แกงประกอบไปด้วย ผักบุ้ง (Kang Kong) ผักกาดไร่ (ชุนฉ่าย) ผักกวางตุ้ง หัวไชเท้า เผือก มะเขือม่วง กระเจี๊ยบมอญ พริกชี้ฟ้าเขียว มะเขือเทศ หอมแดง และฝักถั่วให้เลือกเอาตามชอบว่าจะเป็นถั่วฝักยาว ถั่วแขก หรือถั่วพู
ผักนั้นไม่จำเป็นว่าต้องใส่ทุกอย่าง แต่ควรมีผักที่ยืนพื้นคือ ผักบุ้ง หัวไชเท้า เผือก มะเขือเทศ หอมแดง อย่างอื่นๆ นั้นให้เลือกใส่ตามชอบ เช่น ผักใบเขียว 1 อย่าง ฝักถั่วอย่างใดอย่างหนึ่ง
เครื่องปรุงรสนั้นประกอบด้วยผักที่ให้รสเปรี้ยว เช่น มะขาม หรือจะใช้ผักที่ให้ความเปรี้ยวอย่างอื่น เช่น มะม่วงดิบ ยอดมะขาม ฝักมะขามอ่อน ตะลิงปลิง ฝรั่งสุก และกระท้อนดิบ
แกงส้มใส่ซี่โครงหมูนี้ทำให้ฉันนึกถึงผักกาดจอ ส่วนถ้าแกงใส่ปลาฉันจะนึกถึงกันจัว (Canh chua) หรือต้มส้มของเวียดนาม ที่มีรสชาติคล้ายกันมาก เพียงแต่กันจัวจะเพิ่มสับปะรด ออดิบ และผักคะแยงเข้าไป ต้มส้มนี้กัมพูชาก็มี เรียกว่า ซัมลอร์ มจู แสดงให้เห็นถึงความนิยมในน้ำแกงที่มีรสเปรี้ยวของผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นรสชาติอาหารที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศในแถบนี้
เมื่อมีวัตถุดิบครบแล้ว เราก็เริ่มลงมือทำกันเลย เริ่มจากต้มซี่โครงหมูให้เปื่อย ใส่เกลือเล็กน้อย หมั่นช้อนฟองออก เมื่อหมูเปื่อยดีแล้วใส่น้ำมะขามเปียก น้ำปลา เดี๋ยวนี้มีเครื่องปรุงรสสำเร็จรูปขายเป็นซองเรียกว่า ซินิกัง มิกซ์ (Sinigang mix) เพื่อความสะดวกรวดเร็ว แต่มันก็ไม่เห็นจะยากเย็นเลยที่เราจะใช้เครื่องปรุงสด เพราะสิ่งเหล่านี้มีคู่ครัวไทยอยู่แล้ว
ปรุงรสแล้วก็ใส่ผักที่สุกยากลงไปก่อน เช่น เผือก หัวไชเท้า ต้มไปสักพักจึงใส่ผักอื่นๆ ที่สุกง่ายกว่าตามลงไป ถ้าชอบผักเปื่อยก็ต้มนานหน่อย เมื่อเป็นที่พอใจแล้วก็ตักเสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวย พริกน้ำปลาสักถ้วย ปลาแห้งทอดสักจาน ซดน้ำแกงร้อนๆ นับเป็นมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบอีกมื้อหนึ่ง