rights) and that every human being has the right to take since birth as a result, every person equally. While equality of Russo. Then the focus on human freedom and the freedom of every person. Make everyone equally The way I think of the three is considered the foundation of modern political theory has caused a continuation of the concept of equality that is. Social contract theory Proposed that the emergence of the state is derived from the fact that each human being to come to agreement that founded the state. The reason for this is due to every human being equally. Therefore, no one can be forced to join any other human society or the state if they do not agree. The concept of equality has led to two major events in the history of the modern world, that is. Since 1776 the American Revolution and the French Revolution in 1789, both of which this event has revolutionized the basic idea to confirm what the man born equal today. The concept of equality plays an important role in academia as well. Whether it is in terms of the distribution of income or economic benefits. Access to resources and public services The distribution of employment or work opportunities. Issues relating to representation in the political party. Social groups Or an agent of the state, including the claims of the "feminist" (Feminism) fought for the equality of women. An end to discrimination based on sex. Prevent violence against women, both physical and cultural structure However, this is a very controversial as well, however. Please be aware that Equality must take into account the public interest above personal interests, such as the destabilizing unrest. Some states may require emergency measures. And the use of such measures may reflect discriminatory and contrary to the principle of equality has in turn claimed public interest constitutes the principle of equality, the cause of discrimination, such as race, religion, gender and so on. it may not be Discrimination, equality is internationally recognized to be in order to reduce the disparity that existed. Or to keep you in a positive way. To compensate for the inferior status individuals. More equitable This principle stems from the concept of President Kennedy (John F. Kennedy), and President Johnson (Lyndon B. Johnson) of the United States. The enactment of Civil Rights (Civil Rights Act) On July 2, 1964, and in 1978 the Supreme Court (Supreme Court) has ruled in the case of the United States of Regents of University of California V. Bakke. For reservations, 16% of the university's faculty of medicine to students of color rendition is not contrary to the principle of equality. Since constitutes discrimination aimed at reducing the disparity that existed. Such policies of President Kennedy. And President Johnson called "Affirmative Action" and still used today. Despite the controversies and dissent lot.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

Concepts of equality that can go back far from the writings of the ancient Greek เพลโต้ (Plato) and Aristotle (Aristotle).Some people fool some people intelligent people, each with different abilities. Some people don't fit the administration of public affairs Not suitable to be a soldier. When considering the writings in the new era. The thinker who first proposed that human equality isThomas Hobbes (Thomas Hobbes) by Hobbes has written a popular work, titled "Le Wai ah เธิน" (Leviathan) when หนึ่งมี discussed human nature. Human equality. " Even when considering that There are differences in the body.The equality of the theory is that everyone is equal in the claimed benefits. And the ability to hurt others, (Hobbes equally well. "1985: 183) [2]

.In addition to Hobbes and also thinkers as John Locke (John Locke) and Jean ฌากส์ Russo (Jean-Jacques Rousseau) which are all modern thinkers are presented that each man are equal.